06 กรกฎาคม 2558

โรคข้อเสื่อม เข่าเสื่อม

กลับเข้าสู่ความรู้สนุกๆกันนะครับ หลังจากเวิ่นเว้ออยู่สองวัน วันนี้จะมาเล่า สิ่งที่ท่านควรรู้เกี่ยวกับโรคข้อเสื่อม (osteoarthrosis) ครับ

1. โรคข้อเสื่อมมีความเสื่อมหลักอยู่ที่กระดูกอ่อนที่ใช้รองรับแรงกระแทกหุ้มที่ปลายกระดูกแข็ง และมีความเสื่อมอีกตำแหน่งที่เยื่อผิวข้อที่คอยสร้างสารหล่อลื่น คอยให้สารอาหารกับเซลในข้อ ไม่ได้ผิดปรกติที่กระดูกแข็งๆนะครับ เป็นโรคของข้อล้วนๆ แต่ถ้าเป็นอยู่นานๆก็จะกระทบ กระดูกแข็ง เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อรอบๆข้อได้ จากความรู้อันนี้ เราเลยรักษาโรคข้อเสื่อมด้วยการรักษาหลัก คือ เสริมสร้างโครงสร้างรอบข้อให้แข็งแรง ชดเชยตัวข้อที่เสื่อมลงนั้นเอง เป็นที่มาของการออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อรอบเข่า การจัดท่าทางการทำงานเพื่อใช้ส่วนที่ยังดีๆ มาชดเชยข้อที่เสีย เช่นคนที่หลังเสื่อมก็ควรย่อตัวยกของใช้แรงจากต้นขามาชดเชย ข้อกระดูกสันหลังครับ

2. ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากๆ ของโรคเข่าเสื่อมคือ อายุ การใช้งาน และ แรงกระทำต่อข้อนั้นๆ อายุนั้นโดยทั่วไปก็เริ่มตั้งแต่ 40 ปี และถ้าอายุ 70 ปีแล้วก็จะพบข้อเสื่อมได้ถึง 50% ของคนที่อายุ 70 ครับ การใช้งานก็ถ้าใช้งานข้อซ้ำๆบ่อยๆก็จะมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมในข้อนั้นๆเพิ่มมาก เช่น ทำงานเสมียนพิมพ์งาน ก็จะมีโอกาสเกิดข้อนิ้วเสื่อมได้มาก อาชีพเกษตรกร ใช้งานหลัง สะโพกมากๆ ก็จะพบข้อเสื่อมที่หลังและสะโพกบ่อยๆ การใช้งานแบบนักกีฬาไม่ค่อยเกิดปัญหาเพราะว่า เขามีการใช้ถูกท่า การดูแล และกล้ามเนื้อรอบข้อที่แข็งแรงมาก ต่อให้ให้ข้อเสื่อมก็พอพยุงได้ครับ เราๆท่านๆนี่แหละที่ตะบี้ตะบันใช้ข้อ โดยผิดวิธีหรือไม่ดูแล ก็จะเสื่อมมาก ส่วนปัจจัยสุดท้ายไม่ต้องอธิบายมากครับ นน.มาก แรงกระทำมาก เสื่อมมาก ส่วนใหญ่ก็ข้อเข่า ข้อเท้า (weight bearing) เป็นที่มาของการรักษาที่ต้องลดน้ำหนักครับ

3.ไม่มีอาการเฉพาะสำหรับ osteoarthrosis ต่อไปขอเรียก OA แล้วกัน ที่พบมากคือ ปวดเวลาใช้งานข้อ พักแล้วดีขึ้น หรือมีอาการปวดเวลากลางคืน และ มีอาการเรื้อรัง เวลาใช้งานอาจได้ยินเสียงกรอบแกรบ หรือเสียงป๊อกแป๊กของน้ำหล่อข้อ แล้วถ้าเป็นมากๆ คราวนี้ปวดตลอดเวลาเลยครับ ส่วนข้อที่มักจะพบบ่อยๆนั้น ได้เอารูปมาให้ท่านดูกันด้านล่างนะครับ ไม่มีผลเลือดที่แปลผลถึงข้อเสื่อมได้ครับ ส่วนการถ่ายภาพเอกซเรย์ก็มักจะเห็นเมื่อข้อหรือโครงสร้างรอบข้อถูกทำลายมากแล้ว ก็อาจจะสายไปครับ

4. การรักษาหลักนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่านี่คือโรคของความเสื่อม จึงรักษาไม่ได้นั่นเอง การรักษาจึงมุ่งเน้นไปที่ ###การลดความเจ็บปวดและรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีไว้### เพื่อให้ช้งานได้ตามสมควร ไม่ปวด การรักษาหลักไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การใช้ยา แต่เป็นการลดการใช้งาน ลดแรงกระแทก เช่นถ้าข้อนิ้วหัวแม่มือเสื่อมก็ต้องลดแชทลงบ้าง ข้อเข่าเสื่อมก็เดินน้อยลง และ ลดแรงกระแทกเช่น สวมรองเท้าที่มีส้นเล็กน้อย พื้นนุ่ม ในท่านที่ข้อเท้าเสื่อม หรือ ใช้ไม้เท้าพยุงตัวในท่านที่กระดูกสันหลังเสื่อม ลดน้ำหนักตัว อีกประการหนึ่งคือเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อให้แข็งแรงมาช่วยพยุงตัวข้อที่เสื่อมไป โดยออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน ซึ่งจะมีเฉพาะแบบของแต่ละข้อ ท่านไปปรึกษานักกายภาพบำบัดใกล้บ้านได้เลยครับ

5.ขาดไม่ได้สำหรับอายุรแพทย์ คือเรื่องการใช้ยา แนะนำยาพาราเซตามอลก่อนเลยครับ จากการศึกษาพบว่าการลดปวดและช่วยคุณภาพชีวิตให้ดีนั้น ทำได้ไม่ต่างจากยาอื่นๆเลย โดยที่ผลข้างเคียงต่ำมาก (อย่ากินเกินวันละแปดเม็ดครับ และผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังก็ควรลดขนาดลง) หรือถ้ายังไม่ตอบสนองก็เปลี่ยนการใช้ยามาเป็นกลุ่ม NSAIDs หรือ ยาที่เป็นลูกหลานของฝิ่น เช่น tramol ก็อาจจะลดปวดได้ดีขึ้น แต่ผลข้างเคียงก็มากขึ้นตามด้วยเช่นกัน ยาฉีดสเตียรอยด์ หรือสานหล่อลื่นเข่า hyaluronic acid อาจมีประโยชน์เล็กน้อยในช่วงแรกๆของโรค ส่วนผลโดยรวมยังไม่มีข้อสรุปว่าคุ้มค่าในปัจจุบันครับ ยากิน glucasamine ปัจจุบันไม่แนะนำแล้วครับ คือผลประโยชน์มันไม่ชัดเจนครับ ยาอื่นๆ ยังไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนว่าอาการปวดลดลง หรือ คุณภาพชีวิตดีขึ้น (ต้องรวมสุขภาพกระเป๋าสตางค์ด้วยนะครับ) แล้วถ้ายา "เอาไม่อยู่จริงๆ"ก็คงต้องผ่าตัดครับ

สุดท้ายควรป้องกันดูแลตั้งแต่ยังไม่เสื่อมนะครับ ใช้ท่าทางให้ถูก ออกกำลังกายเป็นประจำ เสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อที่เสี่ยง จะดีกว่าการใช้ยา หรือการผ่าตัดนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม