08 ตุลาคม 2568

ไตวายเฉียบพลัน สามารถฟอกเลือดทางช่องท้องได้

 ไตวายเฉียบพลัน สามารถฟอกเลือดทางช่องท้องได้ดีเช่นกัน ผู้ป่วยอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ มั่นใจได้กับการฟอกเลือดทางช่องท้อง

1.ประสิทธิผลสำหรับการแก้ไขภาวะไตวายเฉียบพลันไม่แย่ไปกว่าการฟอกเลือดทางหลอดเลือดเลย
2.ในประเทศหรือสถานที่ที่ไม่มีเครื่องฟอกเลือดเพียงพอ บุคลากรไม่พอ ไม่มีอุปกรณ์ CRRT ก็สามารถใช้การฟอกเลือดทางช่องท้องเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ดี ใช้ทรัพยากรไม่มากเท่าฟอกเลือดทางหลอดเลือด และทำได้หลายคนในเวลาเดียวกัน
3.ถ้าสามารถใส่สาย flexible catheter คือ tenckhoff catheter จะดีกว่าการใส่สายแบบ rigid แต่ว่าที่ไหนมีอะไรก็ใช้อันนั้น และใช้ตามความถนัดและมั่นใจครับ
4.การมีอุปกรณ์ฟอกเลือดทางช่องท้องและการเตรียมบุคลากรถือเป็นมาตรการที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องฟอกเลือดทางช่องท้องแบบอัตโนมัติ การบริหารด้วยคน การเปลี่ยนถุงน้ำล้างช่องท้อง ใช้ระบบปิดหรือแบบถอดเข้าออกก็ได้ ขอเพียงมีเทคนิคปลอดเชื้อที่ดี
5.แนวทางการรักษาระบุใช้สารละลายแบบสำเร็จรูปหรือผสมใช้เองได้ แต่ในประเทศไทยที่ไม่ถึงกับขาดแคลน การใช้สารละลายฟอกเลือดทางช่องท้องก็สมเหตุสมผล ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ สามารถเติมเกลือแร่โปตัสเซียมเพิ่มได้ หากต้องการ สิ่งที่ต้องติดตามสำหรับการฟอกเลือดทางหน้าท้องคือระดับโปตัสเซียมในเลือดต่ำ เพราะสารละลายไม่มีโปตัสเซียม
6.การประมาณค่าว่าฟอกเลือดเพียงพอหรือไม่ ตามปกติจะใช้ค่า Kt/V (urea) เอาล่ะถ้าใครสนใจให้ไปอ่านในแนวทางและตำราอายุรศาสตร์โรคไตเพิ่มเติมได้ สามารถใช้ค่า Kt/V ต่อสัปดาห์ที่ 3.5 ตามแนวทาง หรือหากอ้างอิงจากการศึกษาในคนไทย สามารถใช้ค่าที่ 2.1 ต่อสัปดาห์ก็ไม่ต่างจากการทำในขนาดสูง ประหยัดทรัพยากรมากกว่าด้วย
การศึกษาใช้ 1.5% PDF ถุงละ 1500 ซีซี บริหารเปลี่ยนรอบน้ำแบบทำมือง่าย ๆ รอบละ 2 ชั่วโมงใน 48 ชั่วโมงแรก อันนี้จะได้ Kt/V ที่ 2.1 เทียบกับมาตรฐานคือเปลี่ยนทุกชั่วโมง (Kt/V ที่ 3.5)
7.รอบการเปลี่ยนน้ำ จะเปลี่ยนบ่อยทุกชั่วโมงในกรณีวิกฤต เช่น uremia, hyperkalemia, fluid overload และเมื่ออาการควบคุมได้จะค่อย ๆ ลดรอบลงมาเป็นทุก 2-4 ชั่วโมงก็ได้ ถ้าว่ากันด้วยสารละลายสำเร็จรูปในบ้านเรา ช่วงแรกที่เปลี่ยนบ่อย ๆ จะใช้สารละลาย 1.5% dextrose และเมื่ออาการคงที่และเพิ่มระยะเวลาต่อรอบอาจใช้สารละลาย 4.25% dextrose แทนได้ เพื่อลดปัญหาภาวะน้ำตาลสูงเกินไป แต่อย่างไรก็ต้องติดตามภาวะน้ำตาลในเลือดเสมอ
8.ผลแทรกซ้อนสำคัญคือเรื่องติดเชื้อ สังเกตได้จากสีของน้ำล้างช่องท้องที่ขุ่น หรือตรวจเจอเม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 ต่อไมโครลิตร ในแนวทางแนะนำใช้การตรวจด้วยแผ่นจุ่ม เพื่อหา leucocyte esterase (แผ่นจุ่มตรวจปัสสาวะก็ตรวจได้นะ) โดยตรวจทุกวัน ถ้ามีก็เริ่มรักษาได้
9.การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ มีความสำคัญมากในการรักษาผู้ป่วยวิกฤต และจำเป็นมากในผู้ป่วยฟอกเลือดทางช่องท้องเช่นกัน
10. จะเห็นว่าในระยะเวลา 24-48 ชั่วโมงแห่งภาวะวิกฤตไตวายเฉียบพลัน สามารถใช้การรักษานี้ประคับประคองได้ดีทีเดียว ทำได้เกือบทุกที่ เพียงแค่เรียนรู้และฝึกทำ มีเวลาเพื่อปรึกษาอายุรแพทย์โรคไตในวันต่อไปเพื่อกำหนดการรักษาขั้นต่อไป ช่วยชีวิตคนไข้ได้อีกมากมายเลยครับ
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่

All reactions:
132

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม