วัณโรค
วัณโรค (tuberculosis) เรื่องนี้ท้าทายความสามารถแอดมินมากๆเลยครับ เต็มไปด้วยข้อมูลทางการแพทย์ ศัพท์ทางวิชาการ แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนควรรู้ เลยมาเล่าให้ฟังครับ วัณโรคเป็นโรคที่มีมานานตั้งแต่สมัยอียิปต์ครับ น่าแปลกที่เรารู้จักมันมานานแต่ไม่ชนะสักที ปัจจุบันนี้มันเรียนรู้ที่จะเอาชนะยาต่างๆแล้วด้วยครับ วัณโรคเป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งครับ เชื้ออยู่ทนอยู่นานในสภาพแวดล้อม โตช้าและตายยาก ชื่อว่าเชื้อ มัยโคแบคทีเรีย ทุเบอร์คูโลสิส (mycobacterium tuberculosis)
เชื้อแพร่กระจายง่ายทางน้ำลาย เสมหะ การไอจามครับ จึงพบการติดเชื้อวัณโรคที่ปอดเป็นหลักเลยครับ หรือถ้าไม่ติดเชื้อในครั้งแรกที่ได้รับ ก็อาจอยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองในปอด และอาจแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆได้ ท่านอาจเคยได้ยินวัณโรคกระดูก วัณโรคเยื่อหุ้มปอด วัณโรคต่อมน้ำเหลือง แล้วแต่ที่ๆเขาจะไปครับ แต่โดยมากเราจะรับเชื้อและเป็นที่ปอดมากที่สุด ถ้าท่านติดเชื้อแล้วมีอาการ หมายความว่ามีอีกหลายคนที่ติดเชื้อแล้วไม่เกิดอาการ หายเอง หรือ เชื้อแอบแฝงอยู่ในตัว อันนี้อาจกำเริบมาทีหลังได้
เอาในกรณีมีอาการก่อน ก็มักจะมีอาการไม่รุนแรงมากและหลายๆวัน เช่น ไข้เรื้อรัง ไอเรื้อรัง หรือกึ่งเรื้อรัง (ตั้งแต่ 3 สัปดาห์) เบื่ออาหาร นน.ลด บางคนไอเป็นเลือด หายใจหอบและเจ็บอก ดูๆแล้วอาการก็คือปอดอักเสบทั่วๆไปนั่นเอง แต่เนื่องจากประเทศไทยเป็นแดนระบาดวัณโรค จึงต้องคิดเอาไว้เสมอในผู้ป่วยที่ไอเรื้อรัง ถ้ามีอาการที่อวัยวะอื่นก็จะมีอาการตามจุดที่เป็น ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำในเยื่อหุ้มปอด ปวดกระดูก ปวดหัวรุนแรง การตรวจจึงต้องชิ้นส่วนหรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะนั้นๆมาตรวจครับ
การตรวจหลักๆคือการหาตัวเชื้อ ที่ท่านพบบ่อยๆคือการตรวจเสมหะเพื่อหาวัณโรค การตรวจสองวันจะมีโอกาสพบเชื้อ ประมาณ 80% ตรวจสามวันโอกาสพนเชื้อเพิ่มเป็น 85-90% เป็นที่มาของการตรวจเสมหะสามวัน เก็บใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาได้ครับ เอาภาชนะมิดชิดใส่ เก็บตอนเช้า(การศึกษาบอกว่าโอกาสพบเชื้อมากกว่า) ครบสามวันเอามาตรวจได้ หรือตรวจหาโรคทั้งการย้อมหาเชื้อและเพาะเชื้อ (เพาะเชื้อนี่บางทีหลายเดือนนะครับ) จากชิ้นเนื้อหรือสารคัดหลั่ง เช่น น้ำไขสันหลัง ,ชิ้นส่วนต่อมน้ำเหลือง
และปัจจุบันเรามีวิธีที่เร็วขึ้นคือการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ TB โดยวิธี พีซีอาร์ (PCR : polymerase chain reaction) ที่เร็วมาก หนึ่งถึงสองวัน เพื่อระบุว่าเป็น mycobacterium tuberculosis หรือ mybacterium อื่นๆ และอีกข้อคือ เชื้อนั้นมีพันธุกรรมการดื้อยา กับยาหลักคือ isoniazid และ rifampicin หรือไม่ การเอกซเรย์บอกแค่จุดที่เป็นครับ แต่อย่างในภาพค่อนข้างสัมพ้นธ์กับวัณโรคปอดครับ คือเป็นฝ้าขาวที่ปอดกลีบบน แต่ว่าฟิล์มเอกซเรย์นี่ไม่เฉพาะเจาะจงนะครับ อาจเป็นโรคตอนนี้หรือในอดีตที่ผ่านมาก็ได้ ส่วนการตรวจอื่นๆก็เป็นเฉพาะแบบให้พวกหมออายุรกรรมเขาสั่งเอาเองเช่น ตรวจหา interferon gamma หรือ เจาะน้ำเยื่อหุ้มปอดตรวจ ADA เป็นต้น
การรักษานั้นใช้ยาฆ่าวัณโรคสูตรมาตรฐาน 4 ชนิด เป็นเวลา 6-9เดือน แล้วแต่ตำแหน่งที่เป็นเช่น วัณโรคปอดก็มักจะใช้ยาสูตรมาตรฐาน 6 เดือน ได้แก่ isoniazid,rifamficin,pyrazinamide,ethambutol บางที่อาจใช้ยาเม็ดรวมเช่น rifator,rimstar คือเอายาสี่ตัวมารวมกันครับ ได้กินง่ายๆ
ในคนที่เคยรักษามาแล้ว หรือดื้อยา ก็จะได้ยาสูตรอื่นๆที่ต่างออกไป สูตรดื้อยานี่ฉีดยาหลายเดือน กินยาเป็นกำๆ หลายเดือนหรือ สองถึงสามปีเลยนะครับ ดังนั้นอย่าให้ดื้อยาจะดีที่สุด วิธีกันการดื้อยาที่ดี คือ อย่าขาดยากินยาให้ครบ อย่าหยุดรักษาเอง ครับ ติดตามการรักษาตามกำหนด เช่นวัณโรคปอดก็ติดตามการรักษา ตรวจเสมหะ เอกซเรย์ปอดที่เดือนที่สอง เดือนที่ห้า และเดือนที่หกครับ ส่วนวัณโรคที่อื่นๆก็ติดตามแตกต่างกันไปครับ
สุดท้ายอยากให้ท่านที่ป่วยจดจำโรคของตัวเองเอาไว้เพราะมันมีผลต่อการพิจารณารักษาในครั้งหน้าถ้าเป็นซ้ำ หรือ ฟิล์มที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไป เวลาไปเอกซเรยภายหลังจะได้ไม่งง เช่น "เป็นวัณโรคปอด ชนิดเสมหะพบเชื้อ กินยาครบหกเดือน หายแล้ว" หรือ "วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง ตรวจพีซีอาร์พบเชื้อในน้ำไขสันหลัง รักษาครบเก้าเดือนแล้ว" เพื่อประโยชน์ของท่านต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น