การใช้ยา โบท็อกซ์ botulinum toxin
BOTOX ผมเชื่อว่าหลายๆท่านรู้จัก โบท็อกซ์กันดี เป็นการฉีดพิษเข้าไปในกล้ามเนื้อเพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็งผิดปกติ เช่น ใบหน้ากระตุก ตาเข ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะแก้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบดวงตา (obicularis oculi) หรือที่รู้จักกันในชื่อตีนกา แต่วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวอีกมุมของโบท็อกซ์ คือ พิษจากโบทูลินั่ม
BOTOX ผมเชื่อว่าหลายๆท่านรู้จัก โบท็อกซ์กันดี เป็นการฉีดพิษเข้าไปในกล้ามเนื้อเพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็งผิดปกติ เช่น ใบหน้ากระตุก ตาเข ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะแก้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบดวงตา (obicularis oculi) หรือที่รู้จักกันในชื่อตีนกา แต่วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวอีกมุมของโบท็อกซ์ คือ พิษจากโบทูลินั่ม
เชื้อโรค Clostridium botulinum สามารถผลิตพิษที่เรียกว่า botulinum toxin หรือ BOTOX นี่แหละครับท่านอาจเคยได้ยินข่าวโรคที่เกิดหลังจากกินอาหารกระป๋องที่เสื่อมคุณภาพแล้วหรือที่พบบ่อยมากๆในประเทศไทยเราคือ หน่อไม้ปี๊บ ที่เป็นการปนเปื้อนพิษที่พบบ่อย ส่วนการกินเจ้าแบคทีเรียลงไปแล้วไปก่อพิษนั้นพบน้อยมาก ที่สำคัญคือเจ้าเชื้อตัวนี้มันไม่ต้องอาศัยแก๊สออกซิเจนในการเติบโตครับ อยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม ในภาวะที่ไม่เหมาะสมกับการเติบโตมันจะแปรตัวเองไปเป็น สปอร์ คือมีแคปซูลพิเศษที่ทนทานห่อหุ้มตัวมันเพื่อรอภาวะเหมาะสมจึงจะเจริญเติบโตและสร้างสารพิษ--ต้องใช้ความร้อน 120องศา นาน 30 นาทีนะครับถึงทำลายเกราะป้องกันมันได้-- ด้วยคุณสมบัติอันทนทานของมันนี่เองมันจึงถูกใช้เป็นหนึ่งในอาวุธชีวภาพในปัจจุบัน
เชื้อเข้าทางลมหายใจและการกิน แต่พิษมักจะเข้าจากกินครับ เวลาได้รับเชื้อเข้าไป มักจะใช้เวลา1-2วันที่จะเริ่มออกลูกหลานมาสร้างพิษ และพอพิษแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดมันจะไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทครับทำให้อ่อนแรงทั้งตัว เป็นอัมพาตคล้ายๆถูกงูเห่ากัดครับ เมื่อได้รับพิษเข้าไประยะแรกจะคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ต่อมาก็จะเริ่มมีอาการอ่อนแรงที่มักจะเกิดจากกลางลำตัวออกไปหาส่วนปลาย เช่น ไหล่ไปมือ สะโพกไปขา คอตก หนังตาตก สุดท้ายก็จะหายใจไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อหายใจไม่ทำงาน และระบบประสาทอัตโนมัติก็จะถูกโจมตีด้วยนะครับ ม่านตาขยาย ปากแห้ง ปัสสาวะไม่ออก
ที่ผมคิดว่าแย่ที่สุดคือ พิษมันไม่เข้าสมองครับ จะทำให้เราจะรู้เรื่องดีแต่ทำอะไรไม่ได้เลย ทางการแพทย์เรียกว่า "presynaptic descending paralysis and anticholinergic syndrome" ฝากให้น้องๆเรซิเดนท์
พิษจะอยู่ ตั้งแต่ 1-50 วันเลยนะครับกว่าจะสลายไปช่วงนี้เราจึงต้อง ประคับประคองอวัยวะต่างๆให้รอด 50 วัน มีการตรวจหาเชื้อและพิษโบทูลินัมนี้นะครับ แต่มันจะใช้เวลานานกว่าจะระบุออกมาได้ เราคงไม่รอขนาดนั้น ก็จะอาศัยประวัติเสี่ยง กลุ่มอาการที่พบ เป็นการวินิจฉัยหลักและให้การรักษาเลย แยกโรคจากพิษปลาปักเป้าและโรคเส้นประสาท กิลแลงบาเร่ย์ เอ่อ...เริ่มยาก หยุดก่อนพวกการแยกโรคนี่ให้อายุรแพทย์เขาทำกันไป ถ้าถามว่ามียาต้านพิษไหม ก็ต้องตอบว่ามีครับ แต่ก็ต้องยืนยันการเป็นพิษจากโบทูลินัมจริงๆซะก่อน ขอยาได้จากกระทรวงสาธารณสุขครับ (จริงๆตอนยามาถึง ท่านก็จะเป็นข่าวแล้วล่ะครับ)
การป้องกันทำง่ายกว่ารักษามากเลยครับ คือกินอาหารปรุงสุก หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องเสื่อมคุณภาพ หน่อไม้ปี๊บนั้นถ้าจะกินต้องเอามาปรุงสุกทุกครั้งครับ สุดท้ายคือ อย.คงต้องไปควบคุมมาตรฐานการทำหน่อไม้ปี๊บให้ปลอดภัยครับ เพราะโรคนี้เป็นแล้วมักจะลงเอยด้วยการสูญเสียครับ
เป็นอย่างไรครับกับ เหรียญอีกด้านของ โบท็อกซ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น