27 มกราคม 2568

27 มกราคม : International Holocaust Remembrance Day

 27 มกราคม : International Holocaust Remembrance Day

วันนี้เป็นวันระลึกถึงการทลายค่ายกักกันเอาชวิตช์-เบียคานาว ที่ประเทศโปแลนด์ โดยกองทัพโซเวียต ในปี 1945
โลกได้เห็นความทารุณโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การลดทอนความเป็นมนุษย์ ความคิดเห็นต่างแล้วประหัตประหารกัน
ผมรู้จักการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งแรกจากหนังเรื่อง killing field เป็นการสังหารหมู่ชาวกัมพูชาของเขมรแดง หลังจากนั้นก็ตามศึกษา การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูโกสลาเวีย การสังหารหมู่ในรวันดา
แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่ามันยังไม่อธิบาย พฤติกรรมด้านมืดของใจคน มันยังเต็มไปด้วยการเมือง อำนาจ อิทธิพล โดยมีประชาชนเป็นเหยื่อ
แต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สองมันต่างออกไป มันคือการทำงานอย่างเป็นระบบ ปลูกฝัง ตอกย้ำ ชวนเชื่อ ทำให้เห็น ว่าเราจะเกลียดและชิงชังอีกกลุ่มคน และมองเขาไม่ใช่คน ทำให้มีกระแสการเกลียดชังจนถึงขีดสุด ขุดเอาด้านมืดที่สุดของมนุษย์มาทำลายกัน
สำหรับผม นี่คือ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในอารยธรรมของคน
จริง ๆ แล้วอ่านหลายเล่ม ไม่ต่ำกว่า 20 เล่ม ทั้งไทยและอังกฤษ ดูและฟังบทวิเคราะห์เยอะมาก ไปยืนในสถานที่จริงมาเกือบหมด
ห้าเล่มนี้อยู่บนโต๊ะ ยังไม่ได้เก็บหรือขาย เป็นห้าเล่มที่จบในสองปีที่ผ่านมา (ปีที่แล้วไปอินที่ฮิโรชิมา อีกด้วย)
การศึกษาด้านมืดของใจคน มันทำให้ผมยังมองเห็นด้านที่ดีของใจคน และเข้าใจ ให้อภัย ผู้คนมากขึ้นด้วยครับ



ใช้กัญชาในบ้าน เด็กก็ได้รับกัญชานะครับ

 ใช้กัญชาในบ้าน เด็กก็ได้รับกัญชานะครับ

มีการศึกษาลงใน JAMA Network Open ทำการเก็บข้อมูล ณ จุดเวลาหนึ่ง เพื่อดูว่าเด็กที่อาศัยในบ้านที่มีการสูบกัญชา จะเจอสารอนุพันธ์ของกัญชาหรือไม่
พบว่าเด็ก 275 รายในอเมริกา อายุประมาณ 3.5 ปี ในจำนวนนี้มีถึง 10.6% ที่พบว่ามีการ “สูบกัญชา” ในบ้าน
แต่มีเด็กถึง 27% ที่พบกัญชาในปัสสาวะ แสดงว่า ได้รับจากนอกบ้านด้วย
ถ้าไปคิดเด็กที่มีการสูบกัญชาในบ้าน จะพบสารกัญชาในปัสสาวะถึง 69%
เอาล่ะ ผมขอยกรายละเอียดมาเท่านี้ ใครสนใจไปอ่านเพิ่มฟรีได้ แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบอกแล้วว่า ควันกัญชามือสอง ก็ส่งถึงเด็กนะครับ ยิ่งสูบในบ้าน เด็กโดนกัญชาไปด้วยนะครับ
JAMA Netw Open. 2025;8(1):e2455963.

26 มกราคม 2568

คุณหมอ คุณพยาบาล คุณต้องแข็งแรง … คู่มือหลีกเลี่ยงความปวกเปียก

 คุณหมอ คุณพยาบาล คุณต้องแข็งแรง … คู่มือหลีกเลี่ยงความปวกเปียก

ก่อนอื่นผมขอเล่าและอวยตัวเองก่อน ผมเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลตัวเองและผิวหน้ามาตลอด แต่ผมเคยป่วยจนดูแลคนไข้ไม่ไหวและน้อง ๆ ไล่กลับบ้านมาหนหนึ่ง หลังจากนั้น นอกจากการดูแลสุขภาพตามมาตรฐานทั่วไป ผมยังเพิ่มการดูแลตัวเอง "เฉพาะส่วน" เพิ่อให้ตัวเองมีสุขภาพกายที่ดีพอ เพื่อการรักษาคนไข้ และทำให้ตัวเองมีความสุข
ทุกวันนี้ผมยังซีพีอาร์ ใส่ไลน์ ใส่สายสวน ยืนเอคโค่ ยืนอัลตร้าซาวนด์ ยืนเจาะปอด ใส่ท่อระบายทรวงอก ยังทำได้ดี แต่รู้เลยว่าทำได้น้อยลงแน่ ไม่สามารถทำได้เหมือนตอนเรียน ซึ่งก็น่าจะมาจากมาตรการต่าง ๆ ที่ใช้มาตลอด ใครอ่านแล้วเอาไปใช้ได้ครับ
1.เพิ่มการออกกำลังกายแบบต้านแรง เช่น ยกเวต ใช้ที่บีบเพิ่มกล้ามแขน แพลงก์ หรือตั้งโปรแกรมเพิ่มกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลาง หน้าอก และแขน เพราะนี่คือส่วนที่ต้องทำงานมาก คุณลองใส่ท่อช่วยหายใจคนไข้ดิ้นมากสักสองคน ต่อด้วยใส่สายระบายทรวงอก ถ้าไม่ออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อ รับรองมีล้า มีหลอย
2.ยิ่งอายุมาก ต้องยิ่งออกกำลังมากขึ้น ถือเป็นวินัย ทำให้สามารถเดินราวด์ นั่งตรวจ ทำหัตถการ ได้ตลอดวัน ไม่เหนื่อยแม้ขึ้นลงหลายตึก ผมออกกำลังกายแบบแอโรบิก แบบทั่วร่างกาย สัปดาห์ละ 200-250 นาทีเป็นพื้นฐาน สมัยก่อนไม่ได้ทำสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้ปรับเป็นสม่ำเสมอ กระจายเท่า ๆ กันทั้งสัปดาห์เพื่อลดการบาดเจ็บ ไม่มีคำว่าไม่มีเวลา คุณจัดหาเวลาได้เสมอ ทำงานต่อกัน ผมยังหาเวลาไปเดินรอบสนามโรงพยาบาล 10 นาทีได้เลย
3.นอน อันนี้สำคัญ พยายามอย่าอดนอน มันจะเพลียสะสม สมองล้า คิดช้า พลาดง่าย หมุนวนเป็นวงจรอุบาทว์ทำร้ายตัวเอง ไม่ต้องนอนเยอะ แต่ต้องพอ คือตื่นมาแล้วไม่งัวเงีย ใครทำงานอยู่เวรยิ่งสำคัญ มีเวลาให้นอน ใครไม่ได้อยู่เวร เมื่อจัดเวลาได้ ต้องนอน ให้ความสำคัญกับมันมาก ๆ อย่าเล่นโซเชียลมาก อย่าติดเกม อย่าติดซีรีส์ เวลานอนก็ต้องซื่อสัตย์เหมือนออกกำลังกาย
4.รักษามือยิ่งชีพ ผมเชื่อว่าแพทย์พยาบาลทุกคนใช้มือเป็นเครื่องมือหลัก ผมเลี่ยงกีฬาหรือกิจกรรมเกือบทุกชนิดที่มีโอกาสบาดเจ็บต่อมือ ขี่มอเตอร์ไซค์ผมก็สวมถุงมือแบบหนา ตัดเล็บต้องระวังเล็บขบ จะใช้มีดใช้ตะหลิว จะไม่ใช้ท่าที่จะเกิดอันตรายกับมือเลย ทาแฮนด์ครีมเป็นประจำ เพราะมือแห้งล้างบ่อย
5.อันนี้เทคนิคส่วนตัว ผมไม่กินหนักแต่ผมกินบ่อยขึ้น ปริมาณอาหารไม่มากกว่าเดิมแต่กระจายพลังงาน ต้องเคร่งครัดไม่งั้นจะอ้วน เพื่อให้ตัวเองมีแรงเพียงพอในการตรวจรักษา ไม่อด ไม่โหย ถ้าอดหรือโหย มื้อต่อไปจะกินหนักขึ้น และจะนำอาหารขยะเข้าตัวมากขึ้น ยกตัวอย่างสักวันแล้วกันนะครับ เช้า..ไข่ต้ม โอ๊ตมีล กาแฟดำ สาย..แซนด์วิชไก่ชิ้นเล็ก บ่าย..กาแฟดำ ขนมจีบสี่ลูก ผลไม้สามสี่ชิ้น เย็นมาก..สลัดผัก หมูย่าง กับนมสด อันนี้คือวันเบา ๆ เดินราวด์ ตรวจคนไข้นอก ทำหัตถการเบา ๆ ไม่หิว ไม่อ้วน เอาอยู่
6.ลงทุนกับรองเท้า เดินยืนทั้งวัน รองเท้าที่กระชับ นุ่มสบาย ไม่กัด ไม่รัด เป็นเรื่องสำคัญ แล้วจะเดินได้ทั้งวัน ไม่ทรมาน ไปลองหลาย ๆ คู่เลยครับ ส่วนตัวผมสวมรองเท้ากีฬาสีดำ ใส่ทำงานสบาย เดินออกกำลังกายระหว่างวันได้ด้วย
7.จิบน้ำบ่อย ๆ ทั้งวัน ทำให้ร่างกายไม่ล้า ใครลองตรวจคนไข้ทั้งเช้าโดยไม่ดื่มน้ำ รับรองเหนื่อยและล้าพอควร แต่ถ้าได้จิบน้ำบ่อย ๆ ชั่วโมงละสองสามอึกก็ได้ ผมทำและพบว่ามันช่วยให้ "อึด" ไม่ล้าง่าย ดื่มตอนไหน ก็ตอนเดินไปล้างมือ ใช้เจลแอลกอฮอล์ นี่แหละครับ มีขวดใส่หลอด สองสามอึกก็ชื่นใจ (อ้อ..ผมใช้แต่น้ำเปล่านะครับ)
ลองไปปรับใช้ดู หรือพี่น้องหมอพยาบาลใครมีเทคนิคดี ๆ มาแชร์กัน เพื่ออายุงานที่ยาวนาน ปฏิบัติงานอย่างแข็งแรง มีความสุข ไม่ล้มป่วยง่าย และช่วยคนไข้ได้เยอะขึ้นครับ

25 มกราคม 2568

PM 2.5 ข่าวเท็จ

 มีข้อความชุดนี้ส่งมาให้ผมทางอินบ็อกซ์ บอกว่าขอให้ช่วยเผยแพร่ เพราะคนไทยและรัฐบาลไทยกำลังหลงทางกับฝุ่น PM 2.5 ว่ากำลังหลงทาง

ได้ครับ เผยแพร่ให้ แต่ไม่เห็นด้วยนะ
บทความบอกว่าเป็น "ข้อคิดเห็น" จากอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดลท่านหนึ่ง บอกว่า PM2.5 ไม่อันตราย
ไม่จริงนะครับ
PM 2.5 และมลพิษต่าง ๆ เพิ่งมามากจนเกิดปัญหาในยุคอุตสาหกรรมใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่สองนี้เอง ในอดีตเราอาจมีฝุ่นนี้แต่ไม่เกิดปัญหาเพราะปริมาณไม่มากและชาวโลกไม่เยอะ
แต่ปัจจุบัน มันเป็นปัญหาระดับโลกที่แท้จริง
ฝุ่น PM 2.5 มันลงลึกไปถึงระดับ small airways ก็จริง แต่ไม่ได้ย้อนกลับออกมาทั้งหมด มีการซึมเข้าผนังถุงลม แทรกเข้าหลอดเลือดฝอยที่ปอด ไปสู่หัวใจและไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ได้
ส่วนที่ว่าบริษัทต่าง ๆ ประโคมข่าวเพื่อขายอุปกรณ์กรอง มันไม่ได้เกิดจากแผนอุบาทว์ทางการตลาดแบบนั้น. มีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมายจนเป็นที่ยอมรับว่า PM 2.5 เป็นอันตรายต่อร่างกายจริง
และอุปกรณ์กรองต่าง ๆ ป้องกันได้ระดับหนึ่ง ในเขตปิดล้อมมิดชิดเท่านั้น การแก้ไขมันต้องบังคับเชิงกฎหมาย และมาตรการทางสังคม
ดังนั้น ใครได้รับข้อความแบบนี้ แชร์มาทางไลน์ อย่าไปเชื่อนะครับ
PM 2.5 มีจริง เจ็บจริง ไม่ควรละเลยหรือไม่ป้องกันตัวเองนะครับ






ดูแลผู้สูงวัยที่บ้าน ควรมีอะไรบ้าง

 ดูแลผู้สูงวัยที่บ้าน ควรมีอะไรบ้าง (ใครมีหัวข้อเพิ่มเติม ก็เสริมมาได้นะครับ)

▪เครื่องวัดความดันโลหิต ความดันโลหิตขึ้นลงไม่มีอาการนะครับ ต้องวัดจึงทราบ ควรซื้อแบบที่วัดตรงต้นแขน ขนาดแถบพันให้รัดได้หนึ่งรอบครึ่ง ควรตรวจสอบถ่านไฟฉายว่าไม่อ่อน หรือใช้เสียบปลั๊ก เวลาบันทึก แยกสามค่านะครับ systolic/diastolic และ ชีพจร
▪เทอร์โมมิเตอร์ แบบใช้ง่ายก็มีสองอย่างคือแท่งเสียบรักแร้ จะใช้แบบดิจิตอลหรือปรอทก็ได้ แบบดิจิตอลก็ง่ายดี ระวังแค่ถ่านหมดกับเสียบไม่แนบรักแร้ อีกแบบคือก้านส่องรูหู อันนี้แพงกว่ามาก แต่แม่นยำ แปรปรวนต่ำ จะได้ทราบเลยว่ามีไข้หรือไม่ สูงหรื่อไม่สูง รักษาแล้วตอบสนองดีหรือเปล่า
▪กระโถน, bed pan, กระบอกฉี่ เพื่อขับถ่ายบนเตียง ผู้สูงวัยหลายท่านลุกนั่งยาก หรือติดเตียง การมีกระโถนแบบแบน สอดให้ขับถ่ายได้จะสะดวกมาก จะใช้แบบพลาสติกหรือแบบอลูมิเนียมก็ได้ทั้งนั้น แต่จากประสบการณ์แบบอลูมิเนียมจะทำความสะอาดง่ายกว่า
▪ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ใส่เวลาเดินทาง เวลานอน จะได้ไม่ขัดจังหวะการนอนหรือเดินทาง เลือกแบบใดก็ได้ แต่ต้องหมั่นตรวจสอบ ถ้าเต็มก็เปลี่ยน อย่าปล่อยค้างให้อับชื้น
▪ชุดทำแผลแบบใช้แล้วทิ้ง ผ้าพันแผล ผู้สูงวัยมีแผลง่าย หากเป็นแผลถลอก กระแทก เลือดซึม ก็ทำแผลได้เลย ใช้เบตาดีนเช็ดรอบ ใช้น้ำเกลือล้าง ผ้าก๊อซปิด แนะนำใช้ผ้าพันแผลพัน เพราะพลาสเตอร์มักมีผื่นแพ้หรือติดไม่อยู่
▪อุปกรณ์บดยา กระบอกฉีดยา ที่ตัดเม็ดยา ผู้สูงอายุมันมีปัญหาการเคี้ยวกลืน บางคนต้องบด ใช้มือหักยาไม่ได้แน่ การตวงยาน้ำควรใช้กระบอกฉีดยา และมีอีกอันเอาไว้ป้อนยาช้า ๆ ทางปากได้ หาซื้อได้ตามร้านขายยา
☆☆การจัดสภาพแวดล้อม☆☆
▪ทางเดินทางผ่านผู้สูงวัย ควรไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือส่งที่จะทำให้ลื่นล้ม
▪ไฟฟ้าทางเดินต้องสว่างพอ มีจุดเกาะยึด
▪จุดยึดจับในห้องน้ำ พื้นห้องน้ำต้องไม่ลื่น
▪ปรับโถขับถ่ายเป็นแบบนั่งเก้าอี้ ห้ามนั่งยอง
▪ขึ้นลงบันได ให้น้อยที่สุด หากต้องขึ้น อย่าลืมทำราวยึดเกาะให้ดี ติดแถบกันลื่น
▪ควรมีขวดน้ำดื่มไว้ใกล้ตัวใกล้มือ การลุกไปดื่มน้ำลำบาก จะทำให้เขาไม่ดื่มน้ำเพียงพอ
☆☆เตรียมล่วงหน้า☆☆
▪สมุดประจำตัวผู้ป่วย จะโรคอะไรก็แล้วแต่ มีไว้ข้างตัวพร้อมหยิบไป รพ.
▪ถ่ายภาพซองยา ฉลากยาที่ใช้ล่าสุดเอาไว้ เผื่อต้องใช้
▪เบอร์โทรศัพท์ รพ.ที่รักษาประจำ รพ.ใกล้บ้าน และเบอร์ฉุกเฉิน ถ้าไม่ทราบให้โทร 1669
▪ทางติดต่อญาติที่มีอำนาจการตัดสินใจหรือทายาทโดยธรรม
การเตรียมตัวที่ดีที่สุด คือ การเตรียมตัวคุณเอง คือ ผู้ดูแล ให้พร้อมเสมอ
เพราะการวิธีการดูแลคนที่เรารักที่ดีที่สุด คือ การดูแลตัวเองให้แข็งแรงพร้อมจะดูแลคนที่เรารักได้

บทความที่ได้รับความนิยม