นี่คืออุปกรณ์พื้นฐานที่พกในกระเป๋าครับ
หูฟัง, ไฟฉายปากกา, ไม้เคาะรีเฟล็กซ์, ไม้กดลิ้น, ไม้จิ้มฟัน, ปากกา อุปกรณ์เหล่านี้คืออุปกรณ์พื้นฐานที่สุดและคิดว่าสามารถตรวจได้มากที่สุด ที่เหลือหากต้องตรวจเพิ่มเติมสามารถนัดมาได้ส่งต่อได้
ผมทราบดีว่าเทคโนโลยีการแพทย์ปัจจุบันไปไกลมาก ไม่ว่าจะใช้รังสีนิวเคลียร์ตรวจจับโรค การตรวจลำดับเบสในดีเอ็นเอ การตรวจจับไรโบโซมของแบคทีเรีย การรักษามุ่งเป้าไปที่เซลล์ การผ่าตัดแบบใช้รังสีแกมม่า จนปัจจุบันมีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด มีปัญญาประดิษฐ์ช่วยอ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ มีฐานข้อมูลมหาศาลที่เข้าถึงได้เพียงปลายนิ้ว
ถามว่าใช้ไหม ..ใช้ ศึกษาติดตามไหม..หลงใหลเลย
แล้วทำไมยังใช้อุปกรณ์เหล่านี้อยู่
ผมเชื่อว่าการซักประวัติและการตรวจร่างกายไม่มีวันตาย ข้อมูลที่ได้คือข้อมูลจริงจากตัวคน สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ข้อมูลนี้จะนำไปสู่การวินิจฉัยและการวินิจฉัยต้องอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้ เป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะตัดสินใจการรักษา ทั้งรักษาตัวโรคและรักษาอาการ
นอกเหนือจากนั้น การสื่อสารทางกาย วาจา สายตา ช่วยให้เข้าถึงคนไข้และเปิดประตูความไว้ใจอย่างที่เทคโนโลยีทำไม่ได้ การสัมผัสร่างกายยังเหนือกว่าเทคโนโลยีใด ๆ
ผมอยากให้น้อง ๆ รุ่นใหม่ อย่าเพิ่งทิ้งหลักการและวิธีพื้นฐานทางการแพทย์ แล้วไปพึ่งพิงกับเทคโนโลยีเท่านั้นทั้งหมด อยากให้ใช้วิธีการทางคลินิกพื้นฐาน บวกกับความเฉียบคมทางสติปัญญาที่สั่งสมมา ความเอาใจใส่คนไข้ เป็นสิ่งแรก แล้วกลั่นเอาการวินิจฉัยและวินิจฉัยแยกโรคออกมาให้ได้เสียก่อน
หากไม่ได้จริง ๆ หรือจำเป็นต้องใช้เพื่อเก็บข้อมูลมากขึ้น จึงทำการส่งตรวจเพิ่มเติมโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่า
ผมยังจดจำคำพูดของครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้จนทุกวันนี้
"อีเคจี มันแค่คลื่นไฟฟ้านะคุณหมอ เราแก้ไขคน ไม่ใช่แก้ไขอีเคจี" เมื่ออาจารย์ยื่น EKG มาให้วินิจฉัย ถามว่าคุณหมอจะถามอะไรไหม แต่ไม่มีใครถามประวัติคนไข้
"ฟิล์มปอดยังไม่ดีขึ้น ไม่เป็นไรครับ เรารักษาคน ไม่ได้รักษาฟิล์ม" เมื่ออาจารย์เทียบแผ่นฟิล์มผู้ป่วยปอดอักเสบที่รักษาและอาการดีขึ้น
"ขอให้คุณหมอหยิบผลแล็บที่ช่วยในการวินิจฉัยโรค มาสักแผ่นสิ" เมื่ออาจารย์สอนวินิจฉัยแยกโรคติดเชื้อเฉียบพลันจากประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด แล้วไม่มีใครสามารถหยิบผลแล็บที่ช่วยวินิจฉัยมาได้เลย
ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าปัจจุบันนี้ น้อง ๆ หมอของเราจะพึ่งพิงเทคโนโลยีมากกว่า ถาม สังเกต ดู คลำ เคาะ ฟัง คิด และอยากให้ประชาชนทราบว่าเจตนารมณ์อันนี้จะไม่มีวันสิ้นสูญ ยังคงสืบเนื่องรุ่นต่อรุ่นต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น