17 มีนาคม 2568

LABA/LAMA ยาขยายหลอดลมแบบ dual action

 LABA/LAMA ยาขยายหลอดลมแบบ dual action

ตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังหรือถุงลมโป่งพองที่เรารู้จักกัน ที่ชื่อว่า GOLD ปี 2025 กล่าวว่าในการรักษาถุงลมโป่งพองแบบเรื้อรังและอาการคงที่ ในกรณีอาการมากจะแนะนำใช้ยาขยายหลอดลมแบบคู่ long acting beta2 agonist (LABA) และ long acting muscarinic antagonist (LAMA) หรือถ้าอาการกำเริบอีกจะใส่ยาสูดสเตียรอยด์ เพิ่มไปจาก LABA/LAMA
ทำไมต้องเป็น LAMA/LABA มีอ้างอิงสามฉบับจะมาเล่าย่อ ๆ ให้ฟัง เพื่อให้เห็นว่าเหตุผลคำแนะนำทางการแพทย์มันจะมีที่มาที่ไปเสมอ ใครสนใจไปอ่านในคอมเม้นต์ ทำมีลิงค์ให้ด้วย
และพอสรุปง่าย ๆ ให้พวกเราได้เข้าใจการรักษาถุงลมโป่งพองชนิดไม่กำเริบได้ง่าย ๆ
1.สำหรับอาการไม่รุนแรงและโอกาสกำเริบต่ำ ใช้ยาขยายหลอดลมเพียงอย่างเดียว จะแบบออกฤทธิ์สั้นหรือยาวได้หมด ขอให้ใช้ถูกวิธี
2.ในกรณีอาการมากขึ้น แต่ยังไม่กำเริบหรือโอกาสกำเริบไม่มาก ขยับยาสูดขยายหลอดลมเป็นแบบ LAMA/LABA ไม่แนะนำใช้เดี่ยวในระยะนี้ หรือไม่เปลี่ยน LAMA หรือ LABA สลับกัน
3.อุปกรณ์แบบยารวม ดีกว่าแบบแยก คือ การกระจายยาทั้งสองสม่ำเสมอกว่า ไม่ยุ่งยากกับเทคนิคการสูด การติดตามยาสูงกว่า
4.ถ้าไม่กำเริบหรือโอกาสกำเริบต่ำ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสูดสเตียรอยด์ (อันนี้ต่างกับโรคหืดเลยนะ) และถ้าใช้อยู่จะค่อย ๆ ลดขนาดและหยุดสเตียรอยด์
5.ในกรณีโอกาสกำเริบสูงมาก หรือกำลังกำเริบ หรือหลังกำเริบ จะใช้ยาสูดรวมมิตร LAMA/LABA/ICS ไม่แนะนำใช้แบบสองตัวนะครับ
6.อีกหนึ่งกรณีที่อาจพิจารณายารวมมิตร คือ ตรวจระดับ eosinophils ในเลือดสูง อันนี้จะได้ประโยชน์จากยาสูดสเตียรอยด์ และแนะนำใช้ยารวมมิตรเช่นกัน
7.สำหรับยาแบบสามชนิด ใช้แบบรวมดีกว่าแบบแยก ไม่ว่าจะรักษาหืดหรือถุงลมโป่งพอง ถ้าไม่มี..ก็ใช้แยกแต่ต้องทบทวนวิธีการสูดให้แม่นยำ
8.อาการมากหรืออาการน้อย เราจะใช้ระบบคะแนน mrc หรือ CAT ที่มีฉบับแปลไทยทั้งคู่ เอาไว้ประเมินว่าผู้ป่วยอาการมากหรือน้อย จะได้เป็นเกณฑ์เดียวกัน
9.เนื่องจากโรคถุงลมโป่งพองเป็นโรคที่เรื้อรัง มีอาการตลอด เราจึงแนะนำสูดยาไปตลอดหากไม่มีข้อห้าม สามารถปรับขึ้นลงได้ตามอาการและความรุนแรง ต้องติดตามไปตลอด
No photo description available.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม