แนวทางการกินอาหารในยุคปัจจุบันออกมา 2 ปีสำหรับฝั่งอเมริกาและหนึ่งปีสำหรับยุโรป ก็งานประชุมนี้แหละครับ ออกมาตรงกันว่า เราควรลดไขมันลง ให้รับประทานไขมันได้ไม่เกิน 30% ของพลังงานในแต่ละวันและไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ รวมกันไม่เกิน 10% ของพลังงานในแต่ละวัน
ผมเองได้ย่อยเนื้อหาทั้งสองมาหลายครั้งแล้ว และดูก็เป็นแนวทางที่สมเหตุสมผล มีหลักฐานเชิงประจักษ์หลายชิ้น มีการทบทวนที่ดี แต่เมื่อข้อมูลใหม่ออกมา จะทำอย่างไร
ผมเองได้ย่อยเนื้อหาทั้งสองมาหลายครั้งแล้ว และดูก็เป็นแนวทางที่สมเหตุสมผล มีหลักฐานเชิงประจักษ์หลายชิ้น มีการทบทวนที่ดี แต่เมื่อข้อมูลใหม่ออกมา จะทำอย่างไร
💋💋ทำไมจะต้องทำใหม่ด้วย ของเก่าไม่ดีหรือไง ?
เหตุผลแห่งการศึกษานี้แจ้งว่า ข้อมูลจากแนวทางเดิมส่วนมากมาจากข้อมูลของประชากรจากอเมริกาเหนือ และยุโรป ประเทศเหล่านี้น่ะ กินไขมันมากอยู่แล้ว แถมเป็นโรคหัวใจมากด้วย การลดไขมันจึงดูเป็นการรักษาที่มีน้ำหนัก แต่ทว่าในภูมิภาคอื่นๆล่ะ แต่ทว่าเฉลี่ยสัดส่วนอาหารต่างๆล่ะ ความจริงนี้ ยังจริงอยู่ไหม
💋💋แล้วจะศึกษาแบบไหนดี ?
เอาอย่างนี้คราวนี้ใช้ 18 ประเทศใน 5 ทวีปเลย ไม่ไปกระจุกแถวประเทศรวยๆแถบนั้นอย่างเดียว มีทั้งรวย ปานกลาง จน ทุกเชื้อชาติ อาหารหลากหลาย ไม่หนักทางใดทางหนึ่ง ..ออ...เพื่อเฉลี่ยดูให้เท่าๆกันจะได้ประยุกต์..อย่าผิดนะ..ประยุกต์ ได้แม่นยำขึ้น
ติดตามไปสิบปีเลย ในกลุ่มคนอายุ 30-75 ปี 135,355 รายโดยเลือกคนที่ยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดด้วย
ติดตามไปสิบปีเลย ในกลุ่มคนอายุ 30-75 ปี 135,355 รายโดยเลือกคนที่ยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดด้วย
💋💋แล้วจะวัดผลอะไรล่ะ ที่จะบอกว่าดีกว่า ?
ก็จะสอบถามอาหารที่กินทั้งรายบุคคล รายครอบครัว รายชุมชน ข้อมูลจะได้ไม่เพี้ยนมาก..ถ้าถามรายคน..ก็ต้องเฉลี่ยความถูกต้องและความคลาดเคลื่อนด้วยวิธีนี้ แล้วเอามาแปลผลจากอาหารแบบต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ มาเป็น ไขมัน คาร์บ โปรตีน ด้วยวิธีเดียวกัน
ดูสิว่าพวกที่กินแต่ละอย่างน้อยๆกับมากๆ ทั้งไขมัน คาร์บ และโปรตีน มันมีความแตกต่างกันไหม ในเรื่องอัตราการตายโดยรวม อัตราการเกิดโรคหัวใจ อัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
และวัดผลอื่นๆแจกแจงตามเชื้อชาติ กลุ่มประเทศ และภาพรวม...ข้อมูลได้ไม่กระจุกอยู่ที่ยุโรปกับอเริกาเหนือ แต่ต้องมีการคิดแยกเอเชียออกมาให้ดูเพิ่ม เพราะอินเดียกับจีน กินคาร์บมากกว่าทวีปอื่นๆ น้ำหนักก็จะเทไปทางนั้นมาก ต้องคิดทั้งแยกและรวม
ดูสิว่าพวกที่กินแต่ละอย่างน้อยๆกับมากๆ ทั้งไขมัน คาร์บ และโปรตีน มันมีความแตกต่างกันไหม ในเรื่องอัตราการตายโดยรวม อัตราการเกิดโรคหัวใจ อัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
และวัดผลอื่นๆแจกแจงตามเชื้อชาติ กลุ่มประเทศ และภาพรวม...ข้อมูลได้ไม่กระจุกอยู่ที่ยุโรปกับอเริกาเหนือ แต่ต้องมีการคิดแยกเอเชียออกมาให้ดูเพิ่ม เพราะอินเดียกับจีน กินคาร์บมากกว่าทวีปอื่นๆ น้ำหนักก็จะเทไปทางนั้นมาก ต้องคิดทั้งแยกและรวม
💋💋ดูดีนะ แล้วมีคนไทยไหมล่ะ เผื่อบ้านเราจะใช้ได้ ?
ไม่มีครับ แต่มีใกล้เคียง กัมพูชา มาเลเซีย จัดเป็นรายได้ปานกลาง ...โปรดทราบมี "ดูไบ" ด้วยนะ จัดเป็นรายได้สูง เรียกว่าในภาพรวม มีภาพเล็กๆที่ใกล้เคียงเราอยู่ด้วย น่าสนใจดีนะ
💋💋ผลออกมาอย่างไร อยากรู้แล้ว อารัมภบทอยู่ได้ ?
จัดแต่ละกลุ่มออกเป็นมากน้อยตามลำดับ 5 กลุ่ม ..กินน้อยไปกินมาก
สำหรับไขมันและโปรตีน พบว่ากลุ่มที่กินมาก อัตราการเสียชีวิตโดยรวม และ อัตราการเสียชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจและหลอดเลือด #น้อยกว่า# กลุ่มที่กินน้อย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ทั้งไขมันโดยรวมหรือแยกไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว) ลดลงประมาณ 20-30%
สำหรับคาร์โบไฮเดรต พบว่ากลุ่มที่กินมาก อัตราการเสียชีวิตโดยรวม และ อัตราการเสียชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจและหลอดเลือด #มากกว่า# กลุ่มที่กินน้อย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เพิ่มขึ้นประมาณ 15-20%
💋💋อ้าว ! มันต่างจากที่เรารู้มาแต่เดิมนี่ ??
ใช่ครับ มันต่างจากเดิมมากๆ อัตราการเสียชีวิตรวมกลับพบมากกว่าในกลุ่มที่กินคาร์บสูงๆ ในที่นี้คือสูง 60-70% ของสัดส่วนพลังงาน ส่วนมากก็ชาวเอเชียเรานี่แหละ แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลว่าถ้าลดคาร์บลงมากๆ อัตรานี้จะลดลง เราก็จะแปลความว่า ...กรุณาอย่ากินคาร์บมากเกินไปนั่นเอง...
คาร์บที่เพิ่มนั้น ส่วนมากเกิดจาก คาร์บที่ขัดขาวแปรรูป ทำให้การสังเคราะห์น้ำตาลและไขมันผิดไป ดังนั้น กินคาร์โบไฮเดรตแบบขัดสีมากๆ ไม่ดีแน่ๆ
ส่วนมากเราจะกลัวไขมัน กินไขมันต่ำเกินไป แล้วไปเพิ่มพลังจากการลดไขมันด้วยการเพิ่มคาร์บแทน การศึกษานี้แสดงผลตรงข้าม คือ ไขมันต่ำไป คาร์บสูงไปจะเพิ่มอัตราการเสียชีวิต และ ถ้าเอาสัดส่วนพลังงานจากคาร์บลงมา 5% แล้วชดเชยด้วยไขมันชนิดดี คือ PUFAs พบว่า...อัตราการเสียชีวิตลดลง (อันนี้เป็นโมเดลทางคณิตศาสตร์นะ)
คาร์บที่เพิ่มนั้น ส่วนมากเกิดจาก คาร์บที่ขัดขาวแปรรูป ทำให้การสังเคราะห์น้ำตาลและไขมันผิดไป ดังนั้น กินคาร์โบไฮเดรตแบบขัดสีมากๆ ไม่ดีแน่ๆ
ส่วนมากเราจะกลัวไขมัน กินไขมันต่ำเกินไป แล้วไปเพิ่มพลังจากการลดไขมันด้วยการเพิ่มคาร์บแทน การศึกษานี้แสดงผลตรงข้าม คือ ไขมันต่ำไป คาร์บสูงไปจะเพิ่มอัตราการเสียชีวิต และ ถ้าเอาสัดส่วนพลังงานจากคาร์บลงมา 5% แล้วชดเชยด้วยไขมันชนิดดี คือ PUFAs พบว่า...อัตราการเสียชีวิตลดลง (อันนี้เป็นโมเดลทางคณิตศาสตร์นะ)
แต่ความสัมพันธ์ทั้งหมดจะเห็นชัดมีนัยสำคัญ ระหว่างกลุ่มกินมากๆเทียบกับกลุ่มกินน้อยๆ ส่วนที่กินไม่มากไม่น้อย พอดีๆ ตรงกลางๆ อัตราการเสียชีวิตทั้งหมดไม่ค่อยแตกต่างกันเลย ยืนยันเรื่อง ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทางสายกลาง #มัชฌิมาปฏิปทา#
💋💋ตกลงจะเชื่ออะไรดี ??
ข้อมูลนี้บอกเราว่าแนวทางเดิมนั้น น้ำหนักข้อมูลมากไปทางยุโรปและอเมริกาเหนือ ถ้าเก็บตัวอย่างเฉลี่ยๆทั้งโลก ข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงได้
ข้อมูลนี้บอกเราว่า การลดไขมันลงแค่ 30% ได้ประโยชน์อาจเป็นเพราะกลุ่มยุโรปและอเมริกาเหนือเขากินไขมันมาก เขาต้องลดมากจึงเห็นประโยชน์ แต่คนทั้งโลกไม่ได้กินมากแบบนั้น การลดต่ำไปถึงนั้นอาจไม่จำเป็นและอัตราการเสียชีวิตเพิ่มด้วย แนวทางครั้งหน้าอาจต้องขยับขึ้นเล็กน้อยสัก 35%
ข้อมูลนี้บอกเราว่า ส่วนอื่นๆของโลกโดยเฉพาะเอเชีย กินคาร์โบไฮเดรตมากกว่าไขมัน และอันเพิ่มอัตราการเสียชีวิตไม่ว่าจะเอเชียหรือไม่ใช่เอเชีย การขยับลดคาร์บลงมาพอเหมาะคืออย่าเกิน 55-70% ก็มีแนวโน้มลดอัตราตายลง (อันนี้ส่วนตัวนะครับ ก็ไปโปะเพิ่มที่ไขมันและโปรตีนแทนนั่นเอง)
ข้อมูลนี้บอกเราว่า การลดไขมันลงแค่ 30% ได้ประโยชน์อาจเป็นเพราะกลุ่มยุโรปและอเมริกาเหนือเขากินไขมันมาก เขาต้องลดมากจึงเห็นประโยชน์ แต่คนทั้งโลกไม่ได้กินมากแบบนั้น การลดต่ำไปถึงนั้นอาจไม่จำเป็นและอัตราการเสียชีวิตเพิ่มด้วย แนวทางครั้งหน้าอาจต้องขยับขึ้นเล็กน้อยสัก 35%
ข้อมูลนี้บอกเราว่า ส่วนอื่นๆของโลกโดยเฉพาะเอเชีย กินคาร์โบไฮเดรตมากกว่าไขมัน และอันเพิ่มอัตราการเสียชีวิตไม่ว่าจะเอเชียหรือไม่ใช่เอเชีย การขยับลดคาร์บลงมาพอเหมาะคืออย่าเกิน 55-70% ก็มีแนวโน้มลดอัตราตายลง (อันนี้ส่วนตัวนะครับ ก็ไปโปะเพิ่มที่ไขมันและโปรตีนแทนนั่นเอง)
👴👴สำหรับผม..แนวทางอาหารเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก..แต่ข้อมูลนี้ บอกเราว่าเมื่อเฉลี่ยทั้งโลก ทุกอาหาร ทุกเชื้อชาติ เพื่อที่จะเอาแนวทางไปใช้ได้ถ้วนหน้านั้น ตัวเลขก็จะมีการปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อให้ได้สูตรที่ลงตัวสำหรับทุกคน แต่แนวโน้มหลักๆก็ไม่เปลี่ยนจากเดิมมากนัก ...ไม่ได้เขย่าโลกสำหรับผมสักเท่าไร แต่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์กับเรื่อง ไขมันและคาร์บ ที่ความสัมพันธ์กลับกันกับที่เราเข้าใจมา
เรื่องปกติ เมื่อเรามีข้อมูลที่ดีขึ้น ความรู้เปลี่ยนได้ แต่ว่าข้อมูลนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ยังมีตัวแปรปรวนและข้อจำกัดอีกมาก การแปลผลและผลที่ได้ยังไม่เนียนมากนัก ต้องทำการวิจัยซ้ำๆและค่อยๆปรับความแปรปรวนออกไป ก็จะได้เป็นความรู้ใหม่ๆขึ้นมา ที่อนาคตอาจจะเสริมการศึกษานี้ หรือ แย้งการศึกษานี้ก็ได้
เรื่องปกติ เมื่อเรามีข้อมูลที่ดีขึ้น ความรู้เปลี่ยนได้ แต่ว่าข้อมูลนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ยังมีตัวแปรปรวนและข้อจำกัดอีกมาก การแปลผลและผลที่ได้ยังไม่เนียนมากนัก ต้องทำการวิจัยซ้ำๆและค่อยๆปรับความแปรปรวนออกไป ก็จะได้เป็นความรู้ใหม่ๆขึ้นมา ที่อนาคตอาจจะเสริมการศึกษานี้ หรือ แย้งการศึกษานี้ก็ได้
💋💋💋💋💋💋💋💋💋💋
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น