กลางดึกคืนหนึ่ง...
กริ๊งงง...ค่ะ ค่ะ ทราบแล้วค่ะ จะแจ้งคุณหมอให้นะคะ อรุณา พยาบาลเวรไอซียูลุกมารับโทรศัพท์อย่างงัวเงียแล้วบอกว่า "หมอคะ ห้องฉุกเฉินโทรมาบอกว่า เดี๋ยวจะมีคนไข้มาที่ห้องฉุกเฉิน รถฉุกเฉินส่งภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาก่อน บอกว่าผิดปกติ ทางห้องฉุกเฉินเขารับมืออุบัติเหตุหมู่อยู่ ขอขอให้เราช่วยค่ะ"
วศิน หมอชราหน้าหนุ่มละสายตาจากนิยายแปลเล่มโต มองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นว่าเหตุการณ์ไม่น่าห่วง จึงบอกว่า "เดี๋ยว คุณอรุณากับมุนินทร์ ลงไปช่วยผมข้างล่างนะ ไปช่วยเขาหน่อย คุณธารี คอยอยู่ที่นี่นะ"
มาที่ห้องฉุกเฉิน ทีมไอซียูเข้ามาพร้อมกับ หน่วยกู้ชีพเข็นเปลสุภาพสตรีรายหนึ่งอายุประมาณ ยี่สิบปลาย ๆ ใบหน้าสวยคมคาย ท่าทางซึม หายใจเบา ๆ วศินจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นอย่างครุ่นคิด จนมุมินทร์ทัก "จ้องอยู่นั่นแหละ บอส คนนี้แหละที่เขาโทรมาแจ้ง"
วศินสะดุ้ง บอกให้ทีมช่วยวัดสัญญาณชีพ มองดูด้วยสายตาแล้วหญิงสาวคนนี้มีแค่อาการซึม ปลุกไม่ค่อยตื่น หายใจแผ่ว ๆ เสียงอรุณาเรียกคนไข้ตลอด "คุณกันยา คุณกันยาคะ" ....
มุนินทร์รายงานสัญญาณชีพ บอกว่า "ไม่มีไข้ค่ะ ความดันต่ำ ๆ ชีพจร 120 ครั้ง หายใจเร็วนิดนึง 22 ครั้ง ปากแห้ง ๆ แต่ว่า คลื่นไฟฟ้านั่น...."
มุนินทร์หยุดพูด สังเกตว่าบอสจ้องไปที่มือของอรุณา ที่ปรากฏแหวนทองเกลี้ยงวงใหม่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ขณะที่อรุณากำลังจับแขนซ้ายคนไข้เพื่อให้น้ำเกลือ เธอรู้สึกหงุดหงิด ..อีตาบอสนี่ ชีกอชะมัด มองแต่สาว ๆ สวย ๆ " บอสคะ ดูคลื่นไฟ้าหัวใจนี่สิ มันผิดปกติมากเลยนะ"
บอสยิ้มหัวใจระทวย บอกว่า "มุนินทร์ ผมว่า คุณช่วยไปตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมื่อสักครู่นะ ผมอยากรู้ว่า ตอนไปพบคนไข้ที่บ้าน มีซองยาอะไรตกอยู่ หรือเขาใช้ยาอะไรบ้างไหม"
"อ้าว..บอสไม่ช็อคหัวใจ หรือ "..มุนินทร์เตรียมเครื่องช็อคไฟฟ้า และอุปกรณ์การใส่ท่อเอาไว้
บอสยิ้มหัวใจละลายอีกครั้ง "ใจเย็น ๆ ก่อนครับ คนไข้อายุน้อย ๆ มีคราบน้ำตาจาง ๆ บนใบหน้า ตาแดง ๆ โดยที่ซึม ๆ แบบนี้เขาอาจจะร้องไห้เสียใจก่อนเกิดเหตุก็ได้นะครับ และดูที่มือของอรุณาสิ"
อรุณาสะดุ้ง นึกในใจว่าเธอไม่น่าใส่แหวนหมั้นวงใหม่มาเลย แต่บอสก็พูดต่อไปว่า "ตรงที่มือคุณอรุณาจับแขนคนไข้นั้น เป็นแผลกรีดข้อมือเป็นทางยาวขนานกัน คนไข้อาจจะเคยมีปัญหาและฆ่าตัวตายมาก่อน เราอาจต้องระวังว่าคุณกันยาอาจจะพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง ซึม ๆ แบบนี้ ต้องคิดเรื่องกินยาอะไรหรือเปล่า ยานอนหลับ ยาจิตเวชต่าง ๆ
แต่ว่ามุนินทร์ยังไม่ทันเดินออกไป ธาดา หมอหนุ่มไฟแรงเพิ่งจบ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่ครับ น้องหน่วยกู้ภัย เขาบอกว่าพบยานี่ข้างตัวคนไข้ diazepam 30 เม็ด amitriptyline 2 เม็ด กับเบียร์อีกสองกระป๋อง ดื่มหมดแล้วครับ"
ธาดาหันไปบอกมุนินทร์ว่า บนรถฉีดยามียา Flumazinil ยาแก้พิษ diazepam เกินขนาด "โห.. diazepam เพียบเลย ไปเอามาจากไหนเนื่ย "
อรุณายื่นแผ่นตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้วศิน วศินยิ้ม เอาหูฟังที่เพิ่งฟังท้องคนไข้เก็บ แล้วบอกทุกคนว่า ใจเย็น ๆ ให้มุนินทร์ไปเตรียมสารละลายด่างมาแทน และเตรียมคนไข้ไปสังเกตอาการในไอซียู
"อ้าว พี่ ไม่ต้องแก้พิษ diazepam ก่อนหรือครับ" ธาดาจำวิธีการแก้พิษยา benzodiazepine ได้ดี โดยใช้ยาแก้พิษที่ชื่อ flumazinil ฉีดเข้าไปคนไข้จะดีขึ้นทันที
"น้องธาดาใจเย็น ๆ ก่อนนะ พี่ว่าเธออาจจะไม่ได้กิน diazepam เกินขนาดก็ได้ เพราะคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีลักษณะพิเศษคือ QRS ตัวกว้าง R wave ชัดเจนใน aVR มี S wave ใน lead I ชัดเจน และแกนหัวใจเบี่ยงไปทางขวา ชีพจรเร็ว คืออาการของยาที่ไปกดโซเดียมแชนแนล อย่างยา amitriptyline นี่แหละ"
"อีกอย่าง ถ้าเราไม่แน่ใจว่าคนไข้ซึมจากยาอะไรกันแน่ การให้ยา flumazinil อาจทำให้ชักได้ amitrip เกินก็เสี่ยงชักกับหัวใจเต้นผิดปกติอยู่แล้ว ในกรณีไม่แน่ใจว่ายาตัวไหนในสองตัวนี้ทำให่เกิดพิษ ขืนเราฉีดยาต้าน diazepam ก็อาจทำให้ถอนฤทธิ์ diazepam ทันที คนไข้อาจชักได้ครับ คนไข้อาจกิน diazepam มานานแล้วก็ได้ดูซิ ยา diazepam ยังเหลือเยอะเลย แต่ amitrip แทบเกลี้ยงซอง"
ธาดายิ้มออก "อ๋อ ...แล้วที่พี่ฟังท้องเพื่อดูว่า เสียงลำไส้เบาลงยาฤทธิ์ยาใช่ไหมครับ เลยตัดสินใจให้ยา bicarbonate เพื่อแก้พิษมาแทน เกือบไปแล้วพี่"
วศินตบไหล่ "การแพทย์เราก็แบบนี้ พี่สอนน้อง ถ่ายทอดประสบการณ์" แล้วเพิ่มเสียงเหี้ยมเกรียม "ตกลงข่าวของแก กับอรุณา มันจริงใช่ไหม แหวนวงใหม่ ของแกสินะ"
ธาดายิ้มแห้ง ๆ "แหะ ๆ ใช่ครับพี่" ธาดารู้สึกเจ็บไหล่ จากแรงบีบอย่างแรงของรุ่นพี่
หลังจากที่พาคุณกันยาไปรักษาแบบประคับประคอง ให้สารละลายด่าง จนคลื่นไฟฟ้าหัวใจกลับมาเป็นปรกติ โอกาสชักเกร็งน้อยลง โอกาสหัวใจเต้นผิดจังหวะลดลง
มุนินทร์กล่าวขึ้นในตอนเช้า .." ขอโทษนะคะ ที่เข้าใจผิด เห็นมองหน้ากันยาก็คิดว่าเขาหน้าหวาน ไม่คิดว่าบอสจะสังเกตคราบน้ำตา เห็นมองแหวนอรุณาก็คิดว่าแอบชอบน้องเขาอยู่ ที่ไหนได้ มองแผลเป็นกรีดข้อมือนี่เอง "
วศินยิ้มอาย ๆ "คนเรา ต้องมองให้ลึกกว่าที่เห็นนะครับ มองผิวเผินอาจตัดสินใจเขาผิดได้ เอางี้ เพื่อเป็นการไถ่โทษ เช้านี้ผมขอเลี้ยงต้มเลือดหมูเจ้าอร่อย กับกาแฟตอนเช้านะครับ"
ถ้าคุณมองลึกกว่าที่เห็น อีตาวศิน ไม่ได้ยิ้มอาย ๆ แต่กำลังกระหยิ่มคิดแผนร้อยแปดที่จะพามุนินทร์ไปดูหนังในวันพรุ่งนี้ และต่อ ๆ ไป เขาแอบชอบมุนินทร์มานานแล้ว นี่คือโอกาสทอง !!
มุนินทร์ยิ้มหวานน่ารัก ตอบว่า "บอสคะ มองผิวเผินก็อาจเข้าใจผิดจริงนะคะ ถึงแม้ไม่ได้ใส่แหวน ก็ไม่ได้หมายความว่าโสดนะค้าาาาา" แล้วมุนินทร์ก็เก็บของลงเวรไป
ส่วนบอส หมอชราหน้าหนุ่ม ผู้ที่เจ็บจนชิน ก็ถอนหายใจอ่านนิยายแปลเล่มโต "The Broken Heart Doctor" ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น