31 ธันวาคม 2560

Mary Toft

เมื่อคนคลอดลูกเป็นกระต่าย ไม่น่าเชื่อว่ามีจริงและมีตีพิมพ์ลงวารสารการแพทย์ด้วย เรื่องราวนี้เคยมาเล่าเป็นภาษาไทยบ้างในเว็บในบล๊อก แต่ทุกๆคนบอกว่านี่คือเรื่องโกหก ความจริงที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันซับซ้อนกว่าแค่ โกหก
ปี 1726 ที่ประเทศอังกฤษ ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย การแพทย์สมัยนั้นก็ก้าวหน้าไประดับหนึ่งแล้ว การพยาบาลและผดุงครรภ์ก็ก้าวหน้าพอสมควร ที่เมืองเซอรรีย์ ทางใต้ของลอนดอนมีข่าวอึกทึกครึกโครมว่า Mary Toft หญิงสาวเกษตรกรได้คลอดบุตรเป็น....กระต่าย
ใครๆที่ได้ยินข่าวก็คงคิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร หลอกลวงกันแน่นอน แต่เรื่องนี้มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ รูปวาด เรื่องราวที่เกือบๆตรงกันจากทุกๆสำนักทุกมหาวิทยาลัย และที่สำคัญที่ลงในวารสารทางการแพทย์สมัยนั้นด้วย
เรื่องมันมีอยู่ว่าแมรี่ ท๊อฟต์นี้ตั้งครรภ์และก็ออกไปทำงานในทุ่งนากับเพื่อนบ้านและแม่สามีตามปกติ อยู่ๆก็เจ็บครรภ์ และคลอดออกมาเป็นชิ้นส่วนต่างๆของกระต่าย และเป็นกระต่ายสมบูรณ์ก็มี และใช้เวลาคลอดออกมาทีละชิ้นทีละส่วนในสามวัน ในตอนนั้นก็ได้ตามหมอประจำเมืองคือ คุณหมอ John Howard มาช่วยดู แน่นอนตอนแรกคุณหมอจอห์น ก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร แต่หมอจอห์นก็ไปดูแล้วพบกระต่ายดังว่าจริงๆ
คุณหมอจอห์นได้ส่งจดหมายไปหา คุณหมอ Nathanial St Andre แพทย์ของราชสำนัก ซึ่งรู้จักกันให้รู้ถึงปรากฏการณ์นี้
สมัยนั้นคุณหมอ Andre ถือว่ามีอิทธิพลสูงมากในราชสำนักอังกฤษ เพราะเป็นคุณหมอที่มีวาทะศิลป์ดีและสามารถพูดภาษาเยอรมันได้คล่องปรื๋อ ทำให้กษัตริย์จอร์จที่หนึ่งชื่นชอบและให้อำนาจมาก ด้วยเหตุที่กษัตริย์จอร์จที่หนึ่งก็เป็นลูกครึ่งอังกฤษเยอรมัน ใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดก่อนหน้านี้ที่เยอรมัน
ไม่ต้องตกใจสมัยก่อนราชวงศ์ในยุโรปเขามักจะส่งลูกหลานไปแต่งงานกับกษัตริย์หรือเจ้าหญิงเจ้าชายต่างเมืองเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์เป็นสุวรรณปฐพีเดียวกัน เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจและสังคม ข้ามไปตั้งแต่สเปนยันรัสเซีย จนเกิดโรคที่พบในยีนด้อยอันหนึ่งในราชวงศ์ยุโรป คือ Hemophillia B , the Royal Disease ต้นสายความล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซีย
คุณหมอ Andre ก็ได้ทราบข่าวและส่งข่าวกับคุณหมอ Howard อย่างลับๆ ก่อนหน้าที่ข่าวนี้จะแพร่สะพัดออกไปอย่างเร็ว เรื่องราวของหญิงสาวที่คลอดบุตรเป็นกระต่าย และยังคลอดออกมาอีกเรื่อยๆ !! จนทางราชสำนักอังกฤษทราบข่าว ก็ได้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสองท่านคือ Samual Molyneux และ คุณหมอ Andre นั่นเอง
คุณหมออองเดรและคุณหมอโฮเวิร์ด ได้ทำการตรวจชิ้นส่วนต่างๆว่าเป็นกระต่ายจริงนะ บางชิ้นส่วนยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ดีๆชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนก็ตายไป มีกระต่ายครบสมบูรณ์ออกมาด้วยแต่ว่าไม่มีชีวิต
คุณหมออองเดรได้นำแมรี่ ท๊อฟต์เข้ามาในลอนดอนเพื่อดูแลและตรวจอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็มีนักวิทยาศาสตร์และผู้คนมากมายมาทำการตรวจชิ้นส่วนและดูปรากฏการณ์ประหลาดนี้ ภายใต้การควบคุมจัดการดูแลของอองเดร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเรียกว่า กรรมบ่งชี้การกระทำของจริง คือ ครอบครัวท๊อฟต์ที่เดิมเป็นครอบครัวยากจน ได้รับเงินมากมายจากงานโชว์นี้ แค่นั้นยังไม่พอคุณหมออองเดร ได้ตีพิมพ์ผลงานร่วมกับคุณหมอที่รู้จักกันเรื่องทฤษฎีที่ว่าด้วยหากหญิงตั้งครรภ์เห็นภาพใด และคิดฝังใจเรื่องใดก่อนคลอด ภาวะตึงเครียดทางจิตใจนั้นก็จะทำให้ทารกที่คลอดออกมามีสภาพเหมือนสิ่งที่คิดเอาไว้
ทฤษฎีนี้เคยมีการพูดมานานแล้วแต่ไม่มีข้อพิสูจน์ มีความเชื่อต่อเนื่องกันมาว่าให้หญิงตั้งครรภ์ไม่ไปพบสิ่งที่ไม่ดี ไม่งั้นลูกจะมีความผิดปกติ แต่คุณหมออองเดรและเพื่อนได้ใช้เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาและออกมาเป็นอนุสาร 40 กว่าหน้าเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีนี้
St André's A Short Narrative of an Extraordinary Delivery of Rabbets (in Hunterian Aa.7.20)

หลายๆบันทึกโดยเฉพาะบันทึกจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ แจ้งไว้ว่าครอบครัวท๊อฟต์และคุณหมอโฮเวิร์ด คุณหมออองเดร เก็บสตางค์ค่าพิสูจน์และเข้าชมซากกระต่ายด้วย
เช่นเดียวกันกับคนที่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็มีมาก หลายคนก็คิดว่าโกหกแหกตาประชาชน คำซุบซิบนินทามีมากมายมากขึ้น จนกระทั่งกษัตริย์จอร์จที่หนึ่งและราชวิทยาลัยแห่งลอนดอน ได้จัดทีมพิเศษมาเพื่อตรวจสอบทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักกฎหมาย อัยการ ตำรวจ สูตินรีเวช ศัลยแพทย์ มาเพื่อพิสูจน์
อย่าลืมว่าคุณหมออองเดรมีอิทธิพลมากในราชสำนัก ตอนแรกๆก็ใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของคณะพิสูจน์ แต่สุดท้ายด้วยอำนาจของกษัตริย์ที่ให้นำแมรี่ท๊อฟต์ มาพิสูจน์ในสถานที่กลาง ให้เป็นที่ประจักษ์ ก็พบความจริงดังนี้
ในท้องของกระต่ายที่พบหลายๆตัวนั้น มีเมล็ดพืช เศษฟาง และละอองเกสร ซึ่งเป็นพยานวัตถุที่สำคัญบอกว่า กระต่ายที่เกิดไม่ได้เกิดจากในท้องแมรี่ บางครั้งที่แพทย์ไปพิสูจน์ก็พบว่าแมรี่ "หนีบขา" ไม่ยอมให้ตรวจ (เพราะพื้นที่ที่แมรี่อยู่เดิมนั้น อยู่ในอิทธิพลของคุณหมออองเดร)
และพยานปากสำคัญคือ Thomas Howard เด็กรับใช้ในบ้านที่หมออองเดรพาแมรี่ท๊อฟต์มาอยู่ในลอนดอน ให้การสารภาพว่า ครอบครัวของแม่รี่ท๊อฟต์ พี่สะใภ้ แม่สามี ให้เขาไปหากระต่ายตัวเล็กๆมาให้หลายครั้ง
สืบต่อไปว่าสามีของแมรี่ท๊อฟต์ ก็ไปหาซื้อกระต่ายตัวเล็กๆมาหลายครั้ง
และสุดท้ายคณะทำงานก็สามารถเข้าถึงตัวแมรี่ท๊อฟต์ ซึ่งขณะนั้นปวดท้องมาก คณะทำงานขู่ว่าถ้าไม่พูดความจริงก็จะไม่รักษาให้ แมรี่ท๊อฟต์ให้การสารภาพหมดเปลือกดังนี้
ประมาณเดือนสิงหาคม ครรภ์ของเธอเริ่มแก่ขึ้น เริ่มปวดท้องเธอเคยฝันว่ากินเนื้อกระต่าย และเธอเคยพูดเรื่องนี้กับคุณหมอท้องถิ่นนั้น (ไม่มีบทที่บอกว่าเป็นคุณหมอ โฮเวิร์ด แต่หลักฐานแวดล้อมชี้ว่าน่าจะใช่) จนเมื่อเดือนพฤศจิกายน เธอไปทำงานแล้วเกิดปวดท้องคลอดและเด็กออกมาแต่เสียชีวิต แม่สามีและคุณหมอได้วางแผน นำกระต่ายและเศษอวัยวะใส่เข้าไปในช่องคลอดและมดลูกของเธอ และทำเสมือนว่าเธอคลอดกระต่ายออกมาเพราะเธอหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องกระต่าย
ตอนที่เธอมาที่ลอนดอนของหมออองเดร ก็มีการลวงโลกนี้อีกสองสามครั้ง แต่หลังจากที่ทุกคนให้ความสนใจ เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั่นได้อีก เพราะคนมากมายกระทำการได้ยากแม้แต่อยู่ในอิทธิพลของอองเดรก็ตาม
จนกระทั่งเธอปวดท้องรุนแรง ทุกคนคิดว่าจะคลอดอีก แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ตามนั้น หมอมาตรวจและคิดว่ามีการติดเชื้อ คุณหมออองเดรและโฮเวิร์ดเริ่มรู้ว่าอาจต้องส่งเธอไปรักษาและความลับอาจจะแตกออก ทั้งคู่จึงหยุดการเคลื่อนไหวและหนีออกไปนอกเมือง
จนเมื่อชิ้นเนื้อกระต่ายได้รับการพิสูจน์ ข้อเท็จจริงด้านพยานวัตถุชัดเจน ต่อมาด้วยพยานบุคคลและคำสารภาพของตัวเธอเอง
เมื่อเรื่องราวนี้ไขกระจ่าง แมรี่ติดคุก หลังจากออกมาสภาวะบ้านของเธอก็บ้านแตกสาแหรกขาด แมรี่ต้องติดคุกอีกหลายรอบจากลักขโมย คุณหมอโฮเวิร์ดไม่มีบทบาทใดๆทางการแพทย์อีก อองเดรยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง อิทธิพลนั้นเกิดจากเมียใหม่ของเขาคือ เมียเก่าของ Samuel Monlyneux คนที่ถูกส่งมาพิสูจน์ความจริงในตอนแรก เขารู้ความจริงแต่ไม่ได้เห็นด้วย หลังจากนั้นไม่นาน Samuel Monlyneux ก็ถูกวางยาพิษจนเสียชีวิต ตามมาด้วยการแต่งงานใหม่อย่างรวดเร็ว และชื่อเสียงเงินทองที่เขาทั้งคู่หาได้จากกรณีลวงโลก แมรี่ ท๊อฟต์
หลังจากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์ที่สำคัญคือ การประกาศทฤษฎีใดๆ จะต้องมีการพิสูจน์ความจริงให้เปิดเผย ตรวจสอบได้ กระจ่างชัด ไม่ใช่งุบงิบเขียนแล้วเชื่อได้อีกต่อไป
เหตุการณ์นี้เกิดในปี1726 เกิดขึ้นกว่า 300 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมาเป็นหลักฐานอันพิสูจน์ได้ชัดเจน แต่ในประเทศบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความเชื่อหลายอย่างที่ปราศจากการพิสูจน์ ส่งต่อกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล และบางทีมีคนออกมาพิสูจน์ชัดๆ ก็ยังไม่สามารถล้างความเชื่อผิดๆ และยังส่งต่อความเชื่อผิดๆนั้นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม