ผมในวัยเลยครึ่งชีวิตมาแล้ว นับถอยหลังลงทุกวัน ทั้งชีวิต และอาชีพ
ผมเคยอยู่เวร 36 ชั่วโมงโดยไม่มีความผิดปกติ ผมเคยใส่สายกระตุ้นหัวใจอย่างแม่นยำเพียงครัังเดียว ทุกวันนี้เพียงทำงานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงก็ล้า เพียงจะเย็บสายติดผิวหนังยังต้องมองลอดแว่น
วันเวลาแห่งความเป็นแพทย์ของผมลดลงทุกนาที
ผมจึงทำงานทางความคิด เผยแพร่ความรู้ หวังให้ประชาชนตื่นรู้ หวังให้แพทย์รุ่นน้องได้ทราบถึงประสบการณ์ หวังให้สังคมมีความเข้าใจสุขภาพ หวังให้วิชาแพทย์ไม่ได้สิงสถิตอยู่บนหิ้ง บอกตัวเองอย่างนี้ ตอนก้มกราบอนุเสาวรีย์พระราชบิดา
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้พบแพทย์อาวุโสท่านหนึ่ง มีหน้าตาในวงการ ท่านบอกว่า สิ่งที่ผมทำอยู่ จะทำให้วงการแพทย์รักษาคนไข้ยากขึ้น คนไข้จะเกิดคำถาม และตั้งข้อสงสัยในศรัทธาของแพทย์ที่รักษา วงการแพทย์จะเกิดปัญหาได้
ผมเงียบ และไม่พูดอะไรเลย
แต่ผมอยากบอกกับทุกคนว่า จงตื่นรู้เถิด จงตั้งคำถามเถิด ชีวิตของคนไข้ คนไข้ต้องรับผิดชอบเอง จะรับผิดชอบได้ ต้องรู้เท่าทัน มีสติ มีความรู้ และจะเกิดปัญญา แพทย์เป็นเพียงผู้ช่วยและผู้ชี้ทาง
ปัญหาไม่ได้เกิดจากเรารู้เท่ากัน ปัญหาเกิดจากเรารู้ “ไม่เท่ากัน” และสื่อสาร “ไม่เข้าใจกัน”
มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดว่า เราทำให้ของ “เสื่อม” จริงหรือ
ผมคิดเสมอว่า แพทย์กับคนไข้ จะต้องยืนเท่ากัน บนพื้นเท่ากัน ไม่มีใครสูงกว่า ไม่มีใครต่ำกว่าใคร มีเมตตาได้ มีกรุณาได้ แต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตใคร และ ไม่ใช่เทวดาโดยตำแหน่ง
การทำสื่อออนไลน์ สอนวิชาแพทย์อย่างไร้รูปแบบกับประชาชน มีบททดสอบตัวเองและถูกทดสอบโดยคนอื่นมาตลอด นี่คือหนึ่งครั้งที่ทำให้ไหวหวั่นมากที่สุด
และผมเลือกจะศรัทธาตัวเองมากกว่า
“อยากเป็นเทวดา ต้องไขว่คว้าด้วยสองมือสองขาของตัวเอง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น