29 สิงหาคม 2558

ช็อกโกแลต : dark chocolate

   Dark Chocolate

 เสาร์นี้เล่าเรื่องเบาๆที่ไม่เบานะครับ เคยมีคนศึกษาเรื่องผลของการดื่ม dark chocolate มาสักพักแล้ว ล่าสุดการประชุม ESC congress ที่ลอนดอนก็มีบรรยายหัวข้อนี้
    dark choc ต่างจาก white choc และ milk choc พอสมควรนะครับ หลักๆคือ การผสมนมวัว วานิลลา เพื่อให้สี และกลิ่นน่าดื่ม ตัว dark choc จะมีโกโก้ มากกว่าหรือ เท่ากับ 60% ของปริมาณทั้งหมด และมักเก็บในรูปเป็นแท่ง เมื่อนำมาดื่มก็จะเอามาละลาย ทำให้อุ่นครับ ดื่มเพียวๆ จะขมมาก ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ต้องปรุงรสพอควร 

     ทางฝั่งยุโรป เขานิยมชงดื่มอุ่นๆครับ และสัดส่วนของ choc ในยุโรปและในอเมริกาก็ต่างกัน ถ้าเราจะกินก็ให้ดูสัดส่วนของ dark chocolate มากกว่าหรือเท่ากับ 60% ครับ
มันมีอะไรหรือ เราเคยทราบมาว่า โอเคนะ มีประโยชน์ แต่..อะไรล่ะ ผมย่อยให้ฟังง่ายๆ อย่างนี้ครับ

1. คาเฟอีน ทีน้อยกว่ากาแฟครับ พอให้รู้สึกสดชื่น เอาพลังงานไปใช้ได้ ทำให้กินช็อกโกแลตแล้วจะกระปรี้กระเปร่า เราใช้แทนกาแฟ ในคนที่อยากเลิกกาแฟได้ครับ ‎โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์‬

2. พลังงาน แน่นอน จัดเป็นอาหารให้พลังงานสูงครับ นักกีฬาจะชอบกิน ประมาณว่าช็อกโกแลตดำ 1 แท่งขนาด 44 กรัม ให้พลังงาน 233 กิโลแคลอรี่ ก็ประมาณข้าวสวย 3 ทัพพีครับ กินมากๆ ก็จะอ้วนนะครับ

3. กรดไขมัน dark choc หรือที่เรียกว่า "cocoa butter" จะมีกรดไขมันอิ่มตัว stearic acid อยู่มาก กรดไขมันนี้ไม่ถูกนำไปสร้างไขมันตัวร้าย ไม่เปลี่ยน HDL ก็ดูดีครับ เป็นกรดไขมันที่เป็นกลางๆ แต่กินมากจะอ้วนได้ แต่ที่เป็นไฮไลต์‬  คือมีกรดไขมันโอเมก้า 9 หรือ oleic acid ปริมาณมาก ที่มีผลงานวิจัยว่า ลดการอักเสบของร่างกายและหลอดเลือดลงได้ นับว่าเป็นไขมันตัวที่ดี พอๆกับ โอเมก้า 3 เลยครับ‬‬‬‬‬   ที่ผมบอกว่ามากๆนั้น ผมเทียบต่อน้ำหนักนะครับ

4. สารต้านอนุมูลอิสระ อันนี้งานวิจัยเพียบครับ โดยเฉพาะโด่งดังมากกับ American Heart Association มีสารที่เป็น polyphenols ที่เรียกว่า bioflavonoids เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวพ่อเลยครับ พบว่าใน dark choc มีปริมาณสูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ต่างๆ และทิ้งห่างที่สอง คือ ชาเขียว (ชาเขียวจริงๆนะครับ ไม่ใช่ชาเขียวบรรจุขวดแบบบ้านเรา) อย่างไม่เห็นฝุ่นครับ
   แต่ว่ายิ่ง bioflavanoids มากเท่าไรก็จะยิ่งขมครับ ยืนยันคำสุภาษิต ‎หวานเป็นลมขมเป็นยา‬ ได้อย่างดี‬‬‬‬‬
   ไอ้เจ้าตัวนี้มีผลงานวิจัยทางคลินิกทั้ง ลดความดัน ลด LDL เพิ่ม HDL ทำให้การทำงานของฮอร์โมนอินซูลินดีขึ้น และ มีรีวิวใน วารสาร Nutr Rev ปี 2005 บอกว่าเป็นอาหารที่มีผลดี และมีวารสารบอกถึงการลดดารอักเสบมากมาย ส่วนข้อมูลแย้งก็มีนะครับ the Zutphen Elder study ตีพิมพ์ใน Arch Intern Med 2006 บอกว่าไม่ลดอัตราตาย ไม่ลดอะไรเลย การศึกษายืนยันผลทางคลินิกจึงต้องรอต่อไปครับ

   สมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกา AHA, สมาคมผู้ให้อาหารของยุโรป ESPEN ก็ยังแนะนำว่ากินได้ในปริมาณไม่มาก มีผลค่อนข้างดีกับสุขภาพ แม้ว่าจะยังไม่มีผลงานวิจัยทางคลินิกถึงการลดอัตราตายและอัตราการเกิดโรค ที่ชัดๆใหญ่ออกมาก็ตามครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม