26 สิงหาคม 2568

ฟิสิกส์ในอายุรศาสตร์ : การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง : ทักษะการฟัง

 ฟิสิกส์ในอายุรศาสตร์ : การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง : ทักษะการฟัง

เมื่อเช้าเจอโฆษณาหูฟังสเตทโตสโคปแบบบลูทูธไร้สาย เป็นนวัตกรรมที่เพิ่มความสะดวกมาก แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไร หากผู้ใช้ไม่เข้าใจและแปลผลไม่ได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังคำพูด “it’s doesn’t matter what under the hood, what matters id who’s behind the wheel”
เสียงเดินทางผ่านตัวกลาง จะเร็วจะช้าขึ้นกับลักษณะตัวกลาง นอกเหนือจากความเร็วแล้ว ความดังและการกระเจิงก็เปลี่ยนไปตามตัวกลางด้วย เมื่อปอดและช่องเยื่อหุ้มปอดมีการเปลี่ยนแปลงตามพยาธิสภาพ คุณภาพของเสียงที่ได้ยินจะเปลี่ยนไป เมื่อเสียงเปลี่ยนไป คุณหมอจะเอาข้อมูลมาประกอบการรักษาได้ครับ
Vocal Resonance คือ การตรวจเสียงพูดของคนไข้ด้วยหูฟังผ่านผนังทรวงอก ปกติแล้วเสียงมนุษย์จะความถี่ต่ำ อู้อี้ และจะถูกเนื้อเยื่อปอดกรองเสียงต่ำออกไป เสียงพูดที่ฟังผ่านหูฟังจึงอู้อี้แต่ได้ยินเป็นคำ คราวนี้ถ้าปอดเกิดโรคเสียงจะเปลี่ยน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเปรียบเทียบกับข้างที่ปกติ คุณหมอมือใหม่หรือมือเก่าแต่ไม่ค่อยตรวจร่างกาย อาจจะสับสนว่าอันไหนปกติ ข้างนี้ดังขึ้นหรืออีกข้างมันเบาลง การแยกจะใช้ประวัติและการตรวจอย่างอื่นด้วย เช่น การเคาะ การฟังเสียงลมหายใจ การสัมผัสการสั่นสะเทือนผนังทรวงอก
Consolidation จินตนาการว่าปอดคือฟองน้ำแห้ง ๆ มีเนื้อมีลม แต่ภาวะ consolidation คือเอาฟองน้ำไปชุบน้ำให้ชุ่ม ปอดก็จะแปรสภาพจนเสียงที่คลื่นที่ผ่านตัวกลางจากลมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มันจะไม่กรองเสียงความถี่ต่ำ และส่งคลื่นเสียงออกมาทุกความถี่ และไม่ลดแอมพลิจูด คือ เสียงไม่เบาลง เมื่อเทียบกับของเดิมที่เบาและอู้อี้ หูเราจึงแปลผลว่า ดังขึ้น
เราอาจเรียกเสียงที่ได้ยินว่า bronchophony คือเสียงพูดปกติจากที่ได้ยินเบาเป็นได้ยินปกติ (ดังขึ้น) อีกแบบคือ whispering pectoriloquy ให้พูดเสียงกระซิบ กระซิบ มาจากหัวใจ ..ไม่ใช่ล่ะ ให้พูดกระซิบเบา ๆ แต่หมอจะได้ยินชัดเจน ก็คือดังขึ้น
กระบวนการ consolidation จะเกิดในโรคที่มีสารน้ำมาแทรกเนื้อปอดและหลอดลม เช่น ปอดอักเสบติดเชื้อ มะเร็งที่แทรกในเนื้อปอดและหลอดลม
แล้วถ้า vocal resonance มันเบาลง กลไกจริง ๆ คือ เสียงที่มีความถี่ต่ำจะถูกกรองออกไป เสียงที่ได้ยินจึงอู้อี้มากขึ้น ฟังไม่ออก แต่ยังได้ยิน ปรากฏการณ์เบาลงจะเกิดเมื่อมีอากาศปริมาณมากหรือน้ำปริมาณมากมาแทรกในเยื่อหุ้มปอด เสียงที่เดินทางผ่านของแข็งเปลี่ยนมาเป็นน้ำและอากาศจะเบาลง สำหรับอากาศ (pneumothorax) เสียงจะเบาลงจนหายไป แต่สำหรับน้ำ (pleural effusion) เสียงจะอู้อี้ไม่ใช่หายไป ถ้าหายไปแสดงว่าเป็นน้ำปริมาณมากทีเดียว
ด้วยความที่น้ำจะมีระดับพื้นผิว คุณหมอที่ฟังละเอียดและตั้งใจ จะได้ยินการเปลี่ยนแปลงของเสียงที่เปลี่ยนการเคลื่อนที่ในตัวกลาง จะได้ยินลดลงในส่วนที่มีน้ำ ได้ยินปกติในส่วนไม่มีน้ำ และอาจพบเสียงดังขึ้นหรือเสียงความถี่เปลี่ยนไปที่เรียกว่า egophony เพราะเนื้อปอดส่วนที่เหนือน้ำจะถูกบีบชิดกันแน่น จนนำเสียงความถี่สูงได้ดี ใครอยากฟังว่า egophony เป็นอย่างไร หาฟังได้ในยูทูปนะครับ
ประวัติที่ครบและการตรวจร่างกายที่เอาใจใส่ สามารถบอกตำแหน่งและพยาธิสภาพเบื้องต้นของปอดได้ ถ้าข้อมูลหนักแน่นพอก็รักษาได้ หรือคิดวิธีการส่งตรวจแยกโรคให้เหมาะสมแม่นยำว่าจะส่งตรวจอะไร เพื่อจะแปลผล สนับสนุนหรือคัดค้านสิ่งที่คิดจากประวัติตรวจร่างกายว่าอะไร ทำให้การรักษาสมเหตุสมผล ไม่สิ้นเปลืองและไม่ด้อยกว่ามาตรฐาน รวมทั้งได้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไข้กับหมอด้วยครับ

25 สิงหาคม 2568

ทำไมกินเหล้า (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) แล้วฉี่บ่อย

 ทำไมกินเหล้า (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) แล้วฉี่บ่อย

โอเค น้ำที่เข้าไปเยอะ ก็ฉี่บ่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่นั่นคือผลของน้ำ (free water) ยังมีผลของแอลกอฮอล์ด้วย
แอลกอฮอล์สามารถซึมเข้าไปออกฤทธิ์ที่สมองได้ง่ายมาก (ถึงเมาไง) แอลกอฮอล์ยังไปทำงานโดยตรงที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส
ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH โดยชะลอความไวสารสื่อประสาท ฮอร์โมนเอดีเอชทำหน้าที่ดูดเก็บน้ำที่ท่อไต ไม่ให้เสียน้ำจากไตมากเกินไป คราวนี้เมื่อเอดีเอชไม่ออกมา จึงไม่ดูดเก็บน้ำ ปัสสาวะก็ออกมามาก
แถมแอลกอฮอล์ยังไปลดความไวต่อการรับรู้ความเข้มข้นของเลือด (osmoreceptor center) ที่สมอง ทำให้ไม่มีสัญญาณบอกว่าต้องดูดเก็บน้ำ ก็ยิ่งทำให้เอดีเอชไม่ออกมา ฉี่เยอะไปอีก
วิธีแก้ไขอาการฉี่บ่อยจากการดื่มแอลกอฮอล์ คือ อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สรุปว่า น้ำที่เยอะ ก็ขับเยอะ ฉี่บ่อย และแอลกอฮอล์ทำให้ฮอร์โมนดูดเก็บน้ำไม่ทำงาน (ไม่หลั่งจากสมอง) ก็ไม่ดูดเก็บน้ำ ฉี่ออกมาหมด
และฉี่ออกมาเยอะ ๆ ไม่ทำให้สร่างเมาเร็วขึ้นแต่อย่างใดครับ

24 สิงหาคม 2568

ทำไมหมอเอาแต่สั่งยา โรคหลายโรครักษาด้วยการปฏิบัติตัว

 ทำไมหมอเอาแต่สั่งยา โรคหลายโรครักษาด้วยการปฏิบัติตัว

ประเด็นที่ถกเถียงมาตลอด และแต่ละคนก็ทำในมุมมองตัวเอง มุมมองที่ไม่เคยพบกัน
สำหรับคุณหมอ ส่วนใหญ่เลยนะคือ ไม่มีเวลา อยากแนะนำเชิงลึกแหละนะ แต่คนไข้เยอะ ไม่สามารถทำได้ ทางแก้ที่ทำตอนนี้คือ มีทีมช่วย เช่น ทีมอบรมเบาหวาน ทีมแนะนำโรคหัวใจล้มเหลว ทีมเยี่ยมบ้าน ทีมเหล่านี้ส่วนมากมีทักษะการสื่อสารสูงกว่าหมอครับ
บางส่วนคือขาดความรู้ความสามารถ ต้องยอมรับว่าหมอก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง บางทีต้องให้ผู้รู้เขาช่วย เช่น ต้องการลดพลังงานลง 500 กิโลแคลอรี่ สัดส่วนโปรตีน 30 คาร์บ 50 ไขมัน 20 หมอส่วนใหญ่จะแปลเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติจริงไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม หรือปรึกษาเพิ่ม
ที่เหลือคือคิดว่าคนไข้เขารู้แล้ว ทำเป็น ใจน่ะรู้ว่าต้องปฏิบัติ แล้วคิดไปเองว่าคนไข้เขารู้ไปด้วย อันนี้ไม่ได้อย่างไรก็ต้องอธิบาย ต้องย้ำความสำคัญ ถ้าไม่มีเวลาหรือทำไม่ได้ ให้ส่งหาคนที่ทำได้ เพราะการอธิบายต้องลงถึงขั้นตอนด้วย ไม่ใช่บอกว่า ไปเลิกบุหรี่มา แต่ไม่ได้บอกคนไข้ทำ ‘อย่างไร’ แบบนี้ก็ไม่สำเร็จ
ภาพและสิ่งที่ปรากฏคือ
หมอ : วันนี้ดีหรือไม่ดีอย่างไร ปรับยาให้นะ เดี๋ยวเภสัชจะอธิบายอีกที สามเดือนมาเจาะเลือดอีกที
คนไข้ : หมอไม่เคยใส่ใจและอธิบายการปฏิบัติตัวเลย เอาแต่ให้ยา บริษัทยารวยเอา ๆ
สำหรับคนไข้ ส่วนใหญ่คือ งง หรือยังไม่พร้อมรับสาร ตื่นแต่เช้า กว่าจะมาถึง รอผลเลือด รอหมอนาน เข้าไปถึงหมอก็อธิบาย ซึ่งมีเรื่องการปฏิบัติตัวแหละ แต่ว่าจำไม่ได้ จับประเด็นไม่ได้ว่าคุณหมอเขาพูดไปแล้ว (ซึ่งพูดน้อยมาก) ปลายทางคือ ฮ่ะ ฮ่ะ หมอเอาแต่จ่ายยา
บางส่วน ย้ำ บางส่วนนะ ก็ไม่เชื่อหรือเชื่อแต่ไม่ทำตาม ต้องยอมรับว่าอิทธิพลของสื่อมีผลมากกว่าหมอ หมอเจอคนไข้ปีละสี่ห้าครั้ง ครั้งละห้านาที รวมแล้วไม่เกินปีละ 30 นาที แต่คนไข้อยู่กับสื่อทีวี สื่อออนไลน์ สื่อข้างบ้าน อยู่ทุกวันวันละมากกว่า 3-4 ชั่วโมง ยิ่งหมอสื่อไม่เข้าใจ เขาก็ยิ่งไปเข้าหาสื่ออื่น ที่มีทั้งสื่อที่ถูกและผิด
ก็จะออกมาว่า หมอที่รพ. เอาแต่ใช้ยา ลองฟังอาจารย์คนนั้น กูรูท่านนี้ จะดีกว่า สอนให้ดูแลตัวเอง ไม่ใช้ยา ฟังง่าย ทำง่าย (และขายอาหารเสริม) หมอที่ รพ. เอาแต่จ่ายยา ตับวายไตพังกันพอดี
ที่เหลือคือ หมอและทีมสอนนั่นแหละ แต่ฟังไปงั้น ๆ อยากรีบได้ยาและรีบกลับ ห่วงงาน ห่วงบ้าน กลัวไม่ทันรถ
ถ้าได้คนที่สื่อสารดี ๆ มาช่วยหรือมีการสอนทางไกลที่เชื่อถือได้ ไปในทางเดียวกันแบบโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ น่าจะปิดจุดบอดตรงนี้ได้
และส่วนตัวนะครับ ผมรู้ว่าคุณหมอส่วนใหญ่เรียนมาหมด เรื่อง non-pharmacologic หรือ non-surgical treatment ตำราทุกวิชาแพทย์ก็สอนเรื่องการปฏิบัติตัวเป็นหัวข้อแรกของเรื่องการรักษาเสมอ และทุกคนอยากสอนอย่างเต็มเวลาจนคนไข้เข้าใจ
คนไข้ทุกคนก็อยากฟัง อยากรู้วิธีการปฏิบัติตัวทั้งสิ้น แหม..ทำให้ตัวเองดีขึ้น ใครจะไม่อยากทำครับ
แต่ละท่าน แต่ละฝ่าย ลองเปิดใจยอมรับ ปรับปรุง ใช้เครื่องมือต่าง ๆ มาช่วย น่าจะปิดช่องว่างและยกระดับมาตรฐานสุขภาพคนไทยได้ดีขึ้นครับ
ดูเหมือนมองโลกสวยแต่ว่าโลกสวยได้จริง ถ้าเราช่วยกันทำ

22 สิงหาคม 2568

ชุดตรวจโปรตีนรั่วในปัสสาวะแบบง่าย

 เจอมากับตา เห็นมากับตัว : ผิดเป้า

คิดว่าพวกคุณคงได้เห็นสื่อต่าง ๆ ลงเรื่องชุดการตรวจไต โดยใช้ปัสสาวะตอนเช้า หยดบนแถบตรวจแบบตรวจโควิดเลย หลาย ๆ สื่อพูดว่า ตรวจด้วยตัวเองง่าย ๆ รู้เลยค่าไตเสื่อมไตวาย .. มา มาอ่าน
วันนี้เจอคนไข้มาตรวจโรค พอถามว่ามีโรคประจำตัวใด คนไข้บอกว่าไตเสื่อมเรื้อรัง พอถามต่อก็ได้ความว่า ไม่ได้ไปตรวจอย่างอื่นใด แม้แต่การตรวจเลือดประเมิน GFR แต่ซื้อชุดนี้มาตรวจ เมื่อมีผลบวกก็สรุปว่าตัวเอง ไตเสื่อม
นี่คือ อันตราย จากข้อมูลที่ไม่ครบ
ชุดตรวจโปรตีนรั่วในปัสสาวะแบบง่าย เรามีมานานแล้วนะครับ คือ แถบจุ่มตรวจ แต่มันต้องอาศัยทักษะการแปล เทียบสี หรือการตรวจโปรตีนต่อครีอะตีนินในปัสสาวะ อันนี้ก็ต้องทำในแล็บ ใช้เวลาแต่แม่นยำขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำเพื่อประเมินหรือคัดกรองคร่าว ๆ ถ้าสงสัยมากหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มต้องเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมงมาตรวจ อันนี้ยุ่งยากเลยหล่ะ
ทาง สวทช. ก็ได้คิดค้นวิธีนี้ เพื่อจะได้ “คัดกรอง” ย้ำนะ คัดกรองในคนที่เป็นโรคและมีความเสี่ยงไตเสื่อม โดยเฉพาะ เบาหวานและความดัน เพิ่มการเข้าถึง สะดวกทุกครัวเรือน ถ้าเจอผลบวกให้ไปพบแพทย์เพื่อยืนยันและหาสาเหตุนะครับ จะได้ตรวจผลแทรกซ้อนทางไตได้เร็ว เพราะถ้ารู้เร็ว เรามีวิธีชะลอความเสื่อมของไตได้ เพื่อลดการรักษาฟอกเลือดที่แสนแพงและไม่สะดวกเอาเสียเลย
แต่ไม่ใช่เจอปุ๊บ ตัดสินเลยว่าฉันไตวาย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เสี่ยงและร่างกายปกติ
ผลทดสอบทุกอย่าง มีความไวความจำเพาะ และมีโอกาสเกิดผลปลอมได้
บวกปลอม เช่น ตรวจหลังออกกำลังกาย, อยู่ในภาวะขาดน้ำ, ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ, มีโปรตีนอื่นปะปน โดยเฉพาะเม็ดเลือดแดงเราเอง
ลบปลอม เช่น เก็บปัสสาวะที่ไม่ใช่ปัสสาวะแรกตอนเช้า, ใช้ยาลดความดันบางชนิด
ดังนั้น ถ้าตรวจแล้วพบผลบวกให้ไปหาหมอ และถ้าเราอยู่ในกลุ่มคนที่ต้องใช้การตรวจนี้ติดตามแล้วให้ผลลบ ก็ต้องตรวจติดตามต่อเนื่อง หรือสงสัยว่าน่าจะเจอโปรตีนรั่วและใช้วิธีนี้ไม่เจอ ก็ไปตรวจวิธีอื่น
ที่สำคัญ เจอโปรตีนในปัสสาวะ ไม่เท่ากับไตวายไตเสื่อมนะครับ ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นด้วย สมัยก่อนก็ใช้ GFR อย่างเดียวตัดสิน ตอนนี้จะมาใช้โปรตีนรั่วอย่างเดียวมาตัดสิน ก็ใช่ที่ครับ

20 สิงหาคม 2568

IgA nephropathy

 IgA nephropathy

🔴 Nephropathy เป็นคำโดยรวมหมายถึงความผิดปกติอันเป็นโรคของไต แต่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงส่วนใดของไต อาจมีส่วนเดียวหรือหลายส่วน ส่วนของไตก็แบ่งเป็น หน่วยกรองเลือด (glomerulus) ท่อไตที่คอยดูดและขับสารต่าง (renal tubule) เนื้อไต (interstitium) หลอดเลือดที่ไต (renovascular) หรือท่อปัสสาวะส่วนที่ออกจากไต (renal calyx)
🔴 IgA nephropathy หมายถึงความผิดปกติของไตที่เกิดจาก IgA โดยจุดที่เกิดโรคคือส่วนการกรอง Glomerulus และเซลล์ข้าง ๆ ตัวกรองที่เรียกว่า mesengium ทำให้การกรองสิ่งต่าง ๆ บกพร่อง ทั้งรูกรองที่ผิดปกติ ประจุไฟฟ้าที่ใช้กรองผิดปกติ สิ่งที่พบในปัสสาวะคือโปรตีน (proteinuria) เม็ดเลือดแดงที่แทรกตัวออกมาได้จนรูปร่างบิดเบี้ยว (crescentic red cell)
การกรองที่เยอะขึ้นและโปรตีนที่รั่วออก อาจพบการทำงานของไตที่เสื่อมลง มีอาการบวม เมื่อการกรองผิดปกติ อัตราการไหลของเลือดเข้าตัวกรองผิดปกติ จะไปกระตุ้นระบบ renin-angiotensin-aldosterone ทำให้มีการดูดกลับของเกลือ มีอาการบวมได้ และความดันโลหิตสูงได้ จึงมาอธิบายอาการของโรคว่าจะพบ บวม ความดันสูง ตรวจพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ตรวจพบเม็ดเลือดแดงที่หลุดมาจากหน่วยกรองที่รูปร่างบิดเบี้ยว (เม็ดเลือดแดงจากเลือดออกจะรูปร่างปกติ)
🔴 IgA คืออะไรและมาจากไหน IgA คือ โปรตีนภูมิคุ้มกันแบบหนึ่งมักปรากฏบนเยื่อเมือกเวลาติดเชื้อเช่น ติดหวัด ติดโควิด แบคทีเรียระบบทางเดินหายใจ เซลล์ร่างกายจะสร้าง IgA มาต่อต้านเซลล์ต่าง ๆ เหล่านี้บนเยื่อเมือก ในคนที่เกิดโรคเขามีการสร้าง IgA ที่ผิดปกติ (เชื่อว่าเป็นพันธุกรรม) ที่กระบวนการ galactose-dependent glycosylation ช่างกันเถอะ เอาเป็นว่ามียีนที่ผิดปกติ ทำให้บางครั้งการสร้าง IgA1 ออกมาผิดปกติ จนร่างกายจำไม่ได้ว่าเป็นร่างกายฉันเอง คิดว่าคือศัตรู
🔴 แล้ว IgA1 ที่ผิดปกติมาก่อโรคที่ไตได้อย่างไร เมื่อมีการสร้าง IgA1 ที่ผิดปกติ ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันมาจัดการ IgA1 ที่ตอนนี้ร่างกายมองเป็นโปรตีนแปลกปลอมตัวหนึ่งไปแล้ว เมื่อสร้าง IgA1+ภูมิต่อ IgA1 ก็เลยเจ๊ากัน ไม่มีการทำงานบกพร่องและกลายเป็นก้อนขยะ (immune complex)รอทำลาย
คราวนี้บังเอิญว่าเจ้าก้อน immume complex มันขนาดใหญ่เพราะ IgA1 มันใหญ่ จึงไปจับสะสมที่หน่วยกรองและ mesengium ที่ไต ไม่เกาะอย่างเดียว มันควรหลุดไปใช่ไหม เมื่อไม่หลุดมาเกาะแบบนี้ ร่างกายก็ส่ง complement มาทำลาย ผลจากการทำลายนี่แหละ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นผิดปกติจนเกิดการรั่ว และเกิดเป็นอาการต่าง ๆ
🔴 แล้วเราจะตรวจยืนยันได้อย่างไร อาการของหน่วยกรองอักเสบ glomerulonephritis อาการจะคล้ายกันต่างที่ความรุนแรง การตรวจแยกโรคว่าอะไรมาทำให้หน่วยกรองอักเสบ เพื่อรักษาต้นเหตุจึงสำคัญมาก อาจพบอาการเฉพาะสำหรับบางโรค เช่น glomerulonephritis ร่วมกับมีอาการทางปอด ไอเป็นเลือด อันนี้จะนึกถึงโรคของเยื่อบุรองพื้น glomerulus ที่เรียกว่า Goodpasture’s syndrome
แต่ส่วนใหญ่ต้องตรวจเพิ่มเติม โดยการตรวจมาตรฐานคือการตัดชิ้นเนื้อที่ไต เพื่อเอาไปส่องกล้อง ไปย้อมสีว่าสารอะไรที่มาทำอันตราย เกาะตรงไหน จัดกลุ่มโรคและความรุนแรงอย่างไร แนวทางการรักษาปัจจุบันอ้างอิงมาจากผลการตรวจชิ้นเนื้อที่ไต โรค IgA nephropathy จะย้อมติด IgA กระจายทั่ว ๆ กันในหน่วยการกรองครับ มีแนวโน้มใช้ IgA1 ที่ผิดปกติมาช่วยวินิจฉัย แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ครับ
🔴 มีวิธีอื่นไหม ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่คุณหมอหลายท่านก็สามารถใช้ข้อมูลอื่น ๆ มาประกอบการวินิจฉัยรวมทั้งแยกโรคอื่นออกไป ด้วยความว่า IgA nephropathy มันพบบ่อยมากและยิ่งเป็นแถบเอเชียด้วยแล้ว พบบ่อยมาก หากใช้เหตุผลและวิจารณญาณทางคลินิกว่าน่าจะเป็นโรคนี้ อาจรักษาและติดตามไปก่อนได้ครับ
🔴 การรักษาทำอย่างไร โชคดีที่โรคนี้มักจะหายเองครับ ประมาณ 20-30% เท่านั้นที่ต้องรักษา หากมีความดันโลหิตสูงหรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะมากและนาน จะใช้ยาลดความดันกลุ่ม ACEI/ARB รักษาได้ โดยปรับยาและเฝ้าระวังไตเสื่อมเรื้อรัง แต่หากโปรตีนรั่วมากโดยเฉพาะมากกว่า 1 กรัมต่อวัน อาจจะใช้ยาสเตียรอยด์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ โดยต้องรับความเสี่ยงจากการใช้สเตียรอยด์ด้วย เพราะหลักฐานไม่หนักแน่น ส่วนยากดภูมิคุ้มกันมีรายงานการใช้บ้าง และยาที่เพิ่งได้รับการรับรองแต่ยังใช้น้อยคือ sparsentan
🔴 หลังจากดีขึ้นก็มีโอกาสเกิดซ้ำได้โดยเฉพาะเกิดพร้อมกับการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ที่เรียกว่า syn-pharyngitis nephritis และหากมีโปรตีนรั่วในระดับต่ำต่อเนื่องก็ต้องเฝ้าระวังการเกิดไตเสื่อมเรื้อรังตามมาตรฐานที่มีอยู่ครับ

บทความที่ได้รับความนิยม