18 พฤษภาคม 2568

รูปในความทรงจำ : สีและรอยเล็บแห่งความตาย

 รูปในความทรงจำ : สีและรอยเล็บแห่งความตาย

เมื่อหลายปีก่อน ผมได้ไปเยือนหนึ่งในสถานที่แห่งความต้องการในชีวิต คือ ค่ายกักกันเอาชวิตช์ ผมมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบอันหนึ่งคือศึกษาสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะเรื่องการโฮโลคอสต์ การล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
ปริศนาที่คาใจผมมากคือ เหตุใดจึงต้องปฏิบัติกับเพื่อนร่วมโลกอย่างโหดร้ายทารุณ ไม่ว่าการรังเกียจ การออกกฎหมายกีดกัน การใช้คำสั่งบังคับ การลิดรอนสิทธิ์ การลดค่าความเป็นมนุษย์ และการสังหารหมู่
ผมอ่านหนังสือหลายสิบเล่ม เข้าร่วมเสวนา ดูวิดีโอ คุยกับเพื่อนต่างชาติ ผมสรุปได้ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ในเวลานั้น ความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม มันต่างจากยุคนี้ ในเวลานั้นคนที่ทำคงไม่คิดว่าตัวเองเลวร้าย คำตัดสินว่าดำขาว เกิดหลังเหตุการณ์ยุติเสมอ
ในแง่คำตอบในใจว่าทำไม..ผมได้ข้อยุติ แต่ในแง่ความรู้สึกต่อเพื่อนมนุษย์ ผมขอไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ที่ค่ายกักกันเอาชวิตช์ ที่เมืองคาคูฟ ประเทศโปแลนด์ สถานที่ที่ไร้ซึ่งเสียงสรรพสัตว์ใด
เราอาจเคยเห็นภาพค่ายกักกัน รถไฟที่ผ่านประตูมรณะ และการคัดเลือกกลุ่มคนที่เกิดขึ้นที่ค่ายกักกันเบียคาเนา หรือ เอาชวิตช์สอง ค่ายกักกันนี้ถูกทำลายเสียหายไปมาก เนื่องจากนาซีทำลายหลักฐานก่อนที่กองทัพโซเวียตจะมาพบ และขนย้ายนักโทษไปที่อื่น รวมทั้งทำลายห้องอบแก๊สและเตาเผามนุษย์ จนเหลือแต่ซากปรักหักพัง
แต่ที่ค่ายกักกันเอาชวิตช์หนึ่ง สถาพยังสมบูรณ์ เนื่องจากช่วงปลายสงคราม ที่นี่ใช้เป็นจุดศึกษาทดลองในคน มากกว่าจะเป็นจุดสังหาร เพราะนักโทษมากล้นและส่วนใหญ่อยู่เอาชวิตช์สอง การใช้สถานที่ในเอาชวิตช์หนึ่งมีไม่มาก และไม่ถูกทำลาย
ค่ายที่มีป้าย อาร์เบต มัค ฟราย์ : การทำงานทำให้มีอิสระ นั่นแหละครับ
ผมอยู่ที่ค่ายทั้งสองนี้ถึงนี้สองวันเต็ม เข้าชมพิพิธภัณฑ์และพื้นที่ทั้งหมดสามรอบ
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ ห้องรมแก๊ส (gas chamber) ที่ค่ายกักกันเอาชวิตช์หนึ่ง ที่ยังคงสภาพเหมือนเดิม หนึ่งในสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก
ห้องรมแก๊สอยู่ด้านหลังของค่าย เป็นอาคารดัดแปลง มองแล้วทราบเลยเพราะมีปล่องควันเด่นชัด ปล่องควันที่ใช้ระบายควันจากการเผามนุษย์ ซึ่งใกล้ ๆ กันเป็นเสาไม้ที่เป็นจุดประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ของ รูดอฟฟ์ ฮอสส์ ผบ.ค่ายเอาชวิตช์ (ถูกตัดสินให้มาตายตรงจุดที่เขาสังหารคนมากที่สุด)
ก่อนเข้ามีป้ายบรรยาย ให้เคารพต่อดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ และห้ามใช้แฟลช (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม)
ผมเดินผ่านประตูเหล็กหนา เข้าไปในห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบ ๆ ประตูเปิดเข้าทางด้านแคบด้านหนึ่ง ผนังห้องเป็นคอนกรีตโบกทับอิฐ ไร้ซึ่งหน้าต่างใด ๆ บนเพดาน มีช่องอากาศรูปสี่้เหลี่ยมจัตุรัสประมาณสี่ปล่อง มีฝาปิดปล่อง
นี่คือปล่องใส่ zyklon-B เม็ดไฮโดรเจนไซยาไนด์ความเข้มข้นสูง ทำหน้าที่หยุดยั้งการใช้ออกซิเจนของทุกเซลล์ในร่างกาย สับสน ทุรนทุราย ขาดอากาศ ชัก และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น (เพราะใช้ในขนาดสูงมาก)
ควันของไฮโดรเจนไซยาไนด์ ทำปฏิกิริยารีดอกซ์กับสารประกอบเหล็กในผนังคอนกรีต เกิดเป็นสีน้ำเงินที่เรียกว่า ปรัสเซียนบลู (สีน้ำเงินที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมีแบบนี้) ถ้าใช้ zyclon-B ปริมาณมากและยาวนานต่อเนื่อง จะคงคราบสีน้ำเงิน …สีแห่งความตายในห้องรมแก๊สแห่งนี้...ถ้าใช้แฟลช สีและคราบอาจเปลี่ยนแปลง
ผมหลับตา นึกถึงเหตุการณ์แห่งความตายที่เกิดที่นี่ ตรงที่ผมยืนอยู่ เมื่อ 85 ปีก่อน
แต่ภาพและเสียงอันนั้น ปรากฏให้เห็นชัดเมื่อลืมตา
บนกำแพงที่ฉาบด้วยสีแห่งความตายนั้น ปรากฏรอยเล็บ รอยขูด รอยกระชาก เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอด รอยแล้วรอยเล่าที่ฝังลึกไปเรื่อย ๆ บอกเล่าเหตุการณ์แห่งความสับสน ขาดอากาศ ไขว่หาทางรอด ก่อนจะ..สิ้นใจ
ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของห้อง มีโต๊ะตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่ พร้อมแจกันดอกไม้ แสงสว่างจากปล่องควันมรณะส่งตรงมาที่แจกัน เป็นภาพที่ไร้ซึ่งคำบรรยายใด
ทุกคนพากันมายืนสงบนิ่งหน้าแจกัน เคารพดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์ และเดินออกไปทางประตูด้านกว้างของห้อง ทีาจะออกไปสู่อีกหนึ่งความเหี้ยมโหดแห่งสงคราม คือ ห้องเตาเผามนุษย์ (crematorium)
ผมเห็นรูปนี้จาก onedrive ของตัวเอง และบรรยายภาพจากความทรงจำตัวเองล้วน ๆ ครับ ใครอยากฟังต่อก็บอกได้ ผมเข้าใจดีว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนชอบ แต่การศึกษาประวัติศาสตร์ด้านเลวร้าย ช่วยเตือนเราว่า ‘กรุณาอย่าทำซ้ำอีก’



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม