31 มกราคม 2559

การดูแลคนไข้องค์รวม

หวออ...มีโม..มีโม..เสียงรถฉุกเฉินพร้อมตำรวจ นำขบวนมาที่รพชื่อดังมากที่สุดในโลก ตอนกลางดึก... เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสั้นเรื่องนี้ครับ

เวลา 10.00น ภายในห้องประชุมของรพ.แห่งนั้นกำลังระดมสมองเรื่องการรักษาท่านประธานาธิบดี โดยมีศาสตราจารย์จินเนียสนั่งอยู่หัวโต๊ะ และหมอแต่ละคนก็เครียดจัดมากๆ เริ่มที่คุณหมอการ์โด้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจบอกว่า " เราต้องใส่หุ่นนาโนบอท เข้าไปสแกนเส้นเลือดหัวใจของท่านก่อนว่าพร้อมจะทำอย่างอื่นหรือไม่ เทคโนโลยีนี้นาโนบอทจะไปถึงเส้นเลือดโคโนนารี - เส้นเลือดหัวใจ - ในสิบนาทีพร้อมใช้รังสีโอเมก้าสแกนละเอียดและส่งกองทัพ ทรีเมนต้าบอทเข้าไปจัดการจุดตีบได้ภายในสิบห้านาที" พอคุณหมอการ์โด้พูดจบหมอเซทผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินหายใจก็บอกว่า "แต่ผมว่าน่าจะวัดลมหายใจด้วยเครื่อง เพอคัสบรีท ก่อนดีกว่านะติดหน้ากากเซนเซอร์หนึ่งชั่วโมงมันจะวิเคราะห์ได้เลยว่าปอดตีบปอดตันกี่เปอร์เซ็นต์ การอักเสบเป็นอย่างไร โอกาสเสี่ยงเท่าไร จะได้รักษาป้องกันปอดท่าน" หมอจินเนียส ประธานการประชุมบอกว่า เอาล่ะๆ คงต้องทำทั้งคู่นั่นแหละ แล้วหมอนิพโปล่ะว่าไง หมอนิพโปเงยหน้าจากไอโฟน 15 รุ่นใหม่สุดแล้วบอกว่า "หลังจาก การ์โด้ตรวจหัวใจแล้ว ดิฉันก็จะคาสายสวนเลือดพร้อมติดกล่อง ดรีมมี่ฮีโม ที่กล่องจะวิเคราะห์ค่าเลือดตลอด24ชั่วโมง ปรับเกลือแร่และฟอกเลือดโดยอัตโนมัติ เราแค่คอยเปลี่ยนแบตเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงแทรกซ้อนอะไรก็ตาม เครื่องเดียวจบค่ะ"

คุณหมอเอนโดะผู้เชี่ยวชาญเรื่องต่อมไร้ท่อบอกว่า "เราต้องใส่แว่นสมาร์ทก๊อกเกิ้ลให้ท่านตลอดเวลา มันสแกนม่านตาทุก15นาทีแล้วปรับฮอร์โมนผ่านคลื่นแกมม่าทันที และควรทำก่อนที่การ์โด้จะตรวจหัวใจด้วย ไม่งั้นทุกอย่างจะรวนหมด" หมอจินเนียสเริ่มงง "ตกลงพวกคุณจะเอาอย่างไร แล้วหมอจีกับหมอโอโนโคโล ที่ผมให้คิดว่าถ้าเจอมะเร็งในตัวท่านจะทำอย่างไร ได้คำตอบหรือยัง" หมอจีที่เก่งเรื่องทางเดินอาหารมากบอกว่า " ดิฉันจะใช้ แมกนีโตวิว เครื่องตรวจพลังแม่เหล็กตัวใหม่ หามะเร็งทางเดินอาหารได้ทุกจุด ถ้ามันแพร่กระจายก็จะให้โอโนโคโลดูแทนดิฉัน" โอโนโคโลสะดุ้งแล้วตอบทันทีเสียงดังลั่น "อ้าว เธอต้องดูต่อสิ แมกนีโตวิว มันเป็นเทคโนโลยีในสาขาของผมนะ ผมแค่หามะเร็ง ส่วนรักษาน่ะคุณจี คุณต้องทำ" --พอได้แล้ว หยุด เอาล่ะทุกคนอภิปรายกันหมดแล้ว ผมขอปิดเบรกสักครู่ เดี๋ยวจะเข้ามาสรุปแล้วจะไปรายงานท่านสตรีหมายเลขหนึ่ง "

   แต่หมอจินเนียสเหลือบเห็นชายชราอายุเท่าท่านประธานาธิบดี นั่งนิ่งอยู่ จึงถามว่า " ท่านหมอโฮลิสตี้ ท่านเป็นเพื่อนเก่าท่านประธานาธิบดีและอดีตหมอประจำตัว ท่านมีความเห็นอย่างไรล่ะครับ ?"
ท่ามกลางสายตาดูหมิ่นของผู้อภิมหาเชี่ยวชาญทั้งหลายที่เห็นว่า โฮลิสตี้ เป็นหมอโบราณความรู้ตกยุค
ผมคิดว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองหมดแล้ว ต่อไปผมก็จะทำหน้าที่ของผมบ้างนะ หมอโฮลิสตี้ เดินไปที่ห้องพักท่านประธานาธิบดีแล้วบอกหลานชายท่านซึ่งวัยเดียวกับหลานชายหมอ ให้ออกไปคอยข้างนอก หมอขอคุยกับท่านลำพัง ในขณะที่ในห้องประชุมกลับเห็นและได้ยินทุกอย่าง เพราะคณะแพทย์ต้องการข้อมูลทุกกระเบียดนิ้วของท่านประธานาธิบดี โดยไม่บอกให้ท่านรู้ และก็เป็น สปายแคมไมค์ รุ่นใหม่สุดของ CIA
“สวัสดี โฮลิสตี้ ผมไม่คิดว่าคุณจะมา ผมดีใจจริงๆ นานมากแล้วนะที่ไม่ได้พบคุณตั้งแต่เกิดเนื่องนั้น”
“เรื่องมันนานมาแล้วนะ เอ็ดเวิร์ด ช่างมันเถอะ แล้วอีกอย่างวันนี้ผมก็ตั้งใจจะมาสานงานของผมให้จบ”
ท่านประธานาธิบดีหลบตาแล้วพูดสั่นๆว่า “อย่างไรผมก็ขอโทษคุณ วันนั้นผมยังหนุ่ม ใช้อารมณ์เพราะต้องการชนะความคิดของคุณ ที่ว่า เทคโนโลยีขั้นสูงที่ผมคิดว่าจะทำให้แพทย์ได้กลายเป็น ซูเปอร์แพทย์ แต่คุณบอกว่า ควรจะสร้างสมดุลแห่งวิชาชีพมากกว่า เราเถียงกันแรง หลังจากนั้นคุณก็ลาออก สายสืบผมรายงานว่าคุณไปสอนนักเรียนและเขียนหนังสือที่เมืองไทย ล่าสุดได้ข่าวว่าคุณล้มเจ็บหนักที่เมืองไทย ไม่คิดว่าวันนี้คุณจะมาที่นี่ได้”

โฮลิสตี้บอกว่า “สิบกว่าปีก่อนที่ผมตรวจพบโรคของคุณและบอกว่ามันคงไม่หาย คุณและครอบครัวก็ทำใจได้ ตอนนี้คุณเปลี่ยนใจอยากอยู่ต่อหรือ เทคโนโลยีใหม่ๆที่พบฟังในที่ประชุมที่เขาจะรักษาคุณ คงไม่ยากเท่าไร มีหมอซูเปอร์แพทย์ตามที่คุณอยากให้มีพร้อมเลย หมอจินเนียสคงจัดการทั้งหมดได้ดี” ท่านประธานาธิบดีเอ็ดเวิร์ดยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยนบอกว่า “ไม่ใช่แบบนั้น หมอคนไหนที่คุณพูดถึง ผมเห็นแต่หมอหนุ่มๆหลายคนท่าทางความรู้สูงมาก อ่านรายงานการเจ็บป่วย มองที่จอภาพแล้วก็พูดอะไรกันก็ไม่รู้ ชื่อเขาผมยังไม่รู้และผมคิดว่าเขาก็คงรักษาท่านประธานาธิบดี มากกว่ารักษา เอ็ดเวิร์ด โรแลนด์ จริงๆแล้วผมแค่ต้องการมาจบชีวิตที่นี่ อย่างสงบ ในห้องนี้ เตียงเดียวกับลูกสาวของผม เบลล่า ที่เป็นโรคพันธุกรรมแปลกๆนี้เหมือนกัน เราคุยกันในครอบครัวแล้ว คุณสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและหลานชายผมก็เข้าใจ”
แล้วคุณไม่ได้บอกทีมหมอเขาหรือ เขาเตรียมตัวรักษาคุณอย่างเต็มที่เลยนะ โฮลิสตี้บอก แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็เห็นเพื่อนของเขาซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง “สวัสดี แองเจลลิน่า”

โฮลิสตี้ยิ้ม และเดินเอายานอนหลับ ยาแก้ปวดขนานแรงที่สุดมาให้ “ผมก็คาดว่าคุณทั้งสองคงจะบอกแบบนี้ ที่เมืองไทยผมได้เรียนรู้ปรัชญาการรักษาจากเจ้าฟ้าที่ทางประเทศไทยถือว่าเป็นบิดาแห่งวงการแพทย์ข้อหนึ่ง --ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นแพทย์อย่างเดียว ต้องการให้เธอเป็นมนุษย์ด้วย— มันทำให้ผมคิดได้ว่า หมอกับคนไข้ เราเท่ากัน ศักดิ์ศรีเท่ากันและต้องเคารพซึ่งกันและกัน ผมคิดว่าเมื่อคุณทั้งคู่เข้าใจทุกอย่าง ผมก็ยอมรับการตัดสินใจนั้นและคิดว่าตอนนี้ทีมแพทย์ที่ฟังเราอยู่ คงจะเข้าใจด้วย เช่นกัน”
เมื่อเอ็ดเวิร์ดกินยาและโฮลิสตี้กำลังจะเดินออกไป เขาก็บอกว่า “หมอช่วยอะไรผมอีกสักอย่างนะ อย่างสุดท้าย...ช่วยปิดไฟ ปิดประตูให้ผมที ผมอยากจะพักแล้ว” โฮลิสตี้กดรีโมทแปลกๆในมือแล้วเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูดังกริ๊ก เมื่อประตูปิดภาพจากกล้องสปายแคมไมค์ก็ดับลง พร้อมๆกับทีมแพทย์ที่เป็นซูเปอร์แพทย์ก้มหน้าลง เคารพให้กับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความตายของท่านประธานาธิบดีและครอบครัว ที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งความเป็นแพทย์ที่ฮิปโปเครตีสและสมเด็จพระมหิตลาธิเบธ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ได้บัญญัติเอาไว้อย่างมีวิสัยทัศน์และอมตะ เป็นอกาลิโก..ไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาอย่างแท้จริง

ปล. อย่าลืมอ่านเบื้องหลังตอนจบนะครับ

เมื่อคุณหมอโฮลิสติ้เดินออกมาจนพ้นสายตา ก็ดึงหน้ากากปลอมตัวออก ดึงเสื้อกาวน์ออก เผยให้เห็นชายหนุ่มใส่เสื้อยืดที่มีข้อความสกรีนบนอกเสื้อว่า “อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว” พร้อมๆกับจดหมายในมือ แล้วเขาก็จุดไฟเผาจดหมายนั้น กล้องก็ซูมเข้าให้เห็นประโยตสุดท้ายในจดหมาย ...พี่ขอขอบคุณหมอนะ ที่ช่วยทำภารกิจสุดท้ายของพี่ให้สำเร็จ ช่วยเอาสมุดบันทึกของพี่ฝังรวมกับร่างของพี่ด้วย ขอบคุณนะ ลงชื่อ โฮลิสตี้ ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม