12 พฤศจิกายน 2558

การตรวจลำไส้โดยการใช้กล้องแคปซูล

การตรวจลำไส้โดยการใช้กล้องแคปซูล (capsule endoscopy)

หลายๆท่านอาจจะเคยจินตนาการถึงการเข้าไปอยู่ในยานวิเศษแล้วท่องเที่ยวไปในร่างกาย ตอนนี้เราก็ทำได้คล้ายๆกันครับ คือการใช้กล้องถ่ายภาพขนาดเล็กเท่าแคปซูลยา กลืนลงไปแล้วเห็นลำไส้ โดยส่งมาเป็นคลื่นวิทยุความถี่สูงแล้วมาแปลเป็นภาพด้วยคอมพิวเตอร์

วัตถุประสงค์หลักคือการตรวจหารอยโรคในลำไส้เล็ก เพราะว่ากระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นเราใช้กล้องส่องบนได้ (esophagogastroduodenoscopy) ตั้งแต่ทวารหนักขึ้นไปถึงลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กส่วนปลาย เราก็มีกล้อง(colonoscopy) แต่ลำไส้ส่วนกลางซึ่งเป็นส่วนที่ยาวและเข้าถึงยาก ยังเป็นปัญหาในการวินิจฉัยโรค การส่องกล้องยาวๆมากๆ ก็จะเกิดผลข้างเคียงได้ง่ายๆ จึงเลือกใช้แคปซูลได้ เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บตัวครับ

สามารถมาทำเป็นแบบผู้ป่วยนอกได้ โดยนัดให้มากินอาหารเหลวก่อนทำ 1-2 วัน งดอาหารแล้วมากลืนแคปซูล พร้อมติดตัวรับสัญญาณที่ตัวผู้ป่วย หลังจากนั้นกล้องก็จะเริ่มท่องเที่ยวและถ่ายภาพทางเดินอาหารส่งมาบันทึกเป็นสัญญาณดิจิตอลที่ติดไว้ ผู้ป่วยต้องงดออกกำลังกายช่วงที่ติดตัวรับ หลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมงก็จะเริ่มกินอาหารเหลวได้ อีก6ชั่วโมงก็กินอาหารอ่อนๆได้

กล้องก็จะเดินทางไปตามส่วนต่างๆ และถ่ายภาพมาเรื่อยๆ จนแบตกล้องหมด (อ้อ..ไม่ต้องกลัวว่ามืดนะครับ มันมีไฟฉาย LED ติดอยู่ด้วย) โดยทั่วไปก็ 8-10 ชั่วโมง ซึ่งก็เพียงพอในการบันทึกภาพทางเดินอาหารส่วนกลางแล้ว เมื่อหมดเวลาก็ถอดตัวรับมาทำการแปลสัญญาณและอ่านภาพ
กล้องยุคใหม่สามารถทำสัญญาณออกมาเป็นภาพสี สามมิติ ไม่ถึงขั้น full HD หรือ 20ล้านพิกเซลนะครับ แต่ดีกว่าสัญญาณเดิมที่แยกโรคยาก ผู้อ่านก็ต้องฝึกมาโดยเฉพาะ นั่งอ่านกันเป็นซีรีส์ 2-4 ชั่วโมง และต้องมี eagle-eyes อย่างมากด้วยครับ

ถามว่าอ้าวแล้วแคปซูลล่ะ มันออกแบบมาไม่ให้เป็นสิ่งแปลกปลอมและอันตราย ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ถ่ายออกมาพร้อมอุจจาระ ( 555 คงไม่มีใครนำมาใช้ใหม่) แต่สามารถเกิดอันตรายได้กรณีที่มันติด ไม่ออก อย่างนี้ต้องผ่าออกนะครับ โอกาสติด 1-2%

ข้อบ่งชี้ที่ใช้เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร แต่ยังหาต้นตอไม่พบจากการส่องกล้องบน-ล่าง (จริงๆก็เหลือแต่ตรงกลางอยู่ดี) โรคลำไส้อักเสบ Crohn, โรคลำไส้อักเสบ Celiac และโรคเนื้องอกลำไส้เล็ก เทียบกับส่องกล้องยาวๆลงไปดูซึ่งมีโอกาสเกิดอันตรายมากกว่านั้น กล้องแคปซูลสามารถตรวจเห็นโรคได้ดีกว่า เพียงแต่ใส่อุปกรณ์ไปตัดชิ้นเนื้อด้วยไม่ได้

สัญญาณจากกล้องจะไม่ไปรบกวนเครื่องกระตุ้นหัวใจครับ แต่ห้ามไปเข้าเครื่อง MRI นะครับ

ข้อเสียอีกอย่างคือ จะมีผมร่วงบริเวณหน้าแข้งนะครับ แต่ถ้าเศรษฐานะดีก็มักจะทนผลข้างเคียงนี้ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม