15 มิถุนายน 2568

flatbush diabetes , ketosis-prone diabetes

 Flatbush

400 กว่าปีก่อน …
ในยุคแห่งการตื่นรู้และสิ้นสุดของยุคกลาง เรามักจะถือว่าเริ่มต้นเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินเรือไปค้นพบทวีปอเมริกา
หลังจากการค้นพบของโคลัมบัส ที่เดินทางด้วยค่าจ้างและทุนรอนของราชอาณาจักรสเปน เราอาจจะคิดว่าสิ่งที่ค้นพบย่อมเป็นของสเปน แต่ความเป็นจริงตลอดศตวรรษที่ 16 ประเทศสเปน โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ ได้แย่งชิงความเป็นเจ้าอาณานิคมและการเดินเรือ สเปนจะเน้นเดินเรือแล้วยึดครอง โปรตุเกสและสำรวจและหาทรัพยากร ส่วนดัตช์จะมาในรูปบริษัทร่วมทุนรัฐและเอกชน ที่เรารู้จักคือบริษัทดัตช์อีสอินเดีย ที่มายังมะละกาและปัตตาเวีย และบริษัทดัตช์เวสต์อีนดีส ที่มุ่งหน้าอเมริกา
แต่ละประเทศในยุโรปเข้าครอบครองอาณานิคมในอเมริกา ตั้งพื้นที่และเขตแดนกันตามชอบ อยู่ด้วยกันได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีอาณานิคมที่อเมริการักกันดี แต่ต้องมาตีกันเพราะแผ่นดินแม่ตีกัน โดยพื้นที่ที่ถือว่าเป็นทำเลทองคือพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา แต่ละประเทศต่างแย่งกันครอบครอง
ซึ่งครอบครองกันตามอัธยาศัยจนเมื่อตอนกลางศตวรรษที่ 17 อังกฤษมีชัยชนะเหนือสเปนในสงครามยุทธนาวีชนะกองเรืออาร์มาด้า และแผ่ขยายเข้าครอบครองพื้นที่ทำเลทองตั้งเป็น the 13 colonies มลรัฐแรกเริ่มทั้ง 13
นั่นรวมถึงดินแดนบริเวณเกาะลองไอส์แลนด์ เกาะแมนฮัตตัน บริเวณริมน้ำฮัตสัน ที่ตอนแรกบริษัทดัตช์เวสต์อินดีส ได้ขอซื้อผืนดินจากชนพื้นเมือง กลุ่ม Lenape ตั้งเป็นเมืองในชื่อ new amsterdam และเมื่อถูกอังกฤษยึดครอง บริเวณนี้เปลี่ยนชื่อเป็น New York ตามชื่อ ดยุคแห่งยอร์ค ผู้ซึ่งต่อมากลายเป็นพระเจ้าเจมส์ที่สองแห่งอังกฤษ
นั่นหมายความว่า พื้นที่นิวยอร์คยังมีคนท้องถิ่นเดิม บรรดาเชื้อสายทาสในอดีต สืบเชื้อสายกันมาโดยเฉพาะพื้นที่ดั้งเดิม ที่เป็นอาคารเก่าแก่และโบสถ์คริสต์คาทอลิก (ดัตช์ก็สร้างโบสถ์ และที่น่าสนใจคือเจมส์ที่สอง ก็เป็นคาทอลิก) ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของเกาะลองไอส์แลนด์ เป็นพื้นที่ที่ปัจจุบันเรียกว่า flatbush มาจากภาษาดัตช์ Vlacke Bos แปลว่าพุ่มไม้เตี้ย เป็นการทำ anglicization คือเปลี่ยนภาษาดั้งเดิม เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงว่าตูข้ายิ่งใหญ่ ในยุคกลางถึงปลายศตวรรษที่ 17
หากสามารถทำการสืบสายยีนได้ พื้นที่ตรงนี้น่าจะใกล้เคียงชนพื้นเมืองเดิม เพราะเมืองขยายออกไปโดยรอบ แต่พื้นที่บริเวณนี้ยังเงียบสงบประดุจแช่แข็งเวลาเอาไว้ มีการย้ายถิ่นฐานไม่มากนัก ส่วนพื้นที่อื่นมักจะผสมสายพันธุ์ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา จนปนเปไปหมด
ถ้าใครอ่านวารวารทางการแพทย์ การศึกษาที่ทำในอเมริกา จะมีการแยกกลุ่มเชื้อชาติที่ชัดเจน white, african-american, black, hispanic แต่ที่ flatbush นี่น่าจะยังเป็นกลุ่มเดิมตั้งแต่ก่อนดัตช์มายึดครอง
ปี 1984 วารสาร New England Journal of Medicine ได้ตีพิมพ์รายงานผู้ป่วยผู้ใหญ่จากย่าน flatbush ที่มีภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวานทั้งที่เป็นเบาหวานชนิด non-insulin-dependent DM (NIDDM) หรือเบาหวานชนิดที่สอง ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
เพราะภาวะเลือดเป็นกรดมักจะพบในเบาหวานชนิดที่หนึ่ง ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง ไปทำลายเบต้าเซลล์ที่สร้างอินซูลินจนเกลี้ยง มักจะมีอาการแรกที่พบคือเลือดเป็นกรด (diabetic ketoacidosis : DKA)
แต่นี่กลับพบในเบาหวานชนิดที่สอง แต่มันก็คงเกิดได้นะ หนึ่งในร้อย หนึ่งในพัน หรือมีเหตุปัจจัยอื่น ๆ แต่ความบังเอิญดูจะไม่บังเอิญเสียแล้ว ในอีกเจ็ดปีต่อมา 1994 ปีที่แผ่นดินอเมริกาจัดฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก
รายงานผู้ป่วยเลือดเป็นกรด DKA อีก 21 ราย ในเบาหวานชนิดที่สองที่ได้รับการตรวจหาแอนติบอดีเรียบร้อยว่า ไม่มีแอนติบอดีที่ไปจับทำลายเบต้าเซลล์ของตับอ่อน นั่นคือไม่ใช่เบาหวานชนิดที่หนึ่งอย่างแน่นอน และจะพบในกลุ่ม african-american นี้เท่านั้น
เป็นจุดกำเนิดการศึกษาเบาหวานชนิดที่ชื่อว่า Ketosis-prone diabetes (KPD) ที่พบว่าเบาหวานชนิดที่สอง ก็มีกลุ่มที่เกิด DKA ได้ง่าย โดยคนที่ศึกษาเรื่องนี้และตั้งชื่อ KPD
หรือเรียกตามพื้นที่ศึกษาและพบผู้ป่วยแบบนี้บ่อยว่า flatbush diabetes คนนั้นคือ Mary Ann Banerji แพทย์ด้านต่อมไร้ท่อ ที่รพ.คิงส์เค้าท์ตี้ ที่ย่านบรู๊คลิน นิวยอร์ก หนึ่งในทีมศึกษาการศึกษา ACCORD อันเป็นการศึกษาระดับตำนานของโรคเบาหวาน
ทำให้เราได้รู้จัก flatbush diabetes , ketosis-prone diabetes เบาหวานชนิดที่สองในเชื้อชาติ african american ที่จะเกิด DKA ได้ถึง 50%
จบการรายงานด้วยอาหารเหนืออร่อย ๆ ..จอผักกาด, ลาบหมู, น้ำพริกน้ำปู๋, สามชั้นทอดกรอบ เสียดายวันนี้ไม่มีแกงขนุนอ่อนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม