03 กันยายน 2559

แนวทางการรักษาไขมัน ESC 2016

แนวทางการดูแลรักษาโรคไขมันในเลือด จาก สมาคมแพทย์โรคหัวใจยุโรป ปี 2016
หลังจากอ่านจบก็หนักใจอย่างยิ่งครับ เพราะไม่รู้จะสรุปให้จบในหน้า A4 หน้าเดียวอย่างไรดีให้ทุกคนอ่านเข้าใจ เพราะที่อ่านมันคือสรุปอยู่แล้ว เอาเป็นว่าจะนำเสนอแนวคิดแล้วกันว่าปัจจุบันเราดูแลเรื่องไขมันกันอย่างไร

   เป็นที่ทราบกันดีแล้วครับว่าปัจจุบัน เรารักษาไขมันในเลือดเพื่อลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดไม่ว่าโรคหัวใจหรือโรคสมอง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ลดระดับไขมันเท่านั้น และใช้ยาเป็นการรักษาหลักโดยเฉพาะยา statin ..พุ่งเป้าไปที่ผู้ก่อการร้ายตัวเอ้..LDL แล้วตอนนี้เรามีอะไรเพิ่มมาอีกบ้าง ทำลิงค์มาทบทวนเผื่อลืม

https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1589687531347274:0

  ในเรื่องจะลดความเสี่ยงได้ เราจึงต้องประเมินความเสี่ยงก่อน ในแนวทางฉบับนี้ แนะนำให้ใช้ euroSCORE chart  ซึ่งยุ่งยากวุ่นวายกว่า ASCVD risk ของอเมริกาและวุ่นวายกว่า การประเมินความเสี่ยงของคนไทย ผมแนะนำใช้แบบประเมินความเสี่ยงของคนไทยที่ชื่อว่า Thai CV risk score สามารถกดกูเกิล โหลดมาบรรจุในโทรศัพท์ท่านได้เลย ใช้ง่ายมาก ประเมินได้แม่นยำกว่า แบบประเมินของชาวตะวันตกครับ

   แนวทางนี้ เน้นเรื่องการออกกำลังกายและอาหารอย่างมาก สอดคล้องกับแนวทางอาหารและการปฏิบัติตัวที่ทั้งค่ายยุโรปและอเมริกาได้ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ในปีนี้ ผมรีวิวไปเรียบร้อยแล้ว สรุปๆว่า กรุณาหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ มาร์การีน น้ำมันสัตว์ น้ำมันประกอบอาหารเชิงอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด  กินปลาทะเล ลดน้ำตาล และขยับร่างกายออกกำลังกายสม่ำเสมอ นี่คือลิงค์การดูแลตัวเองทั้งอาหารและการปฏิบัติตัวของทั้งอเมริกาและยุโรปในปี 2016

https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1615649112084449:0
https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1615732345409459:0
https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1615984208717606:0
https://www.facebook.com/medicine4layman/posts/1615984915384202:0

   เรื่องต่อมาคือ..เป้าการรักษา  สองสามปีก่อนเรารักษาแบบไม่ค่อนสนเป้า จะเป็นแบบว่า..เสี่ยงไหม..ถ้าเสี่ยงรักษาไปเลย  แต่ตอนนี้การศึกษาใหม่ๆเริ่มกำหนดเป้าการรักษามากขึ้น คือ LDL และ non HDL  แนวทางนี้ก็ใช้เป้ากำหนดเช่นกัน แต่การกำหนดเป้าหมายทำเพื่อให้เราตื่นตัวในการรักษาและมีความสม่ำเสมอในการติดตาม ไม่ได้บอกว่าถึงเป้าแล้วจะปลอดภัยหรือจะย่อหย่อน ยุติการรักษาแต่อย่างใด เช่นกลุ่มเสี่ยงสูง กำหนดเป้า LDL ไว้ที่ 100 หมายความว่า เมื่อตัดสินใจรักษา ก็ควรปฏิบัติตัว  ให้ยา จนได้น้อยกว่า 100 ถ้ายังไม่ได้อาจต้องเพิ่มยาตัวที่สอง ทีสาม หรือตัวอาหารเสริม เพื่อให้ได้เป้า และพยายามรักษาเป้าอันนั้นเอาไว้ครับ

   เรื่องต่อมา lower is better, คือถ้าเราสามารถลดไขมันลงได้มากเท่าไร ประโยชน์ก็จะเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะถึงเป้าแล้วก็ตาม เช่นกลุ่มเสี่ยงสูงมาก กำหนดเป้าที่ต่ำกว่า 70 หรือลดได้อย่างน้อย 50% จากค่าเดิม หมายความว่าถ้าเราเริ่มรักษาที่ค่า LDL 100 ถึงแม้เราจะลดมาจนได้ 70 ตามเป้าแต่ถ้าเราลดลงได้อย่างน้อย 50 คือ 50% ของเดิมจะดีกว่า  และยังไม่มีการศึกษาที่พบว่าต่ำมากจะมีอันตราย..(อันนี้มาจากตัวเปเปอร์นะครับ)

   มันก็ดีนะครับ แต่ก็จะต้องเจอกับขนาดยาที่เพิ่ม ปริมาณยาที่เพิ่ม ราคาที่เพิ่ม เจาะเลือดบ่อยขึ้น และผลข้างเคียงจากยาที่อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ โดยเฉพาะยาตัวใหม่ PCSK9 inhibitor ที่แพงมากๆๆ
  ยาที่ใช้หลักๆจะมีสามกลุ่มคือ statin ลดการสังเคราะห์, ezetimibe ลดการดูดซึมจากลำไส้, PCSK9i เพิ่มการดักจับLDL ที่ตับ  ยาอื่นๆจะกลายเป็นพระรอง..จริงๆอาจลดชั้นไปเป็นตัวประกอบเลย

   เรื่องต่อมา ความแรงของยา แนวทางแนะนำว่า เราจะเลือกว่าจะลดไขมันลงกี่เปอร์เซนต์และเลือกใช้ยาให้เหมาะสม ..ต้องบอกว่า ประโยชน์ของการลดไขมันขึ้นกับ..ความต่างของไขมันที่ลดได้จากเดิม ยิ่งลดได้มากประโยชน์ยิ่งมาก และ ไขมันมากๆลดแล้วมีประโยชน์มากกว่าค่าไขมันต่ำครับ..การเลือกใช้ยาที่จะลดได้มากได้น้อยจึงสำคัญ

    จากแนวทางนี้ ก็จะมีแนวโน้มใช้ยาสามสี่ตัวนี้เท่านั้นเอง คือ rosuvastatin และ pitavastatin ขนาดปกติ หรือ atorvastatin และ simvastatin ในขนาดสูง ( ยิ่งขนาดสูงยิ่งมีโอกาสเกิดพิษ)   ก็น่าจะผลักดันกันเข้าบัญชียาหลักและมียาสามัญใช้กันมากขึ้นครับ
ข้อใหม่ๆ สรุปๆ ยังไม่ได้ลงลึกมากหรือข้อพิเศษในบางโรค ที่เหลือโหลดได้ฟรีจาก escardio.org …เอ  หรือว่าจะต้อง facebook live เรื่องนี้อีกสักที ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม