เช้านี้ เห็นข่าวนี้ขึ้นมา การศึกษา GAUSS 3 ที่เพิ่งประกาศในงานประชุม ACC เมื่อวาน ลงหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ผมไม่ได้มาอภิปรายถกเถียงเรื่อง การศึกษานะครับเนื่องจากเกินขอบข่ายของเพจเรา แต่จะมาให้ข้อคิดดังนี้
ขณะที่ หมอ เข้าประชุม อ่านวารสารเกี่ยวกับเรื่องผลข้างเคียงของยาตัวหนึ่ง แล้วปรากฏว่าถ้ามีผลข้างเคียงของยาตัวนี้ ไปใช้ยาอีกตัว ที่เพิ่งผลิต ราคาแพง กำลังอยู่ในช่วงโปรตลาด โจมตีด้วยข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และสถิติ ที่ฟังแล้วเคลิ้ม
สื่อภายนอกก็บอมบ์ข้อมูลตัวเดียวกันนี้ ด้วยใจความเดียวกัน ว่ามีความหวังใหม่ให้กับผู้ที่ทนยาเดิมไม่ได้ ด้วยข้อมูลที่น่ากลัวว่าผลเสียมันมากนะ (ถ้าไปอ่านดูจะพบว่า กลุ่มที่ได้ยาหลอกก็เกิดผลเสีย ซึ่งยังอธิบายไม่ได้) บีบบังคับทางความคิด ให้เลือกใช้ยาตัวใหม่
กระบวนการออกมาพร้อมกันส่งข้อมูลให้ทััง "คนจ่ายยา" และ "คนซื้อยา" แต่ยังไม่มีข้อมูลอภิปรายโดยกว้างจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เห็นต่าง หรือจาก คนใช้ที่ด้อยโอกาส (เพราะยามันแพงโคตรรรร) ถึงข้อมูลคนเห็นต่างออกไป มันก็ช้ากว่าที่บริษัทยาและกระบวนการพิมพ์ความเชื่อเข้าไปในใจเสียแล้ว เป็นการโฆษณาชวนเชื่อแบบหนึ่ง
ยังไม่มีข้อคิดเห็น จาก " คนใช้ยา" มีแต่คนซื้อ คนขาย เป็นเรื่องราวทางธุรกิจ มากกว่าการแพทย์ จริงอยู่ว่า ความจริงจากการศึกษาว่าเป็นสิ่งจริง สิ่งดี ขึ้นกับผู้เอาข้อมูลมาใช้ด้วยครับ ว่าจะมองทางธุรกิจ มองทางวิทยาศาสตร์ หรือมองแบบ....การแพทย์...
ตกลง ใครได้ ใครเสีย ใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นบัณฑิต. ท่านเลือกได้ครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
แบบประเมินอาการโรคถุงลมโป่งพอง(COPD Assessment Test) หรือ CAT เป็นแบบทดสอบมาตรฐานที่ใช้ประเมินอาการผู้ป่วยในแต่ละครั้ง ทำไมต้องใช้แบ...
-
ปฏิบัติการ I/O สะท้านโลก I/O ทางการแพทย์เราคือ intake -- output ปริมาณสารน้ำเข้าออกในร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับปฏิบัติการข่าวสารอันเลื่องลื...
-
ทศกัณฐ์ แฮกริด โทรลล์ ต่างก็เป็นยักษ์ บางทีก็ใจร้าย บางทีก็ใจดี วันนี้เรามารู้จัก ย.จ.ด. ยักษ์ใจดีกันครับ อ่านเรื่องราวฟีลกู๊ด ในบรรยากาศต...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น