25 กุมภาพันธ์ 2559

อาการปวดตามเส้นประสาทหลังจากการติดเชื้องูสวัด

อาการปวดตามเส้นประสาทหลังจากการติดเชื้องูสวัด เป็นที่สงสัยกันมานานถึงแม้โรคจะหายไปแล้วแต่ทำไมยังปวดมาอยู่บ่อยๆ ตกลงว่าหายหรือยัง ?

อาการปวดแบบนี้ (ขอเรียกสั้นๆว่า PHN) เกิดจากการบาดเจ็บของเส้นประสาทรับความรู้สึกซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างมากตอนที่งูสวัดยังขึ้นเป็นตุ่ม แถมตัวเชื้อยังไปฝังตัวอยู่ที่ปมประสาทรับความรู้สึกอีกด้วย ทำให้ยังมีอาการปวดต่อเนื่องอีกนาน และบางครั้งอาจมีอาการหนัก แค่สัมผัสเบาหรือลมพัดมาก็ปวดแสบที่เรียกว่า allodynia แต่ว่าอาการปวดต่างๆก็ไม่ได้มากจนถึงขั้นรบกวนชีวิตประจำวัน หรือปวดจนต้องตื่นแต่อย่างใด

ปัจจัยที่จะเกิดการปวดแบบนี้หลักๆคืออายุครับ ยิ่งเป็นงูสวัดตอนอายุมากจะยิ่งมีโอกาสเกิด PHN มากขึ้น อายุน้อยกว่า 60 โอกาสเกิด 5% อายุ 60-69 โอกาสเกิด 10% และถ้าอายุมากกว่า80 โอกาสเกิดมากกว่า 20% ส่วนปัจจัยที่จะช่วยลดการเกิด PHN คือการได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสงูสวัดตั้งแต่เริ่มเป็น ส่วนมากบ้านเรามักจะไป "เป่า" กันครับ นอกจากจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนจากน้ำลายคนแล้ว ยังเสียโอกาสที่จะได้รับยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมง และถ้าได้ยาต้านไวรัสเร็วก็จะลดเวลาการดำเนินโรคและลดโอกาสการเกิด PHN นี้ครับ
การปวดนี้ไม่ได้อันตรายแต่ว่าน่ารำคาญและต้องใช้ยามากกว่า 1 ชนิดถึงจะจัดการอาการปวดนี้ได้ เพราะเป็นอาการปวดที่เส้นประสาทเองจึงมักจะหายยาก และเรามักจะเริ่มใช้ยาทีละตัวที่ขนาดต่ำๆแล้วค่อยๆปรับขึ้น หรือใช้ยาต่ำๆสองตัวร่วมกันก็ได้ครับเพื่อลดผลข้างเคียงจากยา ยาที่ใช้ได้ก็มีดังนี้ครับ

1. ยาแก้ปวดแบบทาเฉพาะที่ แนะนำอันนี้ก่อนครับ เพราะใช้ได้ผลดีและผลข้างเคียงต่ำมาก เช่นครีมยาชา ครีมcapsaicin และควรใช้ต่อเนื่องกัน 3-4 สัปดาห์ครับ

2. ยาต้านโรคซึมเศร้าชนิด tricyclic antidepressant ที่ใช้บ่อยก็ยา amitriptyline ที่เป็นยากินหลักในการรักษา PHN ที่ใช้ลดความไวเส้นประสาท แต่ก็ต้องระวังผลข้างเคียงจากยาเช่น หน้ามืด ปัสสาวะลำบาก ปากแห้ง ในกรณีทนไม่ไหวอาจใช้ยากล่ม SNRI แทนได้เช่น venlafazine แต่ก็ต้องระวังผลเสียเช่นกัน

3. ยากันชัก เดิมนั้นยา carbamazepine ใช้ได้ผลดีแต่เนื่องจากมีการแพ้ยามาก จึงมักใช้ยาในกลุ่มใหม่ๆที่ผลดีเท่าๆกับยาเก่าแต่ไม่ค่อยมีผลเสียเช่น gabapentin หรือ pregabalin

4. อนุพันธุ์ของมอร์ฟีน ก็มักจะใช้เมื่ออาการปวดรุนแรงนะครับ

ในกรณีอาการปวดรุนแรงมากและใช้ยาไม่ได้แล้วก็ยังมีวิธีการระงับปวดโดยใช้ยาชาเข้าที่ รากประสาทตรงไขสันหลัง ซึ่งก็อันตรายนะครับ และปัจจุบันหลายๆบริษัทยาก็กำลังทดลองยาใหม่อีกอย่างน้อย 2 ตัว (อยู่ในเฟสสาม) เพื่อมารักษาอาการนี้โดยเฉพาะครับ

การป้องกันดีกว่าการแก้ไขเสมอครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม