12 สิงหาคม 2560

ปาฏิหาริย์วันแม่

"มิ้นท์ แม่อาการหนักนะ ไม่ว่าแกอยู่ไหน ชั้นว่าแกรีบกลับมาเถอะ" จิก หมอหนุ่มใหญ่โทรศัพท์ถึงมินท์ เพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกันมา
มิ้นท์ เป็นลูกสาวคนเดียวของแม่เบื้อง พ่อเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก แม่เบื้องเลี้ยงมิ้นท์มาคนเดียว ระยะหลังๆมิ้นท์มีเรื่องระหองระแหงกับแม่บ่อยๆ เรื่องที่แม่เธอไม่ค่อยชอบแฟนใหม่ของเธอและเธอยังต้องตามแฟนไปทำธุรกิจสีเทาตามต่างจังหวัดบ่อยๆ
แต่มิ้นท์ก็เป็นห่วงแม่มาก ที่บ้านมีป้าเจียด คนที่ดูแลมิ้นท์ตั้งแต่เด็กๆคอยดูแลแม่เบื้อง และมิ้นท์เองก็ฝากฝัง "ไอ้จิก" หมอหนุ่มที่ทำงานโรงพยาบาลใกล้ๆเพื่อนเก่าแก่สมัยมัธยมให้ช่วยดูแลแม่ด้วย
แม่เบื้องป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะแพร่กระจายและเลือกที่จะไม่รักษาด้วยการผ่าตัดหรือยาเคมีบำบัด แต่แม่เบื้องใช้การปฏิบัติธรรมเพื่อระงับอาการและยอมรับการตายอย่างสงบ หมอจิกดูแลแม่เบื้องมาตลอด แต่ครั้งนี้อาการรุนแรงมากมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ น้ำในเยื่อหุ้มปอด จนหายใจไม่ไหว หมอจิกต้องใส่ท่อช่วยหายใจใส่เครื่องช่วยหายใจและใส่สายระบายน้ำออกเพื่อพยุงอาการ
หมอจิกทราบดีว่าแม่เบื้องเจ็บและทรมาน แต่แม่เบื้องก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาเองเคยพูดเรื่องการตายกับมิ้นท์และแม่เบื้องแล้ว ดูว่ามิ้นท์ไม่ได้ใส่ใจนักแต่แม่เบื้องยอมรับเรื่องราวนี้อย่างสงบและยินดี
เช้าวันนี้ แม่เบื้องใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นวันที่สาม อาการยังไม่ดีขึ้นเลย แต่แม่เบื้องก็ยังยิ้ม ดวงตาเป็นประกายสู้ หมอจิกมาดูแลแม่เบื้องอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ไม่พัก ไม่หยุด
"หมอคะ คนไข้อาการหนักมากแล้วและแกก็เคยยอมรับการไม่ช่วยเหลือด้วย ทำไมหมอถึงไม่ให้คนไข้ไปอย่างสงบล่ะคะ" หัวหน้าพยาบาลไอซียูถามอย่างห่วงใย เธอรับรู้ถึงความทรมานของแม่เบื้อง
"ไม่รู้สิครับ อะไรบางอย่างบอกผมว่า ถึงแม้คนไข้จะพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบอย่างที่เคยพูดกัน แต่มีอะไรบางอย่างบอกผมว่า มันไม่ใช่เวลานี้" ใบหน้าหมอจิกซูบลง อ่อนล้า แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังเหมือนเดิม
"วันนี้อาการก็ทรุดลง ไข้สูง ผมว่าอาจจะติดเชื้อซ้ำซ้อน เราอาจต้องติดตามเรื่องการไหลเวียนเลือด และให้ยากระตุ้นหัวใจ" ...หมอหนุ่มทิ้งท้าย
ประมาณ 10.00น. มิ้นท์ก็มาถึงห้องไอซียู พุ่งตรงเข้ามาหาจิก ก่อนที่เธอจะพูดอะไร จิกหันหน้ามามองเธอแล้วหลับตา บ่ายหน้าให้เธอเข้าไปหาแม่เบื้อง มิ้นท์จึงเดินเข้าไป สักพักจิกทำท่าจะเดินเข้าไปหา น้องพยาบาลที่อยู่เวรก็เตรียมตามเข้าไปด้วยแต่จิกบอกว่าไม่ต้องหรอกเขาขอเข้าไปคุยอะไรสักพัก
ภายในม่านกั้น หมอจิกเห็นสองแม่ลูกจับมือกัน น้ำตาคลอเบ้า แม่เบื้องบุ้ยใบ้บอกจิกว่าให้นำกระดาษมาเขียน แม่เบื้องต้องการสื่อสาร จิกจึงนำกระดาษและปากกามาให้เขียน แม่เบื้องเขียนชัดเจนว่า
...จิกช่วยเอาท่อออกให้แม่ทีนะ แม่อยากคุยกับมิ้นท์..
หมอจิกลังเล เขาทราบดีว่าถ้าเอาท่อช่วยหายใจออก แม่เบื้องคงไม่สามารถหายใจได้ นั่นหมายถึง ..ความตาย !!
หมอจิกเงยหน้ามองตาแม่เบื้อง มองตามิ้นท์ แล้วจิกก็เดินออกมานอกม่านบอกว่า "น้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อถอดท่อช่วยหายใจ" หลังจากนั้นหมอจิกและน้องพยาบาลก็ถอดท่อช่วยหายใจออกโดยที่มิ้นท์จับมือแม่เบื้องตลอดเวลา
หมอจิกยิ้ม บอกกับมิ้นท์และแม่เบื้องว่าเขาอยู่ด้านนอกมีอะไรก็เรียกได้ ในขณะที่เขาหันหลังจะออกไปแม่เบื้องพูดออกมาเสียงชัดเจน "แม่ขอบใจจิกมากนะลูก"
จิกหันไปมองสองแม่ลูก มิ้นท์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงโอบกอดแม่ผู้ชรา ใบหน้าซุกอกแม่เหมือนดังอดีตที่เคยดื่มกินนมจากอกอุ่นนั้น น้ำตาไหลรินออกมาจากสองตา ส่วนแม่เบื้องนั้นเล่าเอนกายนอนพิงเตียงที่จิกปรับให้ มือซ้ายประคองศีรษะของมิ้นท์ มือขวาโอบร่างของลูกสาวสุดที่รัก สายตาอ่อนโยนเหมือนวินาทีแรกที่แม่เบื้องให้กำเนิดมิ้นท์
สองแม่ลูกโอบกอดกัน ด้วยภาษากายและสัมผัสแห่งรัก แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า เปี่ยมด้วยรักจากแม่..และลูก
และแล้วหมอจิกก็ได้ยินเสียงที่เขาคิดว่าช่างแสนมหัศจรรย์ แม่เบื้องที่ร่างกายอ่อนแอมากและเข้าสู่ระยะสุดท้าย นาทีสุดท้ายแห่งชีวิต เสียงแม่เบื้องใสราวกับคนที่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ร้องเพลงกล่อมลูกน้อย
"แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปล ไม่ห่างหันเห ไปจนไกล ...
หมอจิกน้ำตาริน เขาเคยเชื่อว่าพลังแห่งชีวิตยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่เคยพบพานพลังที่ยิ่งใหญ่แห่งความรักแบบนี้มาก่อนเลย แม่เบื้องอดทน ใช้พลังสุดท้ายในชีวิตรอลูกที่รักกลับมา เพียงเพื่อได้ขับกล่อมบทเพลงแห่งความรักให้ลูกฟังเป็นครั้งสุดท้าย
หมอจิกเดินออกมาอย่างช้าๆ ปิดม่าน ..เสียงเพลงของแม่เบื้อง ยังสดใสกังวานออกมา น้องๆพยาบาลรวมทั้งหัวหน้าห้องไอซียูทุกคนยืนก้มหน้า ทุกคนหลั่งน้ำตา สยบแก่ภาพเหตุการณ์มหัศจรรย์แห่งรักนี้
"..ควร คิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม..." เสียงแม่เบื้องแผ่วลงและหยุดหายไป พร้อมๆกับกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ช้าลง ช้าลง และราบเป็นเส้นตรง บรรยากาศเงียบสนิท หมอจิกซับน้ำตา คิดในใจว่าขอให้แม่เบื้องไปสู่สุคติ บอกทีมพยาบาลว่าเดี๋ยวรอให้ลูกได้ส่งแม่สักพักนะ ค่อยเข้าไปดำเนินการต่อ
"..โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน..." เสียงเพลงค่าน้ำนมดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงที่ใสราวกับแก้ว เสียงของแม่เบื้องดังขึ้นมาอีกครั้ง !!!
หมอจิกตกใจ เหลือบมองไปที่จอสังเกตการณ์ กราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจยังราบนิ่ง ไม่มีอะไรขยับ แล้วเสียงใครเล่า ? หมอจิกเดินเข้าไปแล้วเปิดม่าน ภาพที่เห็นทำให้หมอจิกชะงัก
มิ้นท์ยืนอยู่ข้างเตียง โน้มตัวโอบกอดแม่ผู้ล่วงลับ มือซ้ายพยุงลำตัวแม่และโอบเอว มือขวาประคองศีรษะของแม่เบื้องไว้แนบอก เป็นภาพที่ลูกรักกลับมาประคองแม่เป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง ใบหน้าของแม่เบื้องยิ้มอย่างมีความสุข
มิ้นท์ขับร้องเพลงแห่งความรักของแม่ ส่งแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ร้องต่อจากแม่อันเป็นที่รัก ด้วยเสียงใสกังวาน เสียงเหมือนกับแม่เบื้องราวกับออกมาจากคนๆเดียวกัน
มิ้นท์ได้ทำงานชิ้นสุดท้ายของแม่จนจบ ร่างกายและจิตวิญญาณของคนทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน หมอจิกเดินออกมาเงียบๆทิ้งภาพแห่งความรักอันไร้เงื่อนไข ไว้ในใจ..ตลอดไป
"...หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้น พระคุณแม่เอย.."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม