หากเราต้องติดอยู่ในป่า การหาน้ำสะอาดมาดื่มเป็นสิ่งสำคัญ
น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติก็จะยังมีเชื้อโรคและฝุ่น จุลินทรีย์ปนเปื้อน ยังไม่ปลอดภัยนักที่จะดื่มได้ การทำให้น้ำสะอาดจะสามารถลดโอกาสการติดเชื้อลงได้ระดับหนึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ปลอดเชื้อแต่ก็ปลอดภัยพอ หลักการสำคัญคือ
1.แหล่งน้ำที่นำมานั้นถ้ามีโอกาสเลือกน้ำไหลใสสะอาดจะดีกว่าน้ำเน่าขังแน่ๆ
2.ทำให้น้ำที่ได้มานั้นใสพอ ไม่มีฝุ่นตะกอน ฝุ่นตะกอนจะเป็นที่อยู่ของเชื้อโรคและการฆ่าเชื้อในข้อสามจะมีประสิทธิภาพลดลงในน้ำขุ่น
3.ทำให้น้ำที่ใสแล้วนั้น มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายลดลง
2.ทำให้น้ำที่ได้มานั้นใสพอ ไม่มีฝุ่นตะกอน ฝุ่นตะกอนจะเป็นที่อยู่ของเชื้อโรคและการฆ่าเชื้อในข้อสามจะมีประสิทธิภาพลดลงในน้ำขุ่น
3.ทำให้น้ำที่ใสแล้วนั้น มีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายลดลง
ในกรณีที่เราคาดการณ์ไว้เผื่อจะเกิดปัญหา หลายคนพกไส้กรองหรือผ้ากรองถ่านชาร์โคลไปด้วย ก็สามารถกรองฝุ่นตะกอนและกรองกลิ่นได้ดี แต่ในกรณีที่ไม่มีสามารถใช้ผ้ากรองได้เช่นกันครับ แน่นอนกรองแบคทีเรียไม่ได้แน่ๆ แต่ฝุ่นอันเป็นที่อยู่เชื้อโรคจะถูกกรองไปแล้ว
หรือใครเตรียมตัวหาเครื่องกรองพกพาที่เป็นหลอดฝอยเล็กๆขนาด 0.1 ไมครอน (เชื้อแบคทีเรียเฉลี่ย 1 ไมครอน) แต่มีเป็นพันๆหลอดฝอยหลักการเหมือนการฟอกเลือด สามารถดูดได้โดยตรงเข้าปากหรือกรองใส่ภาชนะเก็บได้เลย
หรือใครเตรียมตัวหาเครื่องกรองพกพาที่เป็นหลอดฝอยเล็กๆขนาด 0.1 ไมครอน (เชื้อแบคทีเรียเฉลี่ย 1 ไมครอน) แต่มีเป็นพันๆหลอดฝอยหลักการเหมือนการฟอกเลือด สามารถดูดได้โดยตรงเข้าปากหรือกรองใส่ภาชนะเก็บได้เลย
เมื่อเราได้น้ำที่ใสๆมาแล้วก็มาทำการฆ่าเชื้อ เช่นกันในกรณีที่เตรียมไป บางคนจะมีสารทำให้น้ำสะอาดแบบเป็นหยดหรือแบบเป็นเม็ด ทั้งสองแบบคือสารฆ่าเชื้อที่เป็นไอโอดีน หรือ คลอรีน
มาดูคลอรีนก่อนนะครับ สารคลอรีนเหลวที่ใช้ในการซักล้างหรือน้ำยาซักผ้าขาว โซเดียมไฮโปคลอไรต์ สามารถใช้ได้นะครับยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หยดน้ำยาลงไป สองหยด ต่อน้ำดิบที่ใสๆ 1 ควอทหรือประมาณเกือบๆ 1 ลิตร เขย่าให้ทั่วๆแล้วตั้งทิ้งไว้ 20-30 นาที สะอาดพอดื่มได้
ส่วนคลอรีนแบบเม็ดนั้น (halozone) ส่วนมากเป็นเม็ดฟู่สำเร็จรูป ทางกองทัพสหรัฐเป็นผู้ริเริ่มคิดให้ทหารใช้ในสงคราม เพราะเก็บได้นาน สะดวก แต่ว่าเมื่อเปิดแล้วต้องใช้ให้เร็วภายในหนึ่งถึงสองวันก่อนสีและกลิ่นจะเปลี่ยนไป ขนาดเม็ดจะต่างๆกัน แต่ขนาดที่ใช้คือ 4 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร เช่นกันต้องเขย่าและตั้งทิ้งไว้ยี่สิบถึงสามสิบนาที
คลอรีนสามารถกำจัดแบคทีเรียและไวรัสได้ในระดับหนึ่ง ไม่ปลอดเชื้อแต่ปลอดภัยมากขึ้น
ส่วนคลอรีนแบบเม็ดนั้น (halozone) ส่วนมากเป็นเม็ดฟู่สำเร็จรูป ทางกองทัพสหรัฐเป็นผู้ริเริ่มคิดให้ทหารใช้ในสงคราม เพราะเก็บได้นาน สะดวก แต่ว่าเมื่อเปิดแล้วต้องใช้ให้เร็วภายในหนึ่งถึงสองวันก่อนสีและกลิ่นจะเปลี่ยนไป ขนาดเม็ดจะต่างๆกัน แต่ขนาดที่ใช้คือ 4 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร เช่นกันต้องเขย่าและตั้งทิ้งไว้ยี่สิบถึงสามสิบนาที
คลอรีนสามารถกำจัดแบคทีเรียและไวรัสได้ในระดับหนึ่ง ไม่ปลอดเชื้อแต่ปลอดภัยมากขึ้น
ไอโอดีน มีทั้งไอโอดีนแบบเม็ดใช้ฆ่าเชื้อ ขนาด 8มิลลิกรัมใช้หนึ่งเม็ดต่อน้ำหนึ่งลิตร หรือถ้าไม่มีจริงๆ ทิงเจอร์ไอโอดีน ความเข้มข้น 2% ใช้ 8 หยดต่อน้ำหนึ่งลิตรหรือถ้าเป็นโพวิโดนไอโอดีนใส่แผลที่วางขายจะมีขนาดความเข้มข้น10% อันนี้จะใช้แค่ 4 หยดต่อน้ำหนึ่งลิตร
ต้องระวังในคนที่แพ้ไอโอดีนด้วย เหมือนกับคลอรีนคือผสมน้ำแล้วเขย่าเสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้ 20-30 นาทีแล้วจึงนำไปใช้ ไอโอดีนจะทำให้รสชาติน้ำไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าสามารถกำจัดโปรโตซัวบางชนิดที่สำคัญเช่น Giardia lamblia, Entamoeba histolytica
ต้องระวังในคนที่แพ้ไอโอดีนด้วย เหมือนกับคลอรีนคือผสมน้ำแล้วเขย่าเสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้ 20-30 นาทีแล้วจึงนำไปใช้ ไอโอดีนจะทำให้รสชาติน้ำไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าสามารถกำจัดโปรโตซัวบางชนิดที่สำคัญเช่น Giardia lamblia, Entamoeba histolytica
หรือบางคนเตรียมพร้อมกว่านั้น เตรียมกระบอกน้ำที่มีเครื่องยิงรังสีอัลตร้าไวโอเลตตรงก้นกระบอกเพื่อฆ่าเชื้อซึ่งฆ่าเชื้อได้ดี แต่ก็แพงและมีโอกาสแบตหมด ส่วนรังสียูวีธรรมชาติก็ไช้ได้นะครับ อันนี้เอามาจากหนังสือของแบร์ กิลล์ (ที่ทำรายการดำรงชีพในสถานที่ต่างๆในโลก) บอกกว่าขวดน้ำพลาสติกของเรานี่แหละหลังจากที่กรองน้ำจนใสแล้วบรรจุลงไป ผึ่งแดดไว้สามวัน (อย่าลืมว่าแดดไม่ได้มี 24 ชั่วโมง) ก็ฆ่าเชื้อได้ระดับหนึ่งและปลอดภัยพอด้วย การตรวจสอบสารเคมีตกค้างที่กลัวว่ามาจากพลาสติกก็ไม่พบมากจนอันตรายครับ
การต้มน้ำก็ใช้ได้ ในเงื่อนไขที่คุณต้องจุดไฟให้ได้และมีภาชนะที่ทนความร้อยได้ดี ตามปรกติอุณหภูมิที่ 65-80 องศาเซลเซียสก็ฆ่าเชื้อได้มากแล้ว แต่เอาเถอะต้มจนเดือดอย่างน้อยสิบนาที จะฆ่าเชื้อได้ระดับหนึ่งเช่นกัน กำจัดเชื้อโรคและสารพิษต่างๆได้ดี แต่กำจัดโลหะหนักได้ไม่ดี
วิธีสุดท้ายที่ถือกว่าใกล้เคียงปลอดเชื้อมากที่สุด กำจัดกลิ่น สี และโลหะหนัก สารพิษ เรียกว่าได้เกือบหมดเลยคือ วิธีกลั่น หลายๆท่านอาจเคยเรียนในวิชาลูกเสือ ขุดหลุมหนือวางภาชนะเช่นกาละมังใส่น้ำไว้ เอาผ้าพลาสติกขึงปากหลุมหรือปากภาชนะ นำแก้วสะอาดมาวางตรงกลาง วางก้อนหินบนผ้าพลาสติกที่ขึงไว้ เล็งให้ตรงกับแก้วสะอาดด้านล่าง ความร้อนทำให้ไอน้ำระเหยมาควบแน่นที่พลาสติก ไหลมาหยดลงตรงแก้วสะอาด
แต่วิธีนี้ จะได้น้ำน้อยมากและใช้เวลานาน ไม่น่าจะทันกิน
แต่วิธีนี้ จะได้น้ำน้อยมากและใช้เวลานาน ไม่น่าจะทันกิน
สุดท้ายแล้วถ้าไม่มีเครื่องมือ ไม่มีอุปกรณ์ และร่างกายกำลังขาดน้ำเต็มที่ คำแนะนำคือ ดื่มน้ำไปก่อนให้หายจากการขาดน้ำและไม่ช็อกเสียก่อน ค่อยมาคิดเรื่องติดเชื้อในลำไส้หรือลำไส้อักเสบ เพราะจริงๆแล้วร่างกายเราก็มีกลไกป้องกันดีพอตัวเลยนะครับ การติดเชื้อจากน้ำดิบไม่ได้เกิดง่ายนัก จนตกใจกลัวไม่ยอมดื่มอะไรเลย
ข้อมูลต่างๆนี้ได้จากหนังสือ wilderness medicine, survival guide, เว็บไซต์ต่างๆ ผมอ่านและปะติดปะต่อ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือตามหลักการ ไม่ได้มีไกด์ไลน์ชัดๆ ใครมีข้อแนะนำอะไรเพิ่มมาได้นะครับ ส่วนตัวไม่ได้เป็นขาลุยป่าอยู่แล้ว ป่าเดียวกันยิ่งไม่ลุย
และขอขอบคุณข้อมูลสารเคมีจากแอดมินเพจ เคมีฟิสิกส์ฯ เจ้าพ่อคำผวนด้วยครับ
และขอขอบคุณข้อมูลสารเคมีจากแอดมินเพจ เคมีฟิสิกส์ฯ เจ้าพ่อคำผวนด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น