17 ตุลาคม 2561

theophylline กับการรักษาหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง

theophylline กับการรักษาหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง

ก่อนหน้านี้เรามีแนวคิดว่ายา theophylline ที่เป็นยาขยายหลอดลมแบบกินนอกจากจะช่วยขยายหลอดลมแล้ว การใช้ยาในขนาดต่ำ ๆ ก็จะช่วยทำให้หลอดลมมีการตอบสนองต่อยาสูดพ่นสเตียรอยด์ดีขึ้น แต่การศึกษาที่มีอยู่เดิมไม่ได้ขนาดใหญ่มาก นักวิจัยชาวสก็อตแลนด์จึงได้ทำวิจัยและตีพิมพ์การศึกษาชื่อ TWICS ว่าถ้าเราใช้ theophylline ขนาดต่ำจะช่วยลดการกำเริบถุงลมโป่งพองจริงหรือไม่

เขาทำการศึกษาโดยมีผู้เข้าร่วม 1,567 คนที่เป็นหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (ถุงลมโป่งพอง) มาแบ่งกลุ่มด้านหนึ่งให้ยา theophylline ขนาด 200 มิลลิกรัมต่อวันที่เขาเชื่อว่าจะทำให้ได้ขนาดยาในเลือดต่ำ ๆ แบบที่ต้องการกระตุ้นดังกล่าว ไม่ได้วัดระดับจริง ๆ (แต่ยาตัวนี้ระดับการรักษาแคบ เกินก็พิษ ต่ำก็ไม่รักษา) เทียบกับยาหลอกแล้วติดตามดูประมาณหนึ่งปีกว่า ๆ ว่ากลุ่มใดจะมีหลอดลมกำเริบมากกว่ากัน

กลุ่มตัวอย่างของเขาก็เป็นหลอดลมอุดกั้นระดับปานกลางถึงอาการแย่ แถมเสี่ยงสูงมากที่จะกำเริบ กำเริบมาแล้วอย่างน้อยสองรอบ อายุประมาณ 60 ยังสูบบุหรี่ถึง 30% แต่ที่สำคัญคือ ได้รับยาสูดพ่นครบทั้งสามตัว (LABA+LAMA+ICS) สูงถึง 80% เรียกว่าได้ยาอย่างเทพมาแล้ว ตรงนี้อาจจะต่างจากสมัยก่อนเพราะสมัยก่อนยาสูดมันไม่เทพแบบนี้


ผลการศึกษาออกมาพบว่าทั้งสองกลุ่มมีอาการหลอดลมกำเริบพอ ๆ กัน คือมากพอกัน (ขนาดได้การรักษาเทพ ๆ ยังกำเริบประมาณ สองครั้งต่อปี) ไม่ได้ลดลงต่างจากกัน ไม่ว่าจะวิเคราะห์ในแบบใดก็ตามและทุกกลุ่มย่อย รวมทั้งผลข้างเคียงจากยา theophylline ก็ไม่ได้ต่างกันด้วย

ผลการศึกษานี้บอกว่า การใช้ theophylline ในขนาดต่ำ ๆ ที่เราเคยเชื่อมาอาจจะไม่ได้ผลในแง่การลดการกำเริบ อาจเป็นเพราะยาสูดพ่นเราดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ว่าการศึกษานี้ก็ยังมีข้อสังเกตหลายอย่าง เรายังต้องรออีกหลายการศึกษาที่จะออกมาย้ำแนวคิดนี้เพื่อจะมาบอกว่าตกลงเราจะยังใช้ theophylline ขนาดต่ำแบบนี้กันอีกไหม

เวลาเปลี่ยน ความรู้เปลี่ยน .... สิ่งต่าง ๆ ล้วนเป็นอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน
จะมียั่งยืนบ้าง คือ มิว นิษฐา จิรยั่งยืน นั่นเอง

ตามอ่านได้ฟรีที่นี่
Devereux G, Cotton S, Fielding S, et al. Effect of Theophylline as Adjunct to Inhaled Corticosteroids on Exacerbations in Patients With COPD A Randomized Clinical Trial. JAMA. 2018;320(15):1548–1559. doi:10.1001/jama.2018.14432
https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2707459

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม