25 ธันวาคม 2561

ความเป็นมาของกรดในกระเพาะของมนุษยชาติ

ถึงเวลาไปชงกาแฟอุ่น ๆ และขนมปังนุ่ม ๆ หอม ๆ มานั่งบนโซฟาที่แสนสบายมานั่งอ่าน ความเป็นมาของกรดในกระเพาะของมนุษยชาติ
ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่สิบแปด มนุษย์เราเริ่มเข้าใจว่าการย่อยอาหารนั้นน่าจะมาจากปากและฟันบดเคี้ยวอาหารและตามมาด้วยกระเพาะอาหารบีบตัวบดอาหารให้ละเอียด จากการสังเกตเสียงกระเพาะอาหาร ความรู้สึกกระเพาะบีบตัว หากแต่ความเข้าใจอันนั้นต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล จากคุณหมอท่านหนึ่ง
ในช่วงต้นของศตวรรษที่สิบเก้า ปี 1812 ถึงปี 1814 ประเทศสหรัฐอเมริกาอันเป็นประเทศเกิดใหม่ เพิ่งประกาศอิสรภาพยังไม่ถึงสามสิบปี ขณะนั้นมีรัฐในปกครองสิบสามรัฐ ยังไม่แน่นแฟ้นเหมือนปัจจุบัน อีกทั้งยังปรากฏสงครามอยู่เนือง ๆ จากเจ้าอาณานิคมเดิม อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ที่ยังมีอิทธิพลอยู่รอบ ๆ รวมทั้งในเขตแคนาดา
ความเจริญกระจุกตัวอยู่ในแถบอีสต์เทิร์นซีบอร์ด ติดมหาสมุทรแอตแลนติก เช่นเดียวกันก็เป็นน่านน้ำที่เจ้าอาณานิคมเดิมในยุโรปยังมาปั่นป่วนบ่อย ๆ
the war of 1812 (ไม่ใช่ 1412 นะครับ) เป็นยุทธภูมิที่ประกาศความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือสหรัฐ ต่อเนื่องไปจนถึง battle of Pattsburgh ในปี 1814 ที่พรมแดนทางเหนือติดกับแคนาดา สมรภูมิ ณ ทะเลสาบแชมเปน ชัยชนะในเดือนกันยายน 1814 ทำให้พรมแดนอเมริกา แคนาดาชัดเจนขึ้น
ในสงครามระหว่างปี 1812-1814 นั้นมีศัลยแพทย์กองทัพสหรัฐคนหนึ่งชื่อว่า วิลเลียม โบมอนต์ คุณหมอเป็นพหูสูตรอบรู้หลายเรื่อง แต่ชอบวิชาแพทย์ จับพลัดจับผลูได้มาเป็นหมอในกองทัพ และได้ตั้วรกรากที่เมืองพิตสบูร์กนี้ต่อไปหลังสงครามสงบ
หลังจากสงครามสงบ ธุรกิจก็เริ่มเดิน ธุรกิจทอผ้าฝ้ายกำลังไปได้ดีแม้แต่ที่พิตสบูรก์นี้ ปี 1825 มีคนงานชาวแคนาดาคนหนึ่งชื่อ Alexis St. Martin ถูกยิงด้วยปืนลูกปรายเข้าที่ช่องท้อง คุณมาร์ตินได้รับการส่งตัวมาถึงคุณหมอโบมอนต์
คุณหมอโบมอนต์ได้ผ่าตัดรักษาคุณมาร์ตินเป็นอย่างดี แต่ว่าเหลือแผลถูกยิงอีกหนึ่งแผลที่ไม่หาย เกิดเป็นรูถาวรมีทางเชื่อมต่อระหว่างผิวหนังและกระเพาะอาหาร คุณหมอโบมอนต์สบโอกาสที่จะได้ศึกษาสรีรวิทยาของกระเพาะอาหารจึงชักชวนคุณมาร์ตินมาทำงานด้วยกันเป็นผู้ช่วยแพทย์และจะได้ศึกษากระเพาะอาหารไปพร้อม ๆ กัน คุณมาร์ตินก็ยินดี ดูเป็นคู่ดูโอ้ที่ดี
การศึกษาของคุณหมอโบมอนต์ ได้ศึกษาน้ำย่อยกระเพาะอาหารผ่านรูเปิด ดูดน้ำย่อยมาตรวจและทราบว่าเป็นกรด หย่อนชิ้นเนื้อผูกเชือกลงไปแล้วดึงกลับออกมา เฮ้ย...เนื้อเปื่อย แสดงว่าย่อยเนื้อได้สินะ
ในปี 1833 คุณหมอโบมอนต์ได้ตีพิมพ์งานศึกษาเรื่องกระเพาะอาหารนี้ ซึ่งพลิกความเชื่อทั้งโลกว่าการย่อยผลักเกิดจากการบีบตัวของกระเพาะ แต่จริง ๆ เกิดจากกลไกทางเคมีต่างหาก และในกระเพาะอาหารมีกรดอยู่จริง ชื่อ Experiments and Observations on the Gastric Juice, and the Physiology of Digestion
คุณหมอโบมอนต์ได้ศึกษาจนกระทั่งได้รับยกย่องเป็น บิดาแห่งสรีรวิทยากระเพาะอาหารเลยทีเดียว
แล้วคุณมาร์ตินล่ะ ... คุณมาร์ตินได้ลาออกจากงานมาเป็น "ผู้ช่วย" ของคุณหมอโบมอนต์ แต่ว่าคุณมาร์ตินได้บันทึกไว้ว่าจริง ๆ เขาต้องถูกกดขี่ข่มเหง ทำงานสารพัด ไม่ได้ค่าจ้าง ต้องถูกทดลองมากมายซึ่งหลายครั้งก็ไม่เป็นใจ รวมทั้งตีแผ่ความใจร้ายของคุณหมอโบมอนต์ในหนังสือเรื่อง Open Wound : the Tragic Obsession of Dr. Beaumont เป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์การศึกษากรดในกระเพาะในอีกรูปแบบหนึ่ง เล่าเรื่องราวของการหลบหนี และถูกตามกลับมาทดลองซ้ำอีก (หนังสือสองเล่มที่เขียน มีวางจำหน่ายในอเมซอนด้วย !)
การค้นพบของคุณหมอโบมอนต์เป็นรากฐานสำคัญของการรักษาโรคกระเพาะอาหารด้วยยาลดกรด ก่อให้เกิดยาลดกรด cimetidine ในปี 1977 ปัจจุบันเลิกจำหน่ายไปแล้ว และไปสู่การค้นพบยาลดกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitor ตัวแรกที่พบและวางจำหน่ายคือ omeprazole ในปี 1988 และล่าสุดกับกลุ่ม Potassium-Competitive Acid Blocker ที่เพิ่งวางจำหน่ายไม่นานมานี้
สงครามและกระสุนปืน..สู่กรดในกระเพาะ..สู่ยารักษากรดที่ทรงพลังมาก
แอดมินก็เนอะ..โยงเรื่องราวมาได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม