03 มกราคม 2567

Habsburg’s Jaw

 ฮับสบูร์ก … ล่ม

ฮับสบูร์ก คือ ชื่อตระกูลและราชวงศ์ที่ครองอำนาจในภาคพื้นยุโรปแต่ยุคศตวรรษที่ 15 มาจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คาบเกี่ยวอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีอันยิ่งใหญ่ ซึ่งถ้าทุกคนจำได้ การขยายอาณาจักรของฮับสบูร์ก ไม่ได้ใช้แต่แสนยานุภาพทางทหารเท่านั้น ยังใช้เรื่องของการเงินการธนาคาร ใช้เรื่องของศาสนาและความเชื่อ ยึดครองดินแดนเกินครึ่งของยุโรปในยุคกษัตริย์และอาณาจักร
ไม่ว่าจะเยอรมัน ออสเตรีย โบฮีเมีย สเปน อังกฤษ ต่างเป็นเครือข่ายของฮับสบูร์กทั้งสิ้น จนถึงฮับสบูรก์ที่โด่งดังมากคือ มกุฏราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการี อาร์คยุค ฟรานซ์ เฟอดินานด์ ที่ถูกสังหารเมื่อเสด็จเยือนซาราเยโว เมื่อ 28 มิถุนายน 2457 (1914) อันเป็นจุดเริ่มของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และก็เป็นจุดสิ้นสุดของฮับสบูร์กหลังสงครามอีกด้วย เพราะแพ้สงครามเรียบ
อีกหนึ่งกลยุทธของฮับสบูร์กที่ใช้ "กลืน" และ "ดอง" อาณาจักรต่าง ๆ เข้าด้วยกันคือ การแต่งงานกันเองระหว่างเจ้าผู้ครองนคร และเมื่อมีทายาทก็ให้ทายาทแต่งกันเอง โยงกันไปโยงกันมา จนเรียกว่าในยุควิคทอเรียนั้น เหล่าบรรดาเจ้านายผู้ปกครองยุโรปคือเครือญาติกันทั้งสิ้น และยังไม่พอ เจ้าครองนครเดียวกันก็นิยมให้ลูกหลานแต่งงานกันเอง เรียกว่ากระชับอำนาจและเงินตราไม่ให้ออกสู่คนอื่น
ข้อเสียสำคัญคือ รวบอำนาจ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของกระบวนการ uprising ของผู้ใต้ปกครอง และเปลี่ยนแปลงการปกครองมากมายในยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ส่วนอีกหนึ่งข้อเสียสำคัญของการแต่งงานระหว่าเครือญาติ (consanguineous marriage) คือ การเกิดลักษณะทางพันธุกรรมซ้ำและโอกาสที่ลักษณะด้อยจะมาปรากฏขึ้น จะสูงขึ้น (high penetrance rate)
ปกติลักษณะทางพันธุกรรมเราจะหลากหลายเพราะมีการแต่งงานและมีบุตรจากหลากหลายสายพันธุ์ ลักษณะที่ดีจะอยู่รอดและสืบสายพันธุ์ได้ดีกว่าตามกฏแห่งดาร์วิน ส่วนลักษณะด้อยจะตายจากไปตามเวลา
แต่หากการสืบสายพันธุ์นั้นไม่ได้ทำให้หลากหลายตามธรรมชาติ แต่ถูกบังคับแต่ง บังคับสืบพันธุ์ แบบอย่างของฮับสบูร์ก นั่นจะทำให้ลักษณะด้อยที่ไม่พึงประสงค์เกิดบ่อยขึ้น หรือลักษณะนั้น ๆ จะปรากฏชัดเจนในกลุ่มคนที่แต่งงานกันเอง เพราะความถี่ของยีนที่จะแสดงออกนั้นมันเกิดถี่และซ้ำกันมากขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่เราเคยรู้กันคือ Royal Disease โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียที่เกิดในสายราชวงศ์โรมานอฟที่ดองกันไปมากับราชวงศ์ทิวเดอร์และฮานโนเวอร์แห่งอังกฤษ เกิดโรคนี้มากมายในสายเชื้อพระวงศ์ (แต่อังกฤษกับรัสเซียเป็นคนละขั้วกับฮับสบูร์ก)
คราวนี้เรามาดูสัญลักษณ์จากการแต่งงานกันเองในหมู่ฮับสบูร์กบ้าง นั่นคือ Habsburg’s Jaw ที่ผมขอเรียกเองว่า "กรามศักดิ์สิทธิ์แห่งฮับสบูร์ก"
ถ้าไปสังเกตรูปภาพของเจ้านายแห่งฮับสบูร์ก จะพบรูปวาดที่มีคางยื่น จมูกแบนเล็ก เรียกว่า mandibular prognatism กระดูกกรามล่างยื่นออกมา และมักจะพบร่วมกับกรามบนที่เจริญเติบโตลดลง maxillary retrognathism หรือ maxillary deficiency
เมื่อมองดูจะเห็นเหมือนส่วนกลางใบหน้ายุบลง สันจมูกแบนราบ ปีกจมูกกว้าง ปัญหาสำคัญคือปิดปากไม่สนิท สบฟันไม่เข้าที่ ตำแหน่งของริมฝีปากและลิ้นที่ผิดไปทำให้พูดไม่ชัด
มีเรื่องเล่าเขียนไว้ว่าครั้งหนึ่ง จักรพรรดิชาร์ลส์ที่ห้าแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ก็คือ ชาร์ลส์ที่หนึ่งแห่งสเปน) มายังประเทศสเปนใหม่ ๆ เลย มีชาวนาคนหนึ่งเห็นพระองค์แล้วบอกว่า ท่านควรจะขยับปากให้สนิท เพราะแมลงวันที่นี่จะกวนท่านอย่างมากเลย ซึ่งชาร์ลส์ที่หนึ่งแห่งสเปนนี้ก็เป็น ฮับสบูร์ก เช่นกัน
แต่ว่ารูปวาดของฮับสบูร์กหลายคนก็จะไม่เห็นกรามยื่นออกมา เนื่องด้วยว่าในยุคสมัยนั้น ศิลปินในยุโรป จะมีต้นสังกัดเป็นเจ้านายและวาดรูปหรือปั้นงานให้เจ้านายตัวเอง เป็นสัญญาจ้างงานเลยนะ เหมือนอย่างที่เลโอนาร์โด ดา วินซี ก็ทำงานให้กับตระกูลเมดิชี อภิมหาเศรษฐีแห่งฟลอเรนซ์ ที่จ่ายไม่อั้นให้ดาวินซี ดังนั้นศิลปินในสังกัดก็จะวาดรูปเจ้านายฮับสบูร์กของตัวเองสวย ๆ หล่อ ๆ แต่…จะวาดใบหน้าตรงซึ่งทำให้ไม่ค่อยยื่นสักเท่าไร
นอกเหนือจากปัญหากรามยื่น เคี้ยวลำบาก พูดไม่ชัด ลักษณะของกรามบนสั้นกรามล่างยาวนี้ ยังไม่สัมพันธ์กับสมาชิกของฮับสบูร์กที่ไม่ค่อยแข็งแรงอีกด้วย ซึ่งก็น่าจะเกิดจากลักษณะด้อยที่มาเจอกันย่อยกว่าธรรมชาติ ทำให้โรคภัยที่พบน้อยในธรรมชาติ ก็มาพบมาที่ฮับสบูร์ก พบว่าสมาชิกในตระกูลเป็นเกาต์ หืด ลมชัก มากมายเลย
ฮับสบูร์กเองก็สังเกตความผิดปกติแห่งตระกูลเช่นกัน แต่ฮับสบูร์กก็คือฮับสบูร์ก พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยประกาศออกไปว่า ลักษณะแบบนี้แหละที่เป็นลักษณะที่เป็นลักษณะเหนือมนุษย์ เป็นกรามศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสมกับผู้ที่เอกสิทธิ์ปกครอง ประมาณว่าฟ้าประทานมา และประกาศให้ชาวยุโรปทราบด้วยว่า พวกออเจ้าเห็นไหม กรามศักดิ์สิทธิ์อันนี้ตกแก่ราชวงศ์ฮับสบูร์ก (ก็แหงล่ะ แต่งงานในเครือญาติที่หว่า) นั่นคือความชอบธรรมที่ฮับสบูร์กจะปกครองพวกท่าน
ซึ่งมันไม่จริง..ทายาทแห่งฮับสบูร์ก ด้อยลงด้อยลง ด้วยความผิดปกติอันธรรมชาติคัดเลือกให้หมดไปมารวมในฮับสบูร์ก เช่นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สองแห่งสเปน (100 กว่าปีหลังชาร์ลส์ที่หนึ่งแห่งฮับสบูร์กสเปน) มีปัญหาการเรียนรู้ อ่านไม่ได้ และไม่สามารถมีลูกได้ เป็นอันสิ้นสุดฮับสบูร์กสเปน
ต้องไปเชิญเชื้อสายฮับสบูร์กทางฝรั่งเศส หลานพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมาเป็นกษัตริย์ชื่อว่า กษัตริย์ฟิลิปเป้ที่ห้า ต้นราชวงศ์บูร์บงแห่งสเปน ซึ่งบูร์บงก็ยิ่งใหญ่ในสายฝรั่งเศสไม่แพ้ฮับสบูร์กเลยทีเดียว
สรุปว่า การแต่งงานในหมู่เครือญาติซ้ำไปมา จะทำให้ลักษณะด้อยทางพันธุกรรมพบบ่อยและชัดขึ้น ส่งต่อไปลูกหลานได้ แต่มักจะสิ้นอายุขัยเร็ว สรุปแค่นี้แหละ ที่อ่านมายาว ๆ แค่น้ำจิ้มและเครื่องปรุง
แล้วคุณอยากอ่าน น้ำจิ้ม และเครื่องปรุง อีกไหมครับ ขอเสียงหน่อยสิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม