การรักษาผู้ป่วย HIV ในปัจจุบันนั้นประสิทธิภาพสูงมาก ใกล้เคียงกับคำว่าหายเลยนะครับ โดยที่ผลข้างเคียงจากการรักษาก็ไม่มากเหมือนแต่ก่อน ยาที่ใช้ส่วนมากก็จะเป็นยาเม็ดรวมที่เพิ่มความสะดวกในการกิน สิทธิการรักษาต่างๆก็คลอบคลุมเกือบหมด มีการจัดการคลินิก HIV ที่มีมาตรฐานมากๆใน รพ.ทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน เพียงแต่ผู้ป่วยเปิดใจยอมรับ และรักษาสม่ำเสมอ ปฏิบัติตัวเคร่งครัด เขาเหล่านั้นก็จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีปกติสุข เหมือนคนทั่วไปทุกประการ เกณฑ์การรักษาของประเทศไทย อ้างอิงตาม แนวทางการรักษา HIV ปี 2557 เปิดโอกาสให้ผู้ติดเชื้อเข้าสู่การรักษาเร็วขึ้น โดยให้การรักษาได้ตั้งแต่ค่าเม็ดเลือดขาว CD4+ ตั้งแต่ 350 ลงมา การรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก การให้ยาเพื่อป้องกันกรณีเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เข็มทิ่มตำ การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือถุงยางอนามัยแตกรั่ว
ปัญหาที่พบมากๆในปัจจุบันคือ
1. คิดว่า HIV ไกลตัว จริงๆตอนนี้มีผู้ติดเชื้อกว่าสองล้านครับ ที่แย่คือพวกเขายังไม่รู้และก็จะแพร่เชื้อออกไปเรื่อยๆครับ ต้องป้องกันตลอดครับ--ยืดอกพกถุง--และ test and treat คือถ้าคิดว่าเสี่ยง ก็เข้ารับการตรวจและรักษาเลย ไม่ต้องรอให้เป็นมากๆ หรือ ไปแพร่เชื้อสู่คนอื่น
2. ไม่เปิดใจ ตอนนี้เรามีทีมงานในระดับ รพ. เขต หรือกระทั่งระดับกระทรวง เพื่อดูแลด้านอื่นๆนอกจากการรักษา เช่น จะบอกญาติอย่างไร จะคุยกับคู่แต่งงานอย่างไร จะถูกให้ออกจากงานไหม ค่าใช้จ่ายในการรักษาเท่าไร เครียดมากอยากตายให้จบๆไป--- อย่าครับ...เรา..อายุรแพทย์มีทางออกให้ท่านเสมอครับ
3.ไม่อดทน การรักษานั้นจะสำเร็จเมื่อท่านกินยาตลอดชีวิตอย่างเคร่งครัด และติดตามนัดตลอดไป ส่วนมากที่ผมและเพื่อนหมอเมดเจอกันคือ" honeymoon period" ภาษาตอนนี้ก็เรียกว่า "ช่วงโปรโมชั่น" ตอนแรกๆรักษาอย่างเป๊ะ ผ่านไป 2-3 ปีเริ่มเกเร ไม่กินยา ไม่มาตามนัด ไปกินบัวหิมะจากเขาเหลียงซาน ขวดละหมื่นก็มี อยากให้ท่านเชื้อมั่นและศรัทธาใน วิชา HIV ของอายุรแพทย์เราที่ตอนนี้ผมคิดว่าถึงขั้นสุดเลยทีเดียว
อยากให้บทความนี้ช่วยกระตุ้นเตือน--ท่านที่ปกติ อย่าประมาทจนติดเชื้อ--ท่านที่ยังเสี่ยง รีบไปตรวจ--ท่านที่ยังลังเลเรื่องการรักษา รีบเข้ารับการรักษา--ท่านที่กินยาแล้วเกเร เลิกเกเรกลับมาเริ่มกันใหม่--ท่านที่รักษาสำเร็จแล้ว ขอให้พบนิพพานแห่งการรักษา อย่ากลับมาในสังสารวัฏ HIV อีกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น