18 พฤศจิกายน 2567

วัคซีนไอกรนในผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 18

 ตอบคำถามเรื่องวัคซีนไอกรนในผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 18

ในกรณีไม่มีแผลที่ต้องได้บาดทะยักให้ฉีดวัคซีน คอตีบ-บาดทะยัก ทุก 10 ปี ครั้งละ 1 เข็ม โดยในจำนวนที่ฉีดเหล่านี้ ขอเป็น Tdap 1 เข็ม คือ คอตีบ ไอกรนชนิดไม่มีเซลล์ และบาดทะยัก
ในกรณีที่เกิดแผลและต้องฉีดบาดทะยัก ก็ถือโอกาสเข็มแรก ในชุดที่ต้องฉีด 3 เข็ม ให้เป็น Tdap
หรือใครจะฉีด Tdap ทุก 10 ปี ก็ไม่ผิด ยิ่งอายุมาก ภูมิจะยิ่งลดลงเร็ว กระตุ้นก็ด เพราะคอตีบ ไอกรน พบมากขึ้นในผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันเริ่มลด
acellular pertussis วัคซีนไอกรน ปัจจุบันใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมสร้างขึ้นหมดแล้ว เพราะพิษต่ำมากและประสิทธิภาพสูงด้วย
Tdap เป็นวัคซีนที่ต้องชำระเงินเองนะครับ ส่วนมากถ้าใช้สิทธิการรักษาฉีดบาดทะยักจะได้ T ตัวเดียว หรือโชคดีหน่อยก็จะได้ dT แทน
แนะนำกระตุ้นทุก 10 ปีในปีที่อายุลงท้ายก็เลขเต็มสิบ แต่ผมถือเคล็ด ใช้เลข 9 แทนครับ
See insights and ads
Boost
All reactions:
201

17 พฤศจิกายน 2567

ร้านหนังสือ : ร้านวีบุ๊ก ตลาดเซฟวัน โคราช ร้านวีบุ๊ค

 วันอาทิตย์ พาเที่ยวร้านหนังสือ : ร้านวีบุ๊ก ตลาดเซฟวัน โคราช ร้านวีบุ๊ค

“สองปีนี้วงการหนังสือคึกคักขึ้นนะครับ คนอ่านมากขึ้น อ่านในเชิงลึกขึ้นด้วย” พี่วี เจ้าของร้านบอกกับผมอย่างนั้น
ผมเคยมาเยี่ยมเยือนร้านนี้หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ตั้งอยู่หน้าตลาด เมื่อเข้าสู่ระยะระบาดของโควิดก็ไม่ได้ไปอีก ต่อด้วยการปรับปรุงจัดแผนผังตลาดครั้งใหญ่ ก็ห่างหายไปสามปี เคยไปตำแหน่งเดิม แต่ไม่พบร้านเสียแล้ว
ไม่เพียงแต่เยี่ยมเยือน ยังชวนเขามาเสวนาอายุรศาสตร์ง่ายนิดเดียว หัวข้อ สุขใจเมื่อได้อ่านมาหลายครั้ง
มาเยือนครั้งนี้ก็พบร้านของเขา ย้ายมาอยู่ติดโซนสัตว์เลี้ยงและติดกับโซนพระเครื่อง มีร้านหนังสือสองสามร้านรวมกัน ที่สำคัญคือ ติดถนนภายในตลาด รถไฟรับส่งคนจะผ่านเส้นทางนี้ จึงสังเกตเห็นและมาได้ง่าย
ร้านวีบุ๊คใหญ่ขึ้น มีพื้นที่บรรจุหนังสือเพิ่มมากขึ้น พื้นที่เดิน ‘คุ้ย’ กองหนังสือเยอะมากขึ้น
ใคนชอบมาร้านหนังสืออิสระ หรือ ร้านหนังสือมือสอง จะรู้ว่าเสน่ห์สำคัญของร้านหนังสือแบบนี้คือการได้คุ้ยหาหนังสือ และบางครั้งก็จะเจอของล้ำค่า easter egg ในกองเหล่านี้ ร้านหนังสือแฟรนไชส์จะจัดเป็นหมวดหมู่ หาง่าย หรือเลือกดูจากแอปได้ สำหรับผม การคุ้ยสนุกกว่า
“เจ้าของร้านยังจำไม่ได้เลยครับ ว่ามีหนังสืออะไร และอยู่ตรงไหน” พี่วีพูดยิ้ม
ร้านแยกหนังสืออังกฤษและไทย นิยายร่วมสมัย นิยายคลาสสิก การ์ตูน ความรู้ แยกเป็นกองสูงท่วมหัว ถ้าเล่มที่ต้องการอยู่ใต้สุด เจ้าของร้านกับลูกค้าก็จะช่วยกันรื้อออกมาอย่างสนุกสนานและมีรอยยิ้ม
และถ้าใครเป็นแฟนสามก๊ก ที่นี่มีมุมสามก๊กโดยเฉพาะ เพราะคุณเจ้าของร้านคลั่งสามก๊กมาก มีทุกเล่มแปล หรือหนังสือแยกย่อย สองตั้งเลยครับ
“แฟนสามก๊กบางคนมายืนคุยเป็นชั่วโมง ไม่ได้มาซื้อ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว” พี่วีผู้ชื่นชอบสามก๊กยังเหนียวแน่นและศรัทธาต่อหลอกว้านจง
คุณสามารถมาลุยค้น มาคุยกับนักอ่าน มาเทรดแลกหนังสือ มาซื้อหา หรือสั่งหนังสือที่ต้องการราคาไม่แพงได้ที่นี่
แม้ร้านมือสอง ร้านอิสระ ร้านเช่า จะลดลงตามเวลา แต่คนอ่านและคนรักหนังสือยังมีอยู่ตลอด และคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
หรือจะถึงเวลาจัดเสวนาคนรักหนังสือ และพูดคุยเรื่องหนังสือกันอีกสักที ก็อยากจัดเหมือนกันนะครับ

16 พฤศจิกายน 2567

แนะนำวิธีการแก้เหนื่อย สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนัก

 แนะนำวิธีการแก้เหนื่อย สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนัก

หลายคนเวลาร้อน หรือทำงานเหนื่อย ก็อยากได้ความหวาน เย็น สดชื่น อันนี้ไม่ผิด และทำได้
แต่หลายคน ดื่มน้ำหวานเป็นเหยือก ดื่มน้ำอัดลม แตงโมครึ่งลูก มันก็สดชื่นจริง ถึงน้ำตาลในเลือดไม่ต่ำก็สดชื่น
เพื่อจะได้ไม่ 'เยอะ' เกินไป ผมแนะนำแบบนี้ครับ
ปอกผลไม้ที่กินง่าย พร้อมกิน และหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่กล่องแช่ตู้เย็นเอาไว้
การกินผลไม้เป็นชิ้น จะได้เส้นใยอาหาร วิตามินเกลือแร่พอควร เนื้อสัมผัสที่ต้องเคี้ยวบ้าง จะทำให้สดชื่นตื่นตัวได้ดี
แต่ไม่ได้กินทั้งกล่องนะครับ ให้จิ้มแบ่งใส่ถ้วยมาแค่ 3-4 ชิ้นเท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอกับการสร้างความสดชื่น และเติมพลัง ได้เคี้ยวกรุบ ๆ ได้กลืน ให้เคี้ยวช้า ๆ เสพความสำราญของผลไม้สามชิ้นให้เต็มที่
และใช้วิธีนี้ได้แค่วันละครั้งครับ ถ้าเล่นมันซะวันละสามสี่ครั้ง อันนี้ก็เกินขนาดไป
ส่วนน้ำผลไม้ กว่าจะได้หนึ่งแก้ว น่าจะต้องใช้ผลไม้มากกว่าสามสี่ชิ้นแน่ น้ำตาลจะมากเกินไปครับ
และที่ให้แบ่งมาแค่สี่ชิ้น เพราะเวลาคุณเหนื่อย โหย คุณกินแล้วสดชื่น คุณโซ้ยจนหมดแน่ ต้องแบ่งและซื่อสัตย์กับตัวเอง
และที่ให้ปอกเตรียมเก็บไว้ เพื่อจะได้พร้อมกินเวลาต้องการ ตอบสนองความโหยได้ทันที ถ้าต้องไปรอปอก รอล้าง อาจจะหันไปหาขนมอื่น หรือสิ่งอื่นที่หาง่ายแต่พลังงานสูง
ผลไม้ที่ผมแนะนำ ส้มเขียวหวาน มะละกอ แก้วมังกร สับปะรด ... น้ำตาลไม่ค่อยสูง (แต่ต้องชิ้นพอดีคำแค่ไม่เกินสี่ชิ้น) หาง่าย ราคาไม่แพง ปอกแช่เย็นแล้วเก็บได้สองสามวัน
คุมอาหาร คุมเบาหวาน ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสดชื่นได้ครับ

Amidst the New World Order : ไทยในระเบียบโลกใหม่

 Amidst the New World Order : ไทยในระเบียบโลกใหม่

อีกเล่มที่มาแนะนำครับ สำหรับคนที่สนใจเรื่องภูมิศาสตร์การเมือง เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ผมคิดว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า geo-politics, new power เป็นคำกล่าวเพื่ออธิบายความเป็นไปของโลก เมื่อรูปแบบของมหาอำนาจ ระบบเศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนแปลงไปมากในช่วง 10 ปีมานี้
ไม่ว่าการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน
อำนาจต่อรองของประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป
การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา
การเมืองที่คุกรุ่นและไม่สามารถวางใจใครได้ในตะวันออกกลาง
การถ่ายเทประชากร การอพยพย้ายถิ่น ในภูมิภาคต่าง ๆ ในโลก
หนังสือเล่มนี้อธิบายตั้งแต่เริ่มต้นว่า จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เป็นอย่างไร จีนมีความคิดอย่างไร ทำอย่างไร, การรวมตัวของชาติอาเซียนเพื่อต่อรองอำนาจ เริ่มมาแบบใด, การจัดสรรและวางขุมกำลังของรัสเซียและปูติน แยกเล่าเรื่องเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เข้าใจว่า อำนาจการเมืองปัจจุบันเปลี่ยนแปลงขั้วด้วยสาเหตุใด
ต่อมาคือปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่จีน-อเมริกา, รัสเซีย-สหภาพยุโรป, จีน-เอเชีย ผ่าน belt road initiative, อเมริกา-คู่ค้า จากนโยบาย america first ของทรัมป์ มาจนไบเดน, การต่อรองของอาเซียนกับมหาอำนาจอย่างอินเดีย ให้มุมมองว่า ทำไมต้องรวมตัวกัน การต่อรองจะเกิดผลประโยชน์แบบใด ซึ่งจะส่งผลถึงแนวนโยบายในระดับภูมิภาค ที่ประเทศตัวเล็กตัวน้อยจะก้าวมามีบทบาทอย่างไร
ตบท้ายด้วย บทบาทของประเทศไทยในฐานะคู่สัมพันธ์กับกลุ่มประเทศ กับอำนาจใหม่ ว่าเราจะต่อรองใครได้อย่างไร เราจะร่วมมือกับใครและเกิดประโยชน์และโทษกับเราอย่างไร
ชอบที่หนังสือเล่มนี้ใช้การเขียนเชิงวิทยาศาสตร์ คือมีข้อมูลต่าง ๆ มาอ้างอิงเพื่อสนับสนุนหรือคัดค้าน แนวคิดและมาตรการระหว่างประเทศ ใช้ความคิดเห็นน้อยมาก และถึงแม้จะเป็นหนังสือในเชิงวิชาการ แต่ไม่ได้ใช้ศัพท์ที่เข้าใจยาก และการเรียบเรียงทำได้ดี สามารถคิดตามได้ ยิ่งกับคนที่ติดตามข่าวสารรอบตัว และช่วยวาดภาพปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงเชิงอำนาจและเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้ดี
ส่วนตัวคิดว่าเนื้อหาและมุมมองของผู้เขียนคือ อ.ปิติ มีความเป็นกลางสูง ให้ข้อมูลทางกว้างและทางลึกได้ดี และมีอ้างอิงให้สืบค้นต่อได้
แต่ว่าผู้อ่านจะต้องมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม มาเล็กน้อย หรือฟังข่าวอ่านข่าวมาบ้าง จึงจะเข้าใจได้ดี และมีศัพท์ทางวิชาการอยู่บ้างที่ต้องทำความเข้าใจครับ ไม่ใช่เป็น plain language เสียทั้งหมดครับ
หนังสือโดย รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม จากสำนักพิมพ์มติชน ราคาปกเล่มละ 420 บาท จำนวน 420 หน้า
ใครอยากลองฝึกมุมมองใหม่ อยากลองเปิดมุมมองโลก ผมว่าเล่มนี้เขียนได้ดีและไม่ยากครับ

การเดินทางของไทรอยด์

 การเดินทางของไทรอยด์

หลายวันก่อนมีคำถามเข้ามาว่า ผู้ป่วยตรวจพบก้อนใต้คาง ปรากฏว่าเป็นก้อนต่อมไทรอยด์ เท่าที่เขาทราบ ไทรอยด์น่าน่าจะอยู่ตรงกระเดือก ตกลงว่าเป็นก้อนอะไรกันแน่
เพื่อที่จะตอบคำถามนี้ ผมขอพาท่านผู้อ่านย้อนอดีต (แสดงว่าอ่านกันยาว ๆ แน่นอน) ไปในสมัยที่เรายังมีอายุประมาณ 4 สัปดาห์ และยังอยู่ในนิวาสถานมดลูกอันแสนอบอุ่น ...ไปกันครับ
ตัวอ่อนของมนุษย์และสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหลาย เริ่มต้นชีวิตในช่วงแรกคล้ายกัน หลังจากนั้นจึงวิวัฒนาการไปเป็นสายพันธุ์ต่าง ๆ สำหรับมนุษย์ เมื่อมีการปฏิสนธิจนได้เซลล์ต้นกำเนิดและแบ่งตัว ข้อมูลจากรหัสพันธุกรรมจะกำหนดการสร้างโปรตีนและแปรสภาพเซลล์ไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ
เรามาเริ่มต้นที่สัปดาห์ที่สี่ของชีวิต
ตอนนั้นเรามีลักษณะหัวโต ๆ ร่างกายเป็นแท่งกลมยาวไปจรดหาง มีถุงกลางท้องเป็นถุงไข่แดงและสายเชื่อมต่อกับรก ที่เรารู้จักกันชื่อสายสะดือ พื้นที่ตรงใต้ต่อหัวโต ๆ ของตัวอ่อน จะมีกลุ่มเนื้อเยื่อที่หนาตัวขึ้นทางด้านหน้าลำตัว เป็นที่ราบสูงขึ้นมา เรียกพื้นที่นี้ว่า pharyngeal arch เดิมทีเรียกว่า brachial arch แต่มาใช้คำนี้เพราะคำว่า brachial มันไม่เฉพาะเจาะจงกับมนุษย์เท่านั้น ใช้ pharyngeal เพื่อบอกว่านี้คือมนุษย์ ส่วน brachia มีความหมายเหมือน gill คือเหงือกปลา จะว่าไปก็พัฒนาการมาจากแหล่งเดียวกันนี้แหละ
พื้นที่ราบสูง pharyngeal arch จะเริ่มแบ่งตัวเป็นแท่งยาว นั่นคือมีแท่งนูนขึ้นและรอยแยกที่เว้าตัวลง เราเรียกว่า bar และ cleft แบ่งเจ้า arch เดิมออกเป็น 6 arch ซึ่งแต่ละ arch จะพัฒนาการไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้าและลำคอ โดยการเจริญโค้งเข้าหากันตรงกลาง เราก็จะเห็นว่าใบหน้าที่สมบูรณ์จะสมมาตรซ้ายขวา ถ้าเกิดการแบ่งที่ไม่ดี จะเกิดความผิดปกติได้ เช่น arch ที่หนึ่งซึ่งเจริญไปเป็นกระดูกกรามบน เกิดไม่มาติดกัน จะเกิดเป็นปากแหว่งเพดานโหว่
Arch จะเจริญไปเป็นส่วนต่าง ๆ คือ คอ ลิ้น กล้ามเนื้อของคอหอย กล้ามเนื้อของลิ้น กล้ามเนื้อและกระดูกของกล่องเสียง โดยขณะที่กำลังพัฒนาไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ จะมีเซลล์ประสาทจากแถวกระดูกสันหลัง เคลื่อนที่มาเพื่อช่วยควบคุมการทำงานและการรับสัญญาณประสาทของอวัยวะเหล่านี้ด้วย เซลล์ประสาทสั่งการต่าง ๆจะมารวมกันที่ก้านสมอง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเพดานปากและหลังจมูก เพราะพัฒนามาพร้อมกัน เลยอยู่ชิดติดกัน
และยังอธิบายด้วยว่าอวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้จึงถูกควบคุมและรับสัมผัสด้วยเส้นประสาทสมองนั่นเอง เช่น กล้ามเนื้อบนใบหน้าที่พัฒนาการมาจาก arch ที่สอง จะมีกลุ่มเส้นประสาทมาควบคุมเหมือนกัน คือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เส้นประจำ arch ที่ 2 ไม่ว่ากล้ามเนื้อจะเคลื่อนที่ไปที่ใด เส้นประสาทสมองคู่ที่เจ็ดก็จะยืดยาวตามไปควบคุม หรือกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ในหู ที่ชื่อ stapedius มีต้นกำเนิดจาก arch ที่สองเช่นกัน แม้กล้ามเนื้อจะอยู่ในหูก็ควบคุมด้วยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เช่นกัน ผู้ป่วยหน้าเบี้ยวจากเส้นประสาทสมองคู่ที่เจ็ดอักเสบ ในบางรายถึงมีเสียงดังในหู
เราพอเข้าใจการจัดเรียงอวัยวะของใบหน้าและลำคอแล้วนะครับ
เรามาที่รอยต่อ arch ที่ 1 และ 2 ตรงพื้นที่กลางตัว พื้นที่ส่วนริมจะกลายไปเป็นกระดูกกรามและลำคอ พื้นที่ตรงกลางจะมีรอยนูนขึ้นเรียกว่า Tuberculum impar และ Copula ตามลำดับ จำชื่อสองอันนี้ไว้ เดี๋ยวจะมาต่อภายหลัง พื้นที่ระหว่างกลางของรอยนูนจะเกิดการพัฒนาการกลุ่มเซลล์เล็ก ๆ ที่จะเจริญไปเป็นเซลล์ต่อมไทรอยด์ แถมตรงพื้นที่นั้นจะเป็นหลุมเป็นโพรงชื่อว่า foramen caecum เอาล่ะ มาถึงไคลแม็กซ์แล้ว
กลุ่มเซลล์บริเวณ Tuberculum impar และพื้นที่รอบ ๆ มีการเจริญเติบโตที่เร็วและขยายใหญ่มาก กลายไปเป็นลิ้นส่วนหน้า กินพื้นที่ 2/3 ของลิ้นทั้งหมด ส่วนพื้นที่ Copula และเซลล์รอบ ๆ จะพัฒนาไปเป็นลิ้นส่วนหลัง จะสังเกตว่ามาจาก arch ต่างกัน เมื่อโตขึ้นเราจึงเห็นพื้นผิวต่างกันจนแยกได้ ตรงรอยแยก sulcus ระหว่าง arch ที่หนึ่งและสอง เราก็ยังเห็นเป็นเส้นขอบเขตของลิ้นทั้งสองส่วนนั่นเอง มีชื่อว่า ternimal sulcus หรือชื่อละตินว่า sulcus terminalis
แถมประสาทรับสัมผัสเจ็บปวดร้อนเย็น (ไม่ใช่รับรสนะ) ก็มาจากเส้นประสาทสมองประจำ arch คือเส้นที่ 5 และ 7 ตามลำดับ พื้นที่ต่างกันของลิ้นจึงรับสัมผัสจากเส้นประสาทสมองต่างกันตามที่มาต้นกำเนิดของพื้นที่นั่นเอง เซลล์ลิ้นมันโตเร็วและขยายขนาดและเบียดกลุ่มเซลล์ไทรอยด์ต้องเคลื่อนที่หนี หนีไปไหน หนีลงล่าง
และเนื่องจากกลุ่มเซลล์มันอยู่ตรงกลางตัวพอดี แนวทางการเคลื่อนจึงเคลื่อนตามแนวกลางตัวจาก foramen caecum ลงไปจนถึงขอบของ arch ที่สองที่ถูกโคนลิ้นเบียดลงไป ลงไปอยู่ที่พื้นที่บริเวณกระดูกไฮออยด์และกระดูกอ่อนไทรอยด์ (กระเดือก) และจับจองครอบครองปรปักษ์ ใช้เวลาเคลื่อนที่ลงมาประมาณ 3 สัปดาห์ จากจุดกำเนิดมาจุดปัจจุบัน
เส้นทางที่ไทรอยด์เคลื่อนที่ลงมา เรียกว่า thyroglossal duct คำว่า thyro ก็คือไทรอยด์ glossal,glossus คือ ลิ้น หมายถึงทางหลวงเชื่อมไทรอยด์และลิ้นนั่นเอง ซึ่งต่อไปทางหลวงนี้จะปิดตัวเองและสลายตัวไป
นั่นจึงเป็นคำตอบว่า อาจพบเนื้อเยื่อไทรอยด์หลงเหลือตามจุดต่าง ๆ ที่เคลื่อนที่ลงมาได้ โดยการตรวจนั้นหากให้แลบลิ้น คือการเคลื่อนที่ของลิ้นไปข้างหน้า เราก็จะเห็นก้อนไทรอยด์ที่หลงเหลือนี้ขยับขึ้นตามไปด้วย เพราะมันยึดต่อถึงกันในอดีต หรือหาก thyroglossal duct นี้ไม่สลายไป อาจเกิดเป็นซีสต์ในแนวกลางคอ ตามการเคลื่อนที่ของมัน เรียกว่า thyroglossal duct cyst ได้ด้วย
เมื่อเนื้อเยื่อเริ่มต้นของไทรอยด์มาถึงตำแหน่งปัจจุบันในช่วงสัปดาห์ที่เจ็ดแห่งชีวิต ก็เจริญออกทางด้านข้างเป็นกลีบซ้ายและขวา เพราะมีพื้นที่ในการเจริญมากกว่าตรงกลาง และรับเลือดมาเลี้ยงมากกว่า ทำให้กลีบซ้ายและขวาของไทรอยด์ไม่ได้สมมาตรกันดังเช่นอวัยวะกลางทั้งหลาย เพราะไม่ได้เกิดจากเจริญเข้าหากันตรงกลาง
ตำแหน่งตรงกลางของไทรอยด์ จึงแคบและบางเรียกว่าส่วน isthmus ที่แปลว่าตีบแคบ ช่องแคบ และบางครั้งบางคนอาจจะเห็นเนื้อเยื่อไทรอยด์ต่อไปด้านบนตรงกลาง ตามแนวการเคลื่อนที่ของไทรอยด์ครั้งยังเยาว์วัย เห็นเป็นต่อมรูปสามเหลี่ยมตรงกลางที่เรียกว่า pyramidal lobe ร่องรอยการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของไทรอยด์ครั้งเมื่อกาลก่อน
น่าจะพอได้คำตอบนะครับ หรือว่า ได้คำตอบนานแล้วเฟร้ย มาอธิบายอะไรเป็นคุ้งเป็นแคว ถามแค่ประโยคเดียวเอง ฮ่า ๆ ก็นี่แหละ ลุงหมอกงยู จาก อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว
May be an image of x-ray and text
See insights and ads
Boost
All reactions:
ร้านวีบุ๊ค and 82 others

บทความที่ได้รับความนิยม