06 กรกฎาคม 2564

Rapid Antigen test : ตอนที่หนึ่ง ความเข้าใจทั่วไป

 Rapid Antigen test : ตอนที่หนึ่ง ความเข้าใจทั่วไป

การทดสอบที่ถือเป็นมาตรฐาน (gold standard) ของการติดเชื้อโควิดคือ การตรวจหาสารพันธุกรรมด้วยวิธี RT-PCR จากสารคัดหลั่งหลังจมูก มีความไวสูงมากและความจำเพาะสูงมาก ข้อเสียคือใช้เวลาในการตรวจนาน ใช้ทรัพยากรสูง การแปลผลต้องอาศัยความชำนาญ จึงเป็นข้อจำกัดสำคัญหากต้องการความเร็ว หรือการตรวจในปริมาณมากและกรอบเวลาสั้น ๆ

เราจึงพัฒนาการตรวจหาตัวเชื้อที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญก็พอแปลผลได้ แต่ว่าจะต้องแลกกับความไว (sensitivity) ของการตรวจที่ลดลงบ้างก็ตาม ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีในการตรวจหาโรคในหลายสถานการณ์ เช่น การตรวจคัดกรองที่บ้านเวลากักตัว การคัดกรองเข้าสถานที่ต่าง ๆ

การตรวจนี้ใช้การตรวจหาชิ้นส่วนของเชื้อไวรัส ไม่ใช่สารพันธุกรรม ใช้วิธีเก็บเหมือนกับการทำพีซีอาร์ มาป้ายกับแถบทดสอบ แต่แปลผลง่ายกว่า แปลผลคล้ายตรวจตั้งครรภ์บอกเป็นผล บวกและลบเท่านั้น (qualitative test) ผลบวกหรือลบจึงมาจากการตั้งเกณฑ์มาจากโรงงานผลิตซึ่งค่าต่าง ๆ เหล่านี้ผ่านการศึกษาเทียบมาตรฐานกับการตรวจ RT-PCR

ข้อจำกัดคือ ความไวที่น้อยกว่าวิธี RT-PCR เนื่องจากการตรวจ rapid antigen test จะตรวจได้แม่นยำหากมีปริมาณแอนติเจนมาก คือปริมาณไวรัสมากนั่นเอง หากปริมาณไวรัสน้อย ๆ เช่นตรวจในวันหลัง ๆ ของการรับเชื้อ หรือไม่มีอาการเพราะปริมาณไวรัสไม่มาก ก็อาจตรวจไม่พบได้

ตามหลักการทางการแพทย์แล้ว เราไม่สามารถใช้ผลการตรวจใดแปลตรงตัวทางที่ห้องปฏิบัติการรายงานมากได้ทันที จะต้องมีการคิดโอกาสที่จะเกิดโรคก่อนจะทดสอบ (pretest probability) แล้วมาเลือกการทดสอบที่เหมาะสม ที่จะมีค่าความไวและความจำเพาะของแต่ละการทดสอบให้เราทราบแล้วคำนวณออกมาเป็นโอกาสจะเกิดโรคหลังทดสอบ (posttest probability) ยิ่งเป็นการทดสอบ การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่มีความไวความจำเพาะไม่มาก ประเด็นนี้ยิ่งต้องคิดมาก

สำหรับการตรวจ rapid antigen test นี้ประเด็นที่มีผลต่อความน่าจะเป็นหลังตรวจ (predictive value) คือ ความชุกของโรคในชุมชนหรือในกลุ่มคนที่ตรวจ และ ลักษณะทางคลินิกทั้งอาการและความเสี่ยงการรับเชื้อ

ถ้าทำการทดสอบในกลุ่มที่ไม่มีอาการ ไม่ได้สัมผัสโรคชัดเจน และความชุกของโรคในเวลาและสถานที่นั้นต่ำ เช่น ชาวประมงที่ออกเรือไปหาปลาเมื่อเดือนก่อนตามลำพังกลางขั้วโลกใต้ พอกลับมาขึ้นฝั่งก็ขอทำ rapid test สักหน่อย โอกาสเป็นลบจะสูงมากจริงไหม และถ้าเป็นลบก็น่าจะเป็นลบจริง คือไม่พบเชื้อ เรามั่นใจสูงมากยกเว้นมีข้อสังเกตอื่น เช่น ไปคุยกับคนซื้อปลาที่ติดโควิดแบบใกล้ชิดมาเมื่อเช้า เชื้อยังไม่มากก็เกิดโอกาสลบปลอมได้ ให้ส่งทำ PCR ที่มีความไวสูงกว่า ในทางตรงข้ามถ้าการทดสอบเป็นบวก โอกาสบวกปลอมไม่มากนัก หากจะยืนยันให้ส่งตรวจ PCR

ถ้าทำการทดสอบในกลุ่มที่มีอาการ มีประวัติเสี่ยงรับเชื้อ อยู่ในสถานที่ที่กำลังมีการระบาด เช่น นักการเมืองที่มีอาการไอมาสองวัน หลังจากไปเที่ยวผับ ที่ในผับเมาเละ ตะโกนร้องเพลง ไม่มีใครใส่หน้ากาก โต๊ะแน่นแทบขี่กัน และมีคนติดเชื้อแล้วในผับ 399 คนจาก 400 คน ก่อนจะเข้าสภาก็มาทำ rapid antigen test สักหน่อย โอกาสจะเป็นบวกสูงมากจริงไหม และถ้าเป็นบวกก็น่าจะบวกจริง คือเจอเชื้อแน่นอน เรามั่นใจสูงมาก ในทางตรงข้ามถ้าผลการทดสอบเป็นลบ โอกาสลบปลอมสูงมาก เช่นเชื้อยังไม่มากพอที่จะตรวจ ให้ทำการตรวจด้วยวิธี PCR ที่มีความไวสูงกว่า

ผมยกตัวอย่างที่สุดโต่งนะ แต่ในชีวิตจริง ทุกคนก้ำกึ่ง เสี่ยงมาหรือเปล่าหนอ แบบนี้เรียกมีอาการไหมหนอ พื้นที่นั้นความชุกเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แล้วถ้าไม่มีอาการเป็นการตรวจเชื้อไม่มีอาการล่ะ มันก็ไม่ง่ายนักที่จะแปลผลใช่ไหมล่ะครับ

คำแนะนำของ Center of Disease Control สหรัฐอเมริกา มีคำแนะนำคร่าว ๆ ครับ เรามาติดตามในตอนต่อไป

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และข้อความ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม