17 สิงหาคม 2566

เรื่องเล่าจากคลินิก : เอชไอวีที่น่าสงสาร

 เรื่องเล่าจากคลินิก : เอชไอวีที่น่าสงสาร

เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้ป่วยรายหนึ่งเดินเข้ามาหาที่ร้าน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่เคยรักษากับผมเมื่อประมาณแปดปีก่อน ตอนนั้นรักษาจนกดไวรัสได้ กว่าจะสำเร็จต้องรักษาการติดเชื้อฉวยโอกาสและการแพ้ยาพอสมควร หลังจากที่อาการดีขึ้น ผู้ป่วยเริ่มขาดนัด กินยาไม่สม่ำเสมอ ผมทราบจากทีมติดตามรักษาว่าเขาไปซื้อยากินเองบ้าง กินบ้างไม่กินบ้าง และสุดท้ายก็สูญหายไป จนมาถึงวันนี้
ผู้ป่วย : สวัสดีครับคุณหมอ จำผมได้ไหมครับ
ปุริม : จำได้สิครับ เห็นชื่อก็จำได้แล้ว สบายดีไหมครับ ไม่เจอกันนานมากแล้ว
ผู้ป่วย : เอ่อ..คือว่า
สรุปว่าผู้ป่วยบอกว่า เขากินยาไม่สม่ำเสมอ และในช่วงหกเดือนมานี้ เขาไปซื้อยาสมุนไพรสารสกัดจากผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ มีชมรม มีแฟนเพจ-องค์กร มีงานวิจัย มีตัวอย่างคนไข้ที่ใช้แล้วได้ผลดี
ปุริม : แล้วกินแล้วเป็นอย่างไรบ้าง กินยาที่ว่าแล้ว ยังใช้ยาต้านไวรัสอยู่ไหม
ผู้ป่วย : ไม่ได้ใช้เลยครับ เขามีตัวอย่างคนที่ใช้ยาของชมรม แล้วไม่ต้องกินยาต้านอีกเลย หยุดยาและหายได้เลย ค่า CD4 ก็สูงจริง คุณหมอลองดูข้อมูลให้หน่อยได้ไหมครับ
ผู้ป่วยเอาชื่อเฟซบุ๊กแฟนเพจ ชื่อผู้วิจัย งานวิจัย เอามาให้ดู ผมก็บันทึกเอาไว้ และบอกว่า ผมคงต้องตรวจนับไวรัสซ้ำใหม่ และถ้าปริมาณไวรัสสูงมากพอ ต้องตรวจการดื้อยาด้วยนะ ตอนนี้ให้ใช้ยาต้านเดิมที่เคยใช้ไปก่อน ตรวจการติดเชื้ออื่น ๆ แล้วกลับมาฟังผล เนื่องจากรักษาคนไข้คนนี้มายาวนานพักนึง เลยถามไปตรง ๆ
ปุริม : ผมขอถามตรง ๆ นะ อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจกลับมาพบผมอีกครั้ง
ผู้ป่วย : ผมว่าการรักษาสมุนไพรสกัดนี้ มันเริ่มไม่ใช่แล้ว เพราะเขาบอกว่าหยุดยาได้ หมอเคยบอกผมว่า กดไวรัสได้แต่ห้ามขาดยา วันไหนที่การรักษาดีถึงขั้นหยุดยาได้ หมอจะบอกผมเอง
ปุริม : ยังไงผมก็ดีใจ ที่คุณกลับมารักษาอีกครั้ง
ข้อมูลที่ว่าเป็นผู้วิจัยมีตำแหน่งวิชาการ วิจัยสารสกัดที่มีผลต่อการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดภูมิคุ้มกัน แต่ผมพยายามสืบค้นเต็มที่ ไม่พบงานวิจัยแบบเปรียบเทียบแต่อย่างใด ตัวอย่างคนไข้ก็เห็นแต่ภาพถ่ายผลเลือดก่อนและหลังกินสารสกัด ว่าค่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น บางภาพตรวจห่างกันเพียงเดือนเดียว บางภาพสัดส่วนเท่าเดิม เพียงแต่จำนวนมันเพิ่มเท่านั้น ไม่มีข้อมูลว่ากินเสริมกับยาต้าน หรือใช้แบบใด มีตัวเปรียบเทียบ มียาหลอกไหม
องค์กรหน่วยงานมีคนติดตาม แต่เท่าที่ผมอยู่ในสายงานอายุรศาสตร์นี้ ผมยังไม่เคยเห็นว่ามีองค์กรนี้เพื่อการรักษาหลักหรือวิจัยหลัก …ที่สำคัญ มีการกล่าวว่า ใช้สารสกัดนี้แล้วไม่ต้องกินยาต้านอีก !!
ผมเคยเห็นคนที่หายขาด ไม่ต้องกินยาต้านไวรัสอีกในโลกนี้แค่ 5 คน ที่มันเป็นเรื่องบังเอิญแสนร้ายกาจ
ต้องยอมรับว่า องคาพยพที่รายล้อม การนำเสนอมันดูน่าเชื่อถือ และเป็นความหวังของผู้ติดเชื้อเอชไอวี จนหลายคนเชื่อถือและทำตาม
….
….
….
ส่วนผู้ป่วยรายนั้น ปรากฏว่าปริมาณไวรัสเพิ่มสูงถึงล้านตัวต่อเลือดหนึ่งซีซี มียีนที่บอกถึงการดื้อยาหลักถึงสองกลุ่ม จำเป็นต้องเปลี่ยนยาใหม่ ที่ต้อง…จ่ายแพงขึ้น กินยาไม่ง่าย และอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง
คุณหมอปุริมรู้สึกอึดอัดในอกอย่างมาก กับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ถอนหายใจเอาสิ่งที่อึดอัดในทิ้งไปกับลมหายใจ ปล่อยเหตุการณ์อดีตที่ผ่านไปออกไปทางปลายจมูก แล้วค้นคว้าและคิดทบทวนวิธีช่วยเขาต่อไป อาจจะเป็นเพราะคำพูดท้ายสุดของคนไข้
"คุณหมอครับ ช่วยผมอีกครั้งนะครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม