05 สิงหาคม 2560

ชีวิตที่สู้ต่อ

ณ สำนักงานหนังสือเดินทาง
คุณหมอหนุ่มใหญ่เดินทางมาเพื่อทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ผู้คนแน่นขนัดแต่การดำเนินการก็ไม่ได้ล่าช้า เมื่อถึงขั้นตอนชำระเงินคุณหมอชำระเงินและรับใบเสร็จ รับแจ้งว่าหนังสือเดินทางจะส่งไปทางไปรษณีย์ในอีกไม่นาน ขณะกำลังเดินออกก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง
"คุณหมอ คุณหมอใช่ไหมครับ" .. หมอหนุ่มหันตามเสียง พบชายคนหนึ่งร่างท้วม สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว ยิ้มอย่างใจดี สำหรับคนเป็นแพทย์มองปราดเดียวก็ทราบว่ารอยสีแดงๆที่มือ ในหน้าคือรอยแผลเป็นจากการถูกไฟไหม้
"ผม ปิติครับ หมออาจจะจำไม่ได้ ผมเคยนอนที่ไอซียูรักษาไฟลวกเมื่อห้าปีก่อน ที่คุณหมอแทงเส้นให้ผมบ่อยๆไงครับ"
คุณหมอหนุ่มจำได้ทันที ผู้ป่วยรายนี้ได้รับอุบัติเหตุแก๊ซหุงต้มระเบิด ไฟลวกเกือบทั้งร่างประมาณ 60-70% ของพื้นที่ผิวกาย อาการหนักมาก สำหรับโรคทางการแพทย์ทั้งหมดนั้น ต้องถือว่าไฟไหม้รุนแรงนี่คือ ราชันแห่งหายนะเลย
ผู้ป่วยรายนี้อยู่ในการดูแลของศัลยแพทย์ คุณหมอได้รับปรึกษาเนื่องจากอวัยวะล้มเหลว ย้ายเข้ามาในไอซียู หลังจากที่ผู้ป่วยผ่านพ้นอันตรายด้วยความช่วยเหลือสารพัดอย่าง เวลานั้นคุณหมอดื่มกาแฟหลายแก้วเพื่ออดทนสู้กับคนไข้ หลังจากที่ดีขึ้นคุณหมอยังต้องไปช่วยใส่สายสวนหลอดเลือดดำที่ตำแหน่งต่างๆของร่างกายอีกหลายที่ เนื่องจากผิวหนังบวม ติดเชื้อหลายที่ เรียกว่าทั้งขาหนีบ ไหปลาร้า คอ หรือสายสวนส่วนปลาย คุณหมอใส่จนครบ
"คุณหมอสบายดีนะครับ" ...หลังจากนั้นก็เป็นบทสนทนาสั้นๆ จบท้ายด้วย "ตอนนี้ผมเป็นเกษตรกร เปิดร้านเองและชงชาสมุนไพรขาย คุณหมอต้องมาเยี่ยมให้ได้นะครับ" ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้แล้วขอตัวไปทำธุระต่อ
คุณหมอหนุ่มยิ้ม นึกดีใจที่เขายังจำตัวเองได้ คุณหมอรักษาคนไข้มากมายจำได้ไม่ทุกคน แต่เขารู้สึกดีมากที่งานของเขาได้ประโยชน์และยังส่งกรรมดีมาจนวันนี้
ณ ริมทางหลวงของอำเภอแห่งหนึ่ง
รถนิสสันมาร์ชคันเล็กค่อยๆคลานเข้าจอดหน้าร้านเล็กๆ ชื่อ ชาแห่งความปิติ คุณหมอหนุ่มก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในร้านเป็นห้องไม้เล็กๆ มีเก้าอี้ไม้โต๊ะไม้ทาสีพาสเทลดูสะอาดตา บนเพดานเป็นพัดลมหมุนติดเพดานแบบย้อนยุค หน้าต่างเปิดรับไอแดดยามเช้า ลมพัดเย็น น่านั่งยิ่งนัก
เมื่อเดินเข้าไปในร้านก็ได้กลิ่นชากรุ่นออกมา หน้าร้านมีซุ้มชงชา หม้อน้ำร้อนมีควันพวยพุ่งขึ้นมาตัดกับแสงแดด ช่างสวยและสงบนัก หมอหนุ่มเดินไปสั่งชาดอกเก๊กฮวยหนึ่งกา มองเห็นทางร้านทำขนมฟักทองสีสวยน่ากินมาวางขายจึงสั่งมากินคู่กับชา
คุณหมอเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด หยิบคู่สร้างคู่สมที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน สักพักชาร้อนๆพร้อมขนมก็มาเสริฟด้วยเสียงที่สดใส
"ผมคิดไว้แล้วว่าสักวันหมอจะต้องมา" ปิติยกชุดชามาเสริฟ
"ผมอยากมาเห็นความสำเร็จของคุณด้วยตาของผมเอง" หมอหนุ่มยิ้ม และรับกาน้ำชามารินลงถ้วยที่อุ่นมาแล้ว
...
...บทสนทนาเริ่มมาเรื่อยๆจนมาถึงตอนที่สำคัญที่สุด
" คุณปิติ ผมดูแลคุณในไอซียู ใส่สายคุณสารพัด หยดยา บังคับกินยา ตอนนั้นคุณไม่มีโอกาสได้บอกความต้องการ ไม่มีโอกาสโต้แย้ง และบอกตามตรงตอนนั้นผมคิดเพียงให้คุณรอด ผมขอถามจริงๆ ตอนนั้นคุณคิดอะไร ในขณะที่เป็นตายเท่ากัน"
..
ชาเกือบหมดกาแล้ว ปิติรินชาเป็นถ้วยสุดท้าย ยื่นให้หมอหนุ่ม เขามองไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่า เล่าให้ฟังว่า
"คิดถึงการให้อภัยครับหมอ คิดถึงสิ่งที่เราเคยทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจอยากจะไปขอโทษเขา คิดถึงสิ่งที่เราโกรธเขา อยากจะไปให้อภัย อโหสิ แต่ก่อนเคยคิดว่าชีวิตมันยาวเราต้องสู้อีกนาน แต่ตอนป่วยตอนนั้นผมรู้สึกว่าเวลาแห่งชีวิตมันอาจจะหมดลงเร็วมาก และรู้สึกเลยว่าทุกเวลาที่หายใจมันช่างมีค่าเหลือเกิน
หลายครั้งที่ใจอยากตะโกนบอกหมอว่า ไม่ต้องช่วยแล้ว ผมไม่ไหว ผมทรมาน คุณหมอรู้ไหมมีอยู่วันนึง ผมเห็นคนคนนึงที่ทำให้ผมไม่ยอมแพ้"
คุณหมอหนุ่มยกถ้วยน้ำชาดื่มจนหมด รู้สึกวูบวาบเล็กน้อย ถามต่อด้วยความอยากรู้ "ใครกันครับ ชักอยากรู้แล้ว"
ปิติหันกลับมามองคุณหมอ ตาเป็นประกาย "ก็คุณหมอเองนั่นแหละครับ ผมจำได้วันนั้นผมนอนมองคุณหมอนั่งปรับเครื่องช่วยหายใจคุณตาคนนึง แกหายใจไม่ดีเลย คุณหมอนั่งปรับและเฝ้าอยู่สองชั่วโมงตั้งแต่ผมพลิกตัวตะแคงด้านนี้ จนคุณพยาบาลมาช่วยพลิกตะแคงอีกด้านนึงนั่นแหละ
จนน้องพยาบาลเขาต้องยกน้ำมาให้ คุณหมอก็ดื่มแล้วนั่งปรับเครื่องต่อไป"
"คุณหมอครับ ในขณะที่มีคนอื่น ใครก็ไม่รู้ มาดูแลเราทุ่มเทให้เรา หวังว่าจะให้เราดีขึ้น แล้วทำไมเราจึงจะท้อใจ ทำไมเราจึงจะไม่ทำตัวเองให้ดีขึ้น ไม่อดทน ไม่พยายามล่ะครับ คุณหมอเองไม่ได้แค่ช่วยตัวผม แต่ยังเปลี่ยนใจของผมได้อีกด้วย"...
....
...
สักพัก คุณหมอก็ขอตัวกลับ เมื่อชำระเงิน คุณปิติบอกว่า ในเมื่อคุณหมอไม่ยอมให้ผมคิดฟรี ผมคิดว่าเช่าสถานที่คุย 10 บาท แต่คุณหมอครับ เดี๋ยวคุณหมอก็จะรู้ว่าชาที่ดื่มไปมันพิเศษอย่างไร ปิติยิ้มอย่างมีเลศนัย
ระหว่างทางกลับ คุณหมอขับรถช้าๆ ใจเต้นแรงมากเหงื่อออก ตัวร้อนราวกับไฟ ตาพร่า คิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือในน้ำชาสูตร "พิเศษ" นั้นมีอะไร พอโค้งลงเขาคุณหมอวูบไปพักหนึ่ง พอสะดุ้งขึ้นมาก็พบว่าใกล้ถึงขอบทางชิดขอบเหว
คุณหมอเบรกรถอย่างแรง ด้วยความเร็วของรถทำให้รถหมุนและควบคุมไม่ได้ วินาทีสุดท้ายคือรถกระแทกเหล็กกั้นทาง รถกระดอนพ้นขอบทางกำลังจะตกเหว คุณหมอนึกถึงสิ่งที่เพิ่งคุยมา วินาทีสุดท้ายของชีวิต แล้วก้มหน้าสงบรับสิ่งที่จะเกิด
..
..แต่แล้วก็มีมือยื่นมาจับมือคุณหมอจากทางหน้าต่าง..หมับ
"คุณ คุณ บัตรคิวที่ 124 ค่ะ ถึงคิวคุณแล้วค่ะ"..เสียงสาวสวยปลุกให้ตื่น และยื่นมือมาจับ เขย่าแขน
คุณหมอชราสะดุ้งตื่น เขามารอทำหนังสือเดินทางตั้งแต่ช่วงสาย ด้วยความที่อ่อนเพลียจึงผลอยหลับไป คุณหมอขอบคุณสาวสวยด้านข้าง แล้วเดินเข้าไปจัดการเรื่องหนังสือเดินทาง
นึกในใจ มันช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์เมื่อห้าปีก่อนเขามาที่นี่และพบคนไข้คุณปิติ และได้ไปหาคุณปิติ วันนี้เขามาทำหนังสือเดินทางที่เดิม เขาก็ฝันถึงเรื่องราวเดิมที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน แต่คราวนี้เขาพบสาวสวย มันจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เมื่อถึงขั้นตอนชำระเงิน ก็มีเสียงใสๆทักจากด้านหลัง สาวสวยคนที่ปลุกคุณหมอนั่นเอง "คุณหมอ คุณหมอใช่ไหมคะ ?"
คราวนี้คุณหมอไม่แปลกใจ ยิ้มและหันกลับไป ไม่อยากจินตนาการว่าต่อไปจะเกิดอะไร...
...
...ปล. เรื่องราวของคุณปิติเป็นเรื่องจริงแต่ต้องดัดแปลงการนำเสนอเพื่อปกปิดความลับของคนไข้และปริศนาของหมอหนุ่มครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม