เคยมีคำถามมากมายว่าโรงเรียนแพทย์ที่ไหนดีที่สุด และก็มีคำตอบมากมาย ทั้งจากคนที่เรียน คนที่เคยเรียน ผมเองก็ไม่อาจไปวิจารณ์สถาบันใดๆนะครับ เคยเรียนแค่สถาบันแม่น้ำเจ้าพระยานี่แหละ รับน้องข้ามฝาก อบรมข้ามคืน โค้งเคารพรุ่นพี่ อบอุ่นด้วยพี่น้อง สังเกตนะครับ ไม่มี เก่ง..ไม่เก่ง..ดี..ไม่ดีแต่อย่างใด
จากการที่เคยทำงานร่วมกับแพทย์หลายๆสถาบัน และนักเรียนจบใหม่ๆ ทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค ได้กลับเข้าไปเทรนในระบบ ฝึกอบรมหลายๆที่ เป็นสปีกเกอร์หลายแห่ง ขอใช้ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมคิดว่าโรงเรียนแพทย์ในแต่ละที่จะมีปรัชญาการสอนที่คล้ายๆกัน คือฝึกให้คิดและวิเคราะห์ ต่อยอดความรู้ และนำไปใช้ได้จริงๆ ซึ่งตรงนี้เป็นทักษะทางคลินิกที่ทุกคนที่มาเรียนแพทย์จะต้องพัฒนาตนอยู่แล้ว หมอจะเก่งหรือไม่เก่ง ต้องพัฒนาตนเองครับ แต่บางคนเจอสัจธรรมตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์ บางคนก็พบตอนออกมาทำงานจริงๆ บางคนต้องเรียนจนถึงเป็นสตาฟ จึงค้นพบตัวเอง อย่างผมเนี่ย มันปิ๊งตอนก่อนจะไปสอบบอร์ดแต่สองสามอาทิตย์เองครับ ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดได้มาต่อจิ๊กซอว์ลงตัวพอดี
ดังนั้นการประสบความสำเร็จขึ้นกับตัวเองเป็นหลัก เรียนระดับปริญญาครับ ต้องเรียนด้วยตัวเอง ยิ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ดีมาก การสื่อสารคมนาคมที่ดี สามารถไปเรียนเสริม เรียนเพิ่ม อบรมตามที่ต่างๆ มีวีดีโอการประชุม ถ่ายทอดทางอินเตอร์เนต 4G ข้อมูลที่ฝ่ามือและปลายนิ้ว มันง่ายมากครับ
แต่ว่าความพร้อมของแต่ละสถาบันก็ต่างกันนะครับ การรักษาบางอย่าง บางที่ทำได้บางที่ทำไม่ได้ ก็จะไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ โรงเรียนแพทย์ใหญ่อาจมีเทคโนโลยีสูง แต่นักเรียนก็มีโอกาสเข้าถึงน้อยนะครับถ้าไม่กระตือรือร้น อยู่เฉยๆรับรองว่านั่งอยู่บนกองทองโดยไม่รู้ค่า ในขณะที่โรงเรียนแพทย์บ้านนอก อาจมีโอกาสได้เห็นใกล้ชิด ได้ทำ แต่อาจเป็นแค่ขั้นต้น หรือขั้นสองขั้นสาม ไม่ถึงขั้นสุด ก็ต้องไปขวนขวายหาที่อบรม ที่เรียนเพิ่มเอาเอง
เห็นไหมครับ ถ้าไม่ขวนขวายหรือ คิดไม่เป็น ไม่ว่าอยู่โรงเรียนแพทย์ใดก็ไม่ดีสำหรับคุณ
ชีวิตจริง คนไข้ไม่เคยถามว่าหมอจบจากที่ไหน เกียรตินิยมอันดับใด
ปริญญาชีวิตของหมอ คือ คนไข้ตาย
รางวัลแห่งชีวิตของหมอ คือ คนไข้หาย
ความสำเร็จแห่งชีวิตของหมอ คือ สมดุลแห่งชีวิตงานและส่วนตัว
ของพวกนี้ไม่มีสอนในโรงเรียนแพทย์ครับ
จากแอดมิน..หมอเมดขี้บ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น