23 พฤศจิกายน 2567

ความทรงจำ..มันไม่มีทางเลือนได้

 ความทรงจำ..มันไม่มีทางเลือนได้

ครูบาอาจารย์ที่พร่ำสอนผมมา ได้สอนเสมอว่า เมื่อคนไข้ที่เราดูแลเกิดเสียชีวิต เราต้องเข้าใจ ทำใจ และวางใจเป็นกลาง เพื่อเดินหน้าต่อไป
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น
หลายปีก่อนผมรับดูแลผู้ป่วยรายหนึ่ง เป็นสุภาพสตรีอายุ 60 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไตเสื่อมแต่ยังไม่ต้องฟอกไต ผู้ป่วยตรวจพบมะเร็งเต้านม เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด และให้ยาเคมีบำบัด หลังให้ยาเคมีบำบัด จะมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ต้องมาปรับสภาพร่างกาย
กำหนดให้ยาเคมี 6 รอบ จนผมเข้าใจและรู้จักพื้นฐานผู้ป่วยดี ผู้ป่วยและญาติก็ไว้ใจ จนสิ้นสุดการให้ยาเคมีครั้งที่ 6 ผู้ป่วยอ่อนเพลียมาก มาเข้ารับการรักษาอีกครั้ง และบอกกับผมว่า ให้เคมีครั้งสุดท้ายแล้ว พอรักษากับคุณหมอหายดีแล้ว ขอไปเที่ยวทะเล
ผมก็บอกว่าได้เลย และยิ้ม พูดคุยเหมือนทุกรอบ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน
ผู้ป่วยอ่อนเพลีย อาเจียนรุนแรงมาก ตามมาด้วยไข้สูง เหนื่อย ความดันโลหิตตก และเข้าสู่ภาวะช็อกติดเชื้อ ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู
ผู้ป่วยต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ยาเพิ่มความดัน ให้ยาฆ่าเชื้อเต็มขนาด ใส่สายสวนที่คอ ลูกสาวคนไข้บอกว่า “คุณหมอ ฝากแม่ด้วยนะคะ”
คืนนั้นผมตัดสินใจฟอกเลือดให้ผู้ป่วย ในขณะที่กำลังใส่สายสวนที่ขาหนีบเพื่อฟอกเลือด ซึ่งผมใช้การคลำชีพจรเพื่อหาตำแหน่งใส่สาย
ขณะคลำชีพจร … ชีพจรก็หยุดคามือผมเลย
กระบวนการกู้ชีพเกิดขึ้น แต่สุดท้ายผมช่วยผู้ป่วยไม่ได้และเสียชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมยังสัญญาว่าเมื่อหายดีและให้ผู้ป่วยไปเที่ยวทะเล
นานหลายปี แต่ความทรงจำนี้ก็ยังตราตรึงในความทรงจำผมมาตลอด ทุกนาทีที่เกิดเหตุ และปรากฏขึ้นทุกครั้งเมื่อใส่สายสวนหลอดเลือด
เรื่องน่ายินดีและเรื่องเศร้าไม่เคยจางหายไป แม้ผมจะผ่านมันไปได้ ดำรงชีวิตต่อได้ และในวันนี้…
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ที่เราหัวหกก้นขวิดมาด้วยกัน ผ่านเรื่องแย่เรื่องดีสารพัดเรื่องด้วยกัน จนเพื่อนคนหนึ่งล้มป่วยหนัก ติดเตียง สมองกระทบกระเทือนรุนแรงมาก จนจำกันไม่ได้ สื่อสารไม่ได้
วันนี้ หนึ่งในพวกเรามีความยินดีในชีวิตกับงานมงคลสมรส ผมเดินทางไปยินดีเงียบ ๆ ที่โต๊ะไกลสุด สำหรับพวกเราแค่เห็นหน้าว่ามาถึง ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพร่ำพรรณา เราก็เข้าใจความหมายกัน
ผมยินดีมาก ที่เพื่อนประสบความสำเร็จและสมหวัง แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็มองเห็นเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง และคิดในใจว่า…
ถ้าเพื่อนไม่ป่วย ถ้าเพื่อนมาได้ ที่นั่งตรงนั้นคงเห็นเพื่อนนั่งอยู่อย่างแน่นอน เราคงมาปรากฏตัวให้เจ้าบ่าวได้ยิ้ม เมื่อเห็นเราสองคนมานั่งยิ้มทะเล้น ๆ อยู่ตรงนั้น
แต่วันนี้ เก้าอี้ตัวนั้นว่างเปล่า
ครับ..ความทรงจำของเรา ไม่เคยจางหายไป และยังปรากฏเป็นภาพแห่งความสุขที่เราเคยมีความสุขร่วมกันเสมอ
ไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม