09 กุมภาพันธ์ 2559

ยาที่ทำให้มีตับอักเสบบ่อยๆครับ

ยาที่ทำให้มีตับอักเสบบ่อยๆครับ

1. พาราเซตามอล เป็นอันดับหนึ่งเลย พบบ่อยและจะพบอีก เพราะเราใช้ยาพารากันผิดมากๆ กินกันไข้ กันดักเอาไว้ กินสองสามเม็ด ขนาดยาที่ปลอดภัยก็ไม่เกินวันละ 4 กรัมหรือ 8 เม็ด ไม่นับพวกประชดชีวิตกินยาฆ่าตัวนะครับ บางทีกินในขนาดลดไข้15-20 กรัม ในเวลาสามวันก็มีพิษได้ ส่วนมากจะไม่มีอาการครับพวกที่ตัวเหลืองหรือคลื่นไส้อาเจียนมากๆมักจะเกิดตับอักเสบรุนแรง การรักษาใช้ยา N acetylcyteine ครับ

2. ยาปฏิชีวนะ amoxicillin/clavuronate จริงๆแล้วอัตราการเกิดตับอักเสบก็ไม่มากครับ 1/100000 ราย อาจมีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ค่าการทำงานตับผิดปกติ เกิดได้ตั้งแต่วันแรกจนไปอีก 6-8 สัปดาห์ การรักษาต้องเปลี่ยนยาครับ

3. ยาต้านวัณโรค pyrazinamide เป็นยาวัณโรคที่เกิดตับอักเสบมากสุด ยังไม่ทราบกลไกที่แน่นอน อีกตัวที่พบรองลงมาคือยา rifampicin ที่มักจะมีการอักเสบแบบมีการคั่งของน้ำดี

4.ยากันชัก phenytoin, carbamazepine, valproate ทั้งสามตัวเกิดตับอักเสบได้ทั้งหมด และมักเป็นโดยที่ไม่มีอาการใดๆ ตรวจพบค่าการทำงานของตับผิดปกติเท่านั้น

5.ยาลดไขมัน จะพบการทำงานของตับจากผลเลือด ผิดปกติเล็กน้อยและเป็นชั่วคราวเท่านั้น นานๆไปก็ดีขึ้น ตาถ้าเป็นตับแข็งรุนแรงหรือตับวายเฉียบพลันก็ไม่แนะนำใช้ยานี้ครับ

6.ยากดภูมิ methotrexate มักเกิดในคนที่ได้รับยาต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปีหรือขนาดสะสมมากว่า 1500 มิลลิกรัม เกิดจากตับมีพังผืด การเจาะเลือดมักจะปกติ เราต้องใช้การตัดชิ้นเนื้อตับหรือการทำ elastogram ด้วยเครื่องความถี่สูงหรือการทำ MRI เมื่อมีการเกิดพังผืดปานกลางให้หยุดยา

เมื่อเกิดเหตุคงต้องหยุดยาครับทั่วไปมักจะหายเองได้ครับ บางครั้งตัวยาไม่มีพิษแต่พอยามันมากเกินและออกฤทธิ์เสริมกัน ก็อาจเกิดตับอักเสบได้ ที่สำคัญที่สุดคือต้อง ชะลอความเสี่ยงอื่นด้วย โดยเฉพาะเหล้าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม