27 พฤษภาคม 2567

วิธีการตรวจยืนยันการสูบบุหรี่

 คุณยังสูบบุหรี่อยู่ไหม … มีวิธีการตรวจยืนยันหรือเปล่า

เวลาอยู่ในคลินิกเลิกบุหรี่นั้น ปกติเราจะใช้ความเชื่อใจกันครับ ที่เรียกว่า (self-report) เพราะผู้ป่วยที่เข้ามาเลิกจะมีความตั้งใจจะเลิกอยู่แล้ว เขาจะบอกว่าเลิกขาด หรือลดลงเหลือเท่าไร ซึ่งจะตรงกับความเป็นจริงและไม่รู้ว่าเขาจะโกหกทำไม เนื่องจากเป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง
แล้วเราจะตรวจยืนยันทำไม … ปกติก็ไม่ทำครับ เว้นแต่ในงานวิจัยที่ต้องการความแน่นอนว่าเลิกบุหรี่จริง เพราะการทำ self report อาจมีการหลงลืมได้ ที่เรียกว่า recall bias (และเป็นปัจจัยสำคัญของความโน้มเอียงในการศึกษาวิจัยแบบรายงานตัวเอง) หรือต้องการตรวจสอบในคนที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเลิก หรือใช้ตรวจสอบในกรณีสงสัยควันบุหรี่มือสอง
แล้วมีอะไรบ้าง
1.ตรวจหาคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจ ถ้าเกิน 5 ppm (ค่าอาจต่างกันในแต่ละที่) ก็ถือว่ามีการสูบบุหรี่มาในช่วงไม่นานนี้ เพราะถ้าสูบมานานอาจไม่เจอ และอาจเจอบวกปลอมในกรณีต้องสัมผัสสารเผาไหม้อื่น ๆ เช่น ควันรถ ควันธูป เผาถ่าน เพราะมันไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับสารเผาไหม้ชนิดใด หรือไม่เจาะจงกับบุหรี่
2.ตรวจหาสารโคตินีน (cotinine) ในปัสสาวะ โคตินีนในปัสสาวะมาจากการเผาผลาญนิโคติน อาจเกิดจากบุหรี่เผาไหม้ บุหรี่ไฟฟ้า สารทดแทนนิโคติน แต่ส่วนมากที่พบเจอในปัสสาวะก็จากบุหรี่รูปแบบใดนี่แหละครับ สารทดแทนนิโคตินมันไม่ได้มีปริมาณสูงขนาดนั้น ค่าครึ่งชีวิตมันคือ 15 ชั่วโมง ดังนั้นอาจจะบอกได้เพียงประมาณ 5 วันเท่านั้น
ปกติหากไม่สูบ ค่าจะน้อยกว่า 5 ng/mL แต่ถ้าสูบบุหรี่ค่าจะอยู่ที่ 1000-8000 ng/mL เลยครับ
3.ตรวจหาสารอัลคาลอยด์อันเกิดมาจากการเผาผลาญนิโคติน ตรวจพบในปัสสาวะ (มีการตรวจในเลือดแต่ว่า แพงและไม่นิยมในทางปฏิบัติทั่วไป) จะมีการตรวจสารเคมีอยู่ 2 ชนิดคือ anabasine และ nornicotine
สาร anabasine จะพบจากนิโคตินจากยาสูบเท่านั้น ค่าปกติจะไม่เกิน 2.0 ng/mL ถ้าสูบบุหรี่จะตรวจพบได้ตั้งแต่ 10-500 ng/mL
สาร nornicotine พบได้จากนิโคตินทุกแบบ ดังนั้นหากตรวจพบสารนี้เพียงอย่างเดียว จะเกิดจากการใช้สารทดทแนนิโคติน ค่าปกติไม่เกิน 2.0 ng/mL ถ้าสูบบุหรี่ค่านี้จะเพิ่ม 30-900 ng/mL
ส่วนการตรวจหา nicotine ในปัสสาวะ จะมีโอกาสพบน้อยกว่าแม้ว่าจะสูบบุหรี่ เพราะมักจะเผาผลาญกลายเป็นสารต่าง ๆ ข้างต้นไปอย่างรวดเร็ว จึงอาจมีผลลบปลอมได้ ค่าปกติไม่เกิน 5 ng/mL
ในกรณีได้รับควันบุหรี่มือสอง เราจะพบ anabasine และ nornicotine ไม่เกินค่าปกติ ส่วนค่านิโคตินและโคตินีนในปัสสาวะ จะไม่เกิน 20 ng/mL ซึ่งค่าจะประมาณเท่ากับคนที่เลิกบุหรี่ทุกชนิดมาประมาณ 2 สัปดาห์
ในทางเวชปฏิบัติปรกติ ผมใช้วิธีถามผู้ป่วยครับ ถ้าคนไข้ตั้งใจเลิกและเชื่อใจเรา ก็เชื่อได้ (เคย validate กับการตรวจคาร์บอนมอนอกไซด์ในลมหายใจ ก็เชื่อได้นะครับ)
31 พค. วันงดสูบบุหรี่โลก

26 พฤษภาคม 2567

คำแนะนำการรักษาไขมันในเลือดสูงปี 2567 แบบฉบับที่เราทุกคนควรรู้

 คำแนะนำการรักษาไขมันในเลือดสูงปี 2567 แบบฉบับที่เราทุกคนควรรู้

สรุปสั้น ๆ จากแนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูงเดิมคือ การรักษาไขมันในเลือดจะคัดเลือกผู้ที่จำเป็นต้องกินยาตามความเสี่ยงการเกิดโรค ถ้าเสี่ยงมากพอจะใช้ยาไขมันเพื่อลดความเสี่ยง โดยใช้เลือกใช้ขนาดยาตามเกณฑ์ตัวเลข LDL ที่ต้องการจะลดลง และแนะนำให้กินไปตลอดถ้าไม่มีผลแทรกซ้อน
ความเป็นจริงแนวทางแบบนี้ออกมาเกิน 10 ปีแล้วในเรื่องรักษาตามความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา เอเชีย ออสเตรเลีย ในระยะแรก ๆ ก็ยังมีคนไม่เข้าใจและมีคนคัดค้าน เวลาผ่านมากกว่า 10 ปี การรักษาเริ่มไปในแนวทางนี้ และเราสามารถลดอัตราการตายและอัตราการเกิดโรคหัวใจได้มากมาย
ในปี 2567 นี้ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมแพทย์ต่าง ๆ ได้ทบทวนและออกแนวทางออกมาใหม่ คุณหมอและผู้สนใจสามารถสั่งซื้อฉบับเต็มได้ทางหน้าเว็บไซต์ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ในราคาพร้อมส่ง 180 บาท (ราคาสมาชิก) ผมสรุปเนื้อหาที่ประชาชนทั่วไปควรทราบ จะได้เข้าใจแนวทางของคุณหมอเขาไปในทางเดียวกันครับ
1.สำหรับบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีโรคหลอดเลือด หากต้องการตรวจเลือดเพื่อประเมินภาวะความเสี่ยงจากไขมันในเลือด แนะนำงดอาหาร 10 ชั่วโมงในการตรวจครั่งแรกเท่านั้น แล้วไปตรวจไขมันในเลือดทั้ง cholesterol, triglyceride, HDL, LDL นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต้องงดอาหาร (อีกสองกรณีที่ต้องงดอาหารก่อนตรวจคือ สงสัยไขมันสูงจากพันธุกรรมและหากค่า Triglyceride เกิน 400)
2.ถ้า LDL เกิน 190 mg/dL ให้เริ่มยาขนาดสูงได้เลย แต่ถ้ากรณี LDL < 190 ให้ใช้สูตรคำนวณ thai CV risk score ที่ดาวน์โหลดแอปได้ฟรี หากความเสี่ยงเกิน 10% แนะนำกินยา แต่ถ้าความเสี่ยงน้อยกว่า 10% ให้ไปหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอื่น ๆ ถ้ามีข้อบ่งชี้โรคหลอดเลือดจึงกินยา แต่ถ้าความเสี่ยงน้อยกว่า 10% ยังไม่ต้องกินยา
3.ไม่ว่าความเสี่ยงจะเป็นเท่าไร การควบคุมน้ำหนัก การลดอาหารไขมัน การลดไขมันอิ่มตัว และการออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ต้องทำเสมอและตลอดไป หากลดไขมันในอาหารได้แล้ว ต่อไปคือพยายามแทนไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเช่น น้ำมันพืช
4.สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่เป็นเบาหวาน แนะนำกินยาลดไขมันทุกราย ยกเว้นกรณีเป็นเบาหวานและอายุน้อยกว่า 40 ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น กรณีนี้เท่านั้นที่ไม่ต้องกินยา เว้นแต่คุมแล้ว ไขมัน LDL เกิน 100 ให้กินยา
สำหรับผู้ป่วยโรคไตเสื่อมที่ยังไม่เป็นโรคหลอดเลือด ไตเสื่อมระยะสามขึ้นไปที่อายุมากกว่า 50 ปี ก็แนะนำกินยา กรณีที่ไม่ใช้ยาคือ กรณีไตวายต้องฟอกเลือดและไม่เคยได้ยามาก่อนเลย
5.คนที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบ อันนี้ต้องกินยาเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำไปตลอด ปรับยาให้ได้เป้า LDL ที่ไม่เกิน 70 หรือหากเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันจะดึง LDL ลงถึง 55 โดยไม่ให้เกิดอันตรายจากการให้ยา ส่วนมากจะต้องได้ยาขนาดสูงหรือยาหลายชนิด
6.ยาไขมันหลักที่ใช้ลดความเสี่ยง คือ ยากลุ่ม statin จะปรับยาจนได้ระดับ LDL ที่ต้องการและใช้ยาขนาดนั้นไปตลอดหากไม่มีผลข้างเคียงหรือต้องปรับยาจากภาวะใด
หากปรับยาแล้วแต่ยังไม่ได้เป้า จะเพิ่มยาตัวที่สองคือ ezetimibe และหากยังไม่ได้เป้าอีก จะเพิ่มยาตัวที่สามคือยาฉีด PCSK9i ส่วนยาอื่น ๆ จะเป็นกรณีพิเศษแล้วแต่คุณหมอจะพิจารณา
7.ยากลุ่มอื่น ไม่ว่าจะเป็น fibrate, niacin, cholestyramine จะใช้ในกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ยาหลักในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ยกเว้นบางกรณีเฉพาะเท่านั้น คือ น้ำมันปลาโอเมก้าสามชนิด pure EPA ในขนาดสูง 4 กรัมต่อวัน ในกรณีเป็นเบาหวานและใช้ยา statin แล้วแต่ยังมีค่า triglyceride สูง
8.ยา statin ขนาดสูงคือ atorvastatin 40-80 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ rosuvastatin 20 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วน statin ขนาดปานกลางคือ simvastatin 20-40, atorvastatin 10-20, rosuvastatin 5-10, pitavastatin 1-4 นอกเหนือจากนี้เป็น statin ในขนาดต่ำ
9. ยาที่เราใช้มากสุดคือคือ simvastatin ต้องระมัดระวังกับการใช้ยาต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องปรึกษาเภสัชหรือปรับขนาดยาเสมอ
ยา diltiazem, verapramil, amlodipine, amiodarone, ranalazine, gemfibrozil, ยาต้านไวรัส protease inhibitor, ยาฆ่าเชื้อรา azole …. ระวังผลข้างเคียงจาก simvastatin
10. ปกติจะมีการตรวจติดตามค่าไขมัน (ไม่ต้องงดอาหาร) ทุก 3-12 เดือนเพื่อตรวจสอบขนาดยา ความสม่ำเสมอการกินยา แต่ถ้าได้ขนาดการรักษามักจะไม่ลดขนาดยา ยกเว้นมีผลข้างเคียง
ซึ่งผลข้างเคียงสำคัญที่ต้องหยุดยาคือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อร่วมกับค่า creatine phosphate kinase เกิน 10 เท่าของค่าปกติ ซึ่งต้องไปใช้ยาอื่น กรณีนอกเหนือจากนี้ควรหาเหตุก่อนว่าเกิดจากยา statin จริงหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า เราให้ยาเพราะคนไข้ได้ประโยชน์จากยาแน่ การจะหยุดยาหรือปรับยาโดยไม่จำเป็นจะต้องคิดถึงประโยชน์ที่หายไปเสมอ
น่าจะครบถ้วนและเข้าใจง่าย สำหรับประชาชนทั่วไป ในกรณีที่ข้อสงสัยผมแนะนำปรึกษาคุณหมอที่ให้ยา จนหมดข้อสงสัยก่อนการกินยา อย่าให้ค้างคาใจว่าเราจำเป็นหรือไม่ อย่าให้ค้างคาใจว่ากินยาไปเพื่ออะไร
ปล. คำแนะนำ คือ คำแนะนำจากผลการวิจัยเชิงประจักษ์ที่น่าเชื่อถือ
ส่วนการตัดสินใจใช้ยาและติดตามผล คือ ศิลปะการเลือกยาให้เหมาะสมให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละคนครับ

20 พฤษภาคม 2567

เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ

 เห็ดเผาะ หรือ เห็ดถอบ

ปริมาณหนึ่งขีด 100 กรัม ได้พลังงาน 48 กิโลแคลอรี่ สารอาหารที่มีมากคือเส้นใย จัดไป 8 กรัม ความต้องการของร่างกายคือ 15-30 กรัม เรียกว่ากินครึ่งโล เส้นใยก็ล้นแล้ว ที่มีเยอะอีกอย่างคือโปรตีน จำนวน 2 กรัม คิดต่อน้ำหนักแล้วเยอะมากนะ แต่อย่าลืมว่าเป็นโปรตีนจากพืชจำพวกรา มันจะไม่ครบถ้วน ต้องกินหลากหลาย เพิ่มปลาย่าง เพิ่มถั่ว..จะนัว
และที่ต้องเติมสารอาหารอื่น เพราะกินเห็ดเผาะมากจะยากจน แพ้งแพง
เอามานึ่งหรือเอามาทำแกง ใส่ส้มมะขาม ใบผักหวาน เติมพริกปรุงรส รสชาติออกเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ ตัดกับรสเห็ด เอาเข้าปากกัดดังเผาะ อึ้ม .. แซ่บขนาด

การใช้ยา bisoprolol ในผู้ป่วย COPD

 ไม่เห็นการศึกษาแบบนี้มานานมากแล้วนะครับ

อันนี้นำเสนอในงานสมาคมแพทย์โรคทรวงอกอเมริกา 2024 ลงอ่านฟรีใน JAMA
เป็นการศึกษาในผู้ป่วย COPD กลุ่ม E คือเพิ่งผ่านการกำเริบ และต้องใช้สเตียรอยด์รักษา จำนวน 515 คน เปรียบเทียบกลุ่มที่ได้ยา bisoprolol และยาหลอก ติดตามไปหนึ่งปี พบว่าอัตราการเกิดโรคกำเริบไม่ต่างกัน หมายความว่า จะใช้ bisoprolol ได้นะ
คือเวลารักษาหลอดลมตีบ เราจะใช้ยาเพื่อขยายหลอดลม เรียกยากระตุ้นเบต้าสอง ส่วนยา bisoprolol มันจะไปยับยั้งเบต้าหนึ่ง ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ แม้มันจะยับยั้งเบต้าหนึ่งเป็นหลัก แต่ก็มีบางส่วนข้ามไปเบต้าสองได้ ก็เลยวัดเลยว่า ถ้าใช้แล้วเบต้าสองมันจะถูกยับยั้งจนอาการกำเริบไหม
ผลออกมาก็ตามนั้น ไม่ไปยับยั้ง ดูตรงไปตรงมา ในอดีตก็เคยมีการศึกษาแบบเก็บข้อมูล ไม่ได้ทดลอง ผลก็ออกมาแบบนี้
แต่นี่..ทดลองเลย และที่บอกว่าไม่ค่อยเห็นคือ
ผู้ที่ได้รับยา bisoprolol คือผู้ที่ "ไม่มีข้อบ่งชี้" ใด ๆ ในการให้ยาเลย ไปดูข้อมูลความดันก็ไม่สูง โรคหัวใจในแต่ละกลุ่มมีเพียง 4% เท่านั้น
ถึวแม้ว่าผลข้างเคียงของยา bisoprolol จะไม่ได้มากกว่ายาหลอก
แต่อ่านไปก็ลุ้นว่า คณะกรรมการจริยธรรมจะยุติการศึกษาหรือไม่ พบว่าไม่
ไม่เห็นการศึกษาแบบตรง ๆ แบบนี้ ให้ยาโดยไม่มีข้อบ่งชี้มานานแล้ว มันได้คำตอบที่ตรงประเด็น ชัดเจน แต่ดูสุ่มเสี่ยงจริยธรรมการวิจัยมากทีเดียว
JAMA. Published online May 19, 2024. doi:10.1001/jama.2024.8771

19 พฤษภาคม 2567

แพทย์ไทยพันธุ์ X …marvel neo doctor

 แพทย์ไทยพันธุ์ X …marvel neo doctor

ผมได้ยินเรื่องราวของการเรียนการสอนแพทย์แบบใหม่มาพอสมควร สองวันนี้ได้ฟังพอดแคสต์ ช่อง sirirajPR ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และได้ฟังเรื่องราวของการเรียนการสอนรวมทั้งผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาแบบใหม่ หลักสูตรแบบใหม่นี้
หลักสูตรการเรียนการสอนแพทยศาสตร์ก็ยังเข้มข้นหนักหน่วงเหมือนเดิม แต่ทางคณะ ฯ ได้มีการพัฒนารูปแบบต่าง ๆ ในเข้ากับโลกยุคใหม่ ที่มีความต้องการแบบใหม่ ๆ ทักษะที่เพิ่มขึ้น บูรณาการที่มากขึ้น ทำให้น้อง ๆ ที่จบออกมามีศักยภาพสูงตรงกับความต้องการของโลกยุคศตวรรษที่ 21
มีหลักสูตรสองปริญญา เพราะความก้าวหน้าทางการแพทย์จำเป็นต้องอาศัยความรู้สาขาอื่นด้วย และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางการแพทย์ก็ต้องใช้คุณหมอมาเป็นแกนหลัก จึงได้มีหลักสูตรควบเรียนพร้อมกัน แต่อาจจะใช้เวลาเรียนมากขึ้นหนึ่งปี ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นในสาขาวิชาที่เรียนร่วมกันคือ วิศวกรรมศาสตร์, สาธารณสุขศาสตร์ (คงเป็นหลักสูตรเฉพาะ ไม่ได้เรียนเต็มรูป) เรียกว่าจบออกมาก็มีความรู้พร้อมในการพัฒนาไปข้างหน้าเลย ทั้งแบบปริญญาตรีและปริญญาโท
ไปพัฒนางานสาธารณสุขระดับมหภาค ออกแบบการรักษาระดับประชาชน ควบคุมการระบาด ออกแบบโปรแกรมหรืออุปกรณ์ในการแพทย์ ควบคุมออกแบบระบบการรักษา…แค่คิดก็สนุกแล้ว อยากย้อนเวลาจังเลย
ยังมีหลักสูตรอื่น ๆ ที่น้องนักศึกษาสามารถเรียนอย่างอื่นคู่ไปกับการเรียนแพทย์ แบบรับประกาศนียบัตรหรือแบบไม่รับ เพื่อพัฒนาทักษะ ความเฉียบคมทางความคิด ให้ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรียนเรื่อง data เรียน coding เรียน management เรียนสถิติและการวิจัย เรียนดิจิตอลมีเดีย
และยังเปิดหลักสูตรให้บุคลากรอื่น และบุคลทั่วไป เข้ามาเรียนหลักสูตรด้วย เช่น การปฐมพยาบาล การกู้ชีวิต
หลักสูตรยังสนับสนุนให้นักเรียนสามารถไปดูงานและศึกษา ในสาขาวิชาอื่นนอกคณะ ฯ หรือนอกมหาวิทยาลัย หรือ นอกประเทศ เพื่อได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพัฒนาชีวิต พัฒนาหน่วยงาน พัฒนาประเทศต่อไป
เรียกว่าน้อง ๆ หมอยุคนี้ได้พัฒนาทุกอย่างแบบที่โลกปัจจุบันควรมี แถมได้เรียนรู้ในวันที่พลังเปี่ยม มีการสนับสนุนจากคณะแพทย์ และบรรดาคณาจารย์สายพันธุ์เอไอเช่นกัน
ตอนนี้ผมก็เห็นผลงานทางวิชาการ ผลงานสื่อการสอน ผลงานสื่อทางโซเชียล ที่ทันสมัย เข้าใจคนดู สื่อสารได้แม่นยำฉับไว
เห็นน้อง ๆ บุคลากรคุณภาพ ปรับปรุงแก้ไขสิ่งเก่า พัฒนาโลกใหม่ไปในทางที่ดีมาก เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ มีมาตรฐานโลกไปแล้ว
ดีใจแทนคนไข้
ดีใจแทนคนที่จะมาเรียน
ดีใจแทนสังคม
ดีใจแทนมนุษยชาติ
และหมอรุ่นเก่าอย่างผม คงใกล้หมดสมัย และถึงเวลาวางมือเสียที

เรื่องเล่าจากคลินิก : ผลเสียร้ายแรงจากการใช้ยา

 เรื่องเล่าจากคลินิก : ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก แต่ต้องปรับกันทุกคน

มีผู้ป่วยรายหนึ่งเข้ามาปรึกษาแนะนำเรื่องอาการป่วย เป็นสุภาพบุรุษอายุ 50 ปี ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ประมาณสองสัปดาห์ก่อน ตอนนั้นสลบ ตรวจพบเลือดออกในสมองบริเวณไม่ใหญ่นักที่สองด้านซ้ายและในเยื่อหุ้มสมอง ติดตามอาการดูแล้วไม่ต้องผ่าตัด แต่ยังมีอาการอ่อนแรงและเบลอ จึงเจ้ามาขอรับคำแนะนำ
ดูเรื่องราวก็ไม่ได้แปลกแต่อย่างใด แต่เรามาฟังประวัติกันต่อไปนะครับ
ผู้ป่วยรายนี้เคยเข้ามารับการปรึกษาที่คลินิกผมแล้วหนึ่งครั้งเมื่อประมาณสิบเดือนก่อน เนื่องจากมีอาการเบลอ ๆ เพลีย ๆ นี้เช่นกัน ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคทางอารมณ์ (ทางจิตเวช) ได้รับยาต้านซึมเศร้า ยารักษาโรคจิตเภท และยากันชัก พร้อม ๆ กันหลายขนานและปริมาณสูง สอบถามว่าได้รับยาขนาดเดิมนี้ต่อเนื่องกันมาหกเดือนแล้ว
หมอชราหน้าหนุ่ม : ผมก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการปรับยาจิตเวชนะครับ แต่คิดว่าหากเริ่มมีผลจากยา คือเริ่มมีอาการเบลอ คิดอ่านช้า ตอบสนองช้า ก็ต้องมาปรับยา ชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียจากยา ผมจะออกจดหมายเพื่อให้คุณไปปรับยากับคุณหมอท่านเดิมนะครับ โดยบอกเล่าอาการที่ผมคิดว่าอาจเป็นผลข้างเคียงจากยาให้คุณไปปรับยา
คนไข้ : ครับ ถ้ามีเวลาจะไปปรับยา
สำหรับผมคิดว่าการปรับยาและการ trade-off ผลการรักษากับผลข้างเคียงของยาคือปัจจัยสำคัญ เรารู้กันทุกคนว่า ยารักษาทางจิตเวชจะส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ การรับรู้ หรือพูดง่าย ๆ คือ การทำงานของสมองส่วนที่ยังดีอยู่ก็กระทบเช่นกัน
และผู้ป่วยรายนี้เป็นกำลังหลักของครอบครัว เป็นคนเดียวในบ้านที่สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ดี และจำเป็นต้องขับขี่เพื่อการดำรงชีวิต นั่นคือ อาจเกิดผลข้างเคียงจนอันตรายหากได้รับการที่ทำให้ซึมและเบลอ … แต่คุณจะทำอย่างไรล่ะ มันก็สำคัญไม่แพ้โรคทางอารมณ์ที่เป็นอยู่
ประมาณหกเดือนก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่อาการไม่รุนแรงแค่ฟกช้ำ มีแผลเล็กน้อย เข้ามาทำแผลที่คลินิก ตอนนั้นผู้ป่วยนำจดหมายไปยื่นกับทางหน่วยงานที่รักษาที่เดิม ผู้ป่วยได้รับยาเดิม ปริมาณและขนาดเดิม ทางหน่วยงานเดิมแจ้งว่า ตอนนี้ควบคุมอาการได้ดีอยากให้ใช้ยาขนาดนี้ไปก่อน และบอกผู้ป่วยว่า อย่าขับรถ เพราะตัวยาทำให้ซึม
แต่ปากท้องก็สำคัญ ผู้ป่วยก็อยากหายจากอาการที่เป็น ยังไม่มีงานใหม่ที่ปลอดภัยกว่านี้ และค่าใช้จ่ายก็ยังต้องมีต่อไป ดอกเบี้ยเงินกู้ที่กู้มาลงทุนยังเดินหน้าไม่หยุดยั้ง แม้จะเจ็บจากอุบัติเหตุก็ต้องทำงานต่อไป
กลับมาที่วันนี้ ผู้ป่วยนำยามาให้ดู นอกเหนือจากยาที่ใช้หลังประสบอุบัติเหตุ ยาทางจิตเวชเดิมยังเป็นขนาดเดิม และญาติคนไข้เล่าให้ฟังว่า เขาพยายามเต็มที่ แต่ก็ยังตัดสินใจและเฉียบคมไม่มากนัก อุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้ต้องพักฟื้นเกือบสองสัปดาห์ เขาอยากให้ผมเขียนจดหมายส่งตัวเพื่อไปปรับยาให้อีกครั้ง
… มันจุกอกเหมือนกัน
คุณหมอและทีมก็อยากรักษาให้สภาพโรคดีขึ้น เพื่อกลับสู่ชีวิตประจำวัน
คนไข้ก็อยากรักษาเพื่อไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้เลย
เคยมีคำกล่าวว่า ในการรักษาโรคใด นอกว่าหมอและผู้ป่วยจะต้องรักษาโรคที่เกิด ยังจะต้องรักษาโรคที่เกิดจากการรักษาอีกด้วย ถ้าระบบการรักษาเราดีกว่านี้ เวลาและบุคลากรเรามากกว่านี้ ดีกว่านี้
เราคงได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการรักษากับชีวิตประจำวันของเขา
เราคงได้ปรับการรักษาโดยรักษาที่ตัวคนมากกว่าตัวโรค
เราคงได้อาชีพที่ปลอดภัยกับแต่ละคน โดยไม่ยากเกินไป
เราคงมีบุคลากรทางการแพทย์หลายคนมาช่วยให้ความเห็น
เราคงได้มีบุคลากรทางการแพทย์ครบและมากกว่านี้ในการรักษา
เราคงได้ "คุณภาพชีวิต" มากกว่า "อัตราการรักษาโรคหาย" หรือ "การเข้าถึงการรักษาของประชากร"

12 พฤษภาคม 2567

คำแนะนำการคัดกรองมะเร็งเต้านม จาก USPSTF 2024

 คำแนะนำการคัดกรองมะเร็งเต้านม จาก USPSTF

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา USPSTF ได้ประกาศคำแนะนำการคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม สำหรับสุภาพสตรีทั่วไป (เรียกว่าความเสี่ยงเท่าค่าเฉลี่ยทั่วไป) ให้คัดกรองด้วยวิธีแมมโมแกรม ปีเว้นปี (ทุกสองปี) เริ่มต้นอายุ 40 ปี สิ้นสุดที่อายุ 75 ปี
ขยับลดลงจากเดิมที่แนะนำตั้งแต่ 50 ปี เพราะพบอุบัติการณ์โรคในคนอายุ 40-49 ปี ที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีที่ไวและราคาถูกลง การรักษาที่มุ่งเป้า แม่นยำเพิ่มขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น การตรวจจับและรักษาตั้งแต่ต้น ตอนอายุน้อยจึงลดอัตราการเสียชีวิตได้ดี การคัดกรองมันจึงมีค่า
แมมโมแกรมปัจจุบันเป็น digital mammogram คือใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมมาช่วยตรวจจับ ร่วมกับการพิจารณาของรังสีแพทย์ ทำให้แม่นยำมาก
ส่วนคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปี อาจเลือกคัดกรองตามความเสี่ยงบุคคล เช่น มีประวัติครอบครัวโรคมะเร็งเต้านม ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ของมะเร็ง
ส่วนคนอายุมากกว่า 75 ปี อาจเลือกคัดกรองได้ถ้าประเมินแล้วว่า โอกาสชีวิตยืนยาวแบบสุขภาพดียังมียาวนานพอ และมีวิธีที่ดีในการจัดการมะเร็ง อันนี้ตกลงระหว่างหมอกับคนไข้
วิธีอื่นเช่น อัลตร้าซาวนด์หรือเอ็มอาร์ไอ เป็นทางเลือกในการ 'คัดกรอง' เพราะข้อมูลการคัดกรองไม่ชัด หรือใช้ในบางกรณีเช่นเอาไว้ยืนยันโรค หรือในกรณีเต้านมยังแน่นด้วยเนื้อมากกว่าไขมัน
เสียงจากคนไข้บอกมาว่า ก็ไม่ได้บีบเจ็บอย่างที่คิดครับ

11 พฤษภาคม 2567

การขาดแคลนยาอดบุหรี่

 แอบบ่น

หลังจากได้ข่าวจากผู้จำหน่ายยาอดบุหรี่ ว่า จะไม่ทำตลาดและไม่นำเข้ามา ในฐานะทึ่คลุกคลี และทำเลิกบุหรี่มาหลายปี ขอบ่นนิดนึง
จริงอยู่ว่า การเลิกบุหรี่นั้น กว่า 80% คือใจที่แข็งกล้า และการปรับแนวคิดพฤติกรรม แต่ว่าสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบต่าง ๆ ในประเทศเรา ไม่ได้เอื้ออำนวยมากนัก
การเลือกใช้ยาและสารทดแทนนิโคติน จึงเป็นเสาค้ำยันที่สำคัญ สำหรับคนที่เขาอยากเลิก หรือพยายามแล้วแต่ล้มเหลว การใช้ยาช่วยมันสำคัญมาก ทั้งกลไกของยาเอง และอุบายช่วยให้เลิก
มีระยะหนึ่งที่แผ่นแปะนิโคตินหายไปจากตลาด ตอนนี้เริ่มกลับมา
ต่อมายาอดบุหรี่ varenicline ก็หยุดจำหน่ายชั่วคราวเพราะต้องพิสูจน์ตัวเองเรื่องสารก่อมะเร็ง แต่พอพิสูจน์ผ่านก็ยังไม่เข้ามาจำหน่าย คำตอบที่ว่ากำลังจัดการ ให้รอฟังข่าวการกลับมาจำหน่าย ยังคงทำให้เรารอยาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดต่อไป
ใช้ bupropion SR มาต่อเนื่อง จนล่าสุด ก็ข่าวว่าจะยกเลิก ทำให้อาวุธในมือหมดไปอีก
ยาอม L-cysteine ก็หายไป
ตัวยา cytisine, cystinicline ที่มีการศึกษาออกมาทั้งเลิกบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้า มีข่าวว่าจะเข้าบัญชียา แต่ตอนนี้ก็เงียบอยู่
เหลือแต่ nicotine replacement, คำแนะนำ, ใจสู้ของคนไข้ และ แรงใจที่รวยรินของคนทำเลิกบุหรี่
ไม่รู้อนาคตจะเป็นไปทางใด และต้องรับมือกับการถาโถมเข้ามาของผลิตภัณฑ์นิโคตินสารพัดแบบ
ใครยังไม่สูบ ยังไม่ติด..อย่าสูบ และเลิกเสีย
ใครคิดจะเลิก...เข้าคลินิก เลิกเลย ตอนที่ตัวช่วยยังพอมี
คนทำเลิกบุหรี่ .. คงต้องเน้น cognitive behavioral therapy + อุบายอื่น ๆ ต่อไป
เห็นหมอกแล้วเริ่มไม่อยากเดิน

08 พฤษภาคม 2567

เชิญชวนทุกท่านเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี 2567

 เชิญชวนทุกท่านเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี 2567

แนะนำฉีดช่วงก่อนเข้าฤดูระบาด ประเทศไทยระบาดในช่วงเดือน มิถุนายนถึงกันยายน ตรงกับการระบาดช่วงซีกโลกใต้ เราสามารถใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ของซีกโลกใต้ที่นำมาใช้ช่วงนี้ได้เลย
ใครที่ควรฉีด … ทุกคนควรฉีด ถ้าไม่มีข้อห้าม (แพ้วัคซีน, รับยากดภูมิรุนแรงมาก ๆ) โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยงนี้ที่หากเป็นโรคแล้วจะรุนแรง ทาง สปสช.จึงมีวัคซีนให้ฟรี ติดต่อได้ที่ รพ.รัฐ หรือ รพ.สต. ใกล้บ้านตั้งแต่วันนี้ คือ
1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการฉีดตลอดทั้งปี)
2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน
3.ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
4.บุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป
5.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ โรคอ้วน (น้ำหนัก>100 กิโลกรัม หรือ BMI>35 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร)
6.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
แล้วคนที่ไม่เสี่ยงต้องฉีดไหม … ควรฉีดครับ สิ่งที่ได้คือ หากเป็นไข้หวัดใหญ่จะลดความรุนแรงลงมาก ไม่ต้องนอน รพ. ลดการเกิดภาวะวิกฤต ไม่ว่าจะนอกหรือในฤดูระบาด อีกประการคือ ลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้ด้วย (ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เสี่ยงมาก และมีการศึกษาเอกฉันท์แล้วว่าเมื่อรับวัคซีนแล้ว การเกิดโรคหัวใจลดลง)
ข้อสำคัญอีกอย่างคือ ถ้าคุณต้องอยู่ร่วมหรือดูแลคนกลุ่มเสี่ยง คุณก็ควรฉีดเพื่อลดโอกาสส่งเชื้อไปคนข้างเคียงนั้นด้วย
สิ่งที่ผมพูดเสมอคือ คุณเก็บเงินเดือนละ 50-60 บาท ปีหนึ่ง 500-720 บาท พอค่าวัคซีนแน่นอน และคุ้มค่าครับ ทางรัฐบาลไม่มีงบประมาณมาฉีดฟรีทุกคน ถ้าเราไม่มีสิทธินั้น เราสร้างภูมิคุ้มกันเองได้ ไปฉีดที่ รพ.เอกชน คลินิกเอกชนได้ทั่วประเทศ ตอนนี้เป็นวัคซีนปี2567 หมดแล้ว
อีกตัวเลือกสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี คือวัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดสูง (0.7 ml) เพิ่มระดับภูมิได้ดีกว่าเล็กน้อย และอยู่ยาวนาน ผู้สูงวัยแล้วการสร้างภูมิอาจไม่สมบูรณ์นัก แต่ราคาสูงกว่าขนาดปรกติสามเท่าตัว เลือกแบบเดิมหรือแบบขนาดสูงนี้ก็ได้ แล้วแต่ความพึงพอใจและเงินในกระเป๋า
ฉีดแล้วมีไข้ต่ำ ๆ ได้ ปวดแขนได้ ผื่นแดงได้ แต่จะไม่รุนแรง หายเอง หรือใช้ยาพาราเซตามอลก็ได้ ผลข้างเคียงรุนแรงมีไหม ตอบว่ามีรายงานและพบในการศึกษา แต่น้อยมาก ๆ เลยนะครับ อาจจะน้อยกว่าวัคซีนโควิดเสียอีกถ้าเทียบสัดส่วนจำนวนฉีดที่เท่ากัน แต่ปริมาณการฉีดไข้หวัดใหญ่มันเยอะกว่า เทียบแล้วประโยชน์ยังมากกว่าอันตราย
ฝากให้พิจารณาด้วยครับ

07 พฤษภาคม 2567

ธี่หยด

 ธี่หยด

ได้ยินร่ำลือว่าสนุกมาก จึงไปหามาอ่าน ไม่ได้ดูหนังนะครับ เบื่อพระเอกเพราะเห็นในกระจกทุกวัน
อ่านสองเล่มจบในสามวัน ต่อเนื่องดี ถามผมว่ามัน Horror ไหม ส่วนตัวผมว่าไม่น่ากลัว ไม่สยอง อาจเป็นเพราะฉากเป็นฉากที่ไม่คุ้นชิน และผีก็ออกมาเผชิญหน้าตรง ๆ
แต่น่าจะไปทาง thriller คือ ระทึกขวัญเสียมากกว่า เดินเรื่องได้ต่อเนื่อง น่าติดตาม ประเภทเดียวกับแดน บราวน์ หรือ ปราบต์ เลย
ทิ้งปริศนาท้ายตอนให้ต้องพลิกอ่านต่อโดยพลัน เดินเรื่องรวดเร็ว มีบางฉากต้องกลั้นใจลุ้นตาม
ต้องยอมรับว่าผู้แต่งใช้ภาษาได้สละสลวย ภาษาเป็นยุคสมัยเดียว ไม่กระโดด ภาษาง่าย แต่ดึงดูด
ฉากครอบครัวบรรยายได้ดี อีกเรื่องทึ่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเรื่องผี คือบรรยายชีวิตในครอบครัวได้ดีมาก อารมณ์พี่น้อง อารมณ์สามัคคี อารมณ์ทะเลาะ อันนี้บรรยายได้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์
จะมีบ้างคือ คำบรรยายฉาก มองตามไม่เห็นภาพสักเท่าไร แต่ก็เขาไม่ได้เน้นจุดนี้ล่ะนะ
โอเคไหม..ก็อ่านได้ ถ้าไม่มีคิวอ่านเรื่องอื่น เพลินและจบได้เร็ว
ผมซื้ออีบุ๊กผ่าน MEB (มีแสตมป์ลดเยอะ) ใครอยากซื้อเล่มก็มีทุกร้าน แนะนำซื้อสองเล่มพร้อมกัน ไม่งั้นจะหงุดหงิดเวลาจบเล่มแรกแล้ว

Painpoint งานวิจัย

 painpoint กับ ยาสมรรถภาพทางเพศ


รายงานการศึกษายา MED 3000 จากการประชุมแพทย์โรคระบบทางเดินปัสสาวะอเมริกา สรุปดังนี้


ผลการศึกษายา Eroxon ในกลุ่มชายที่ด้อยสมรรถภาพทางเพศ 250 คน ระหว่างกลุ่มใช้ eroxon ตลอด กับใช้ eroxon บ้างหรือ tadalafil บ้าง วัดผลที่ครึ่งปี


เด้งดึ๋งภายใน 10 นาทีหลังใช้ยา : กลุ่มใช้ eroxon อย่างเดียวทำได้มากกว่า 60% เทียบกับ 45%


ผลข้างเคียง eroxon เจอได้ 2% ส่วนอีกกลุ่มพบ 4% สำหรับผลข้างเคียงสำคัญคือปวดหัว กลุ่ม eroxon พบ 3% เทียบอีกกลุ่ม 19% 


eroxon น่าจะดีกว่า เนื่องจากยาใหม่นี้เป็นยาทา มันต่างจากยากิน ไอ้เจ้าวิธีใช้ที่ต่างกันก็ส่งผลต่อผลลัพธ์การศึกษาที่ต่างกัน แต่นี่คือจุดปิด painpoint อันหนึ่งเลย 


  1. eroxon มันเป็นครีมทาหัวเสียม แน่นอนผลข้างเคียงต่อหลอดเลือดย่อมน้อยกว่า ปวดหัว ความดันต่ำ น้อยกว่า

  2. eroxon ใช้เวลาทำงานน้อยกว่า ทาถูทาถู ประมาณ 10 นาที เสียมพร้อมใช้งาน ยากินเดิมต้อง 1-2 ชั่วโมง 

  3. ทางบริษัทพยายามผลักดันให้เป็น OTC คือ ซื้อได้โดยไม่มีใบสั่งยา เพราะว่า บรรดาชายเสื่อม ไม่ค่อยอยากไปหาหมอ

  4. ราคาไม่แพง ประมาณ 4 หลอดต่อกล่อง ราคา 1120 บาท (ใช้แล้วทิ้งหลอดละครั้ง) 

  5. เมื่อผลข้างเคียงน้อย ซื้อง่าย ใช้คล่อง น่าจะลดปัญหาชายเสื่อมลงได้เยอะ

  6. อันนี้ผู้ผลิตเขาแนะนำ บอกว่า เพราะมันใช้การทาถูนวดคลึงที่หัวเสียมเท่านั้น (ทาด้ามจะเปลือง) ถ้าให้คู่ของคุณ ทาถูให้ มันจะดีนะ  ยากินมันต้องกินเองไงท่าน มันไม่เร้า


เออแฮะ อ่านระเบียบวิธีวิจัย งานวิจัย กลไกยา มันก็เฉย ๆ พอมาอ่านแนวคิด เขาไอเดียดีนะ เวลาไปฟังงานประชุม ชอบฟังว่าทำไมจึงคิดแบบนี้ painpoint คืออะไร แล้วจะแก้อย่างไร


04 พฤษภาคม 2567

super gonorrhea

 ข่าวไม่ค่อยดีเลย กับ super gonorrhea

วารสาร JAMA รายงานข่าวเรื่องการดื้อยาเชื้อหนองในที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในอดีต หนองใน เราใช้ยา ceftriaxone ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียว แต่ต้องปรับขนาดจาก 125-250-500 มิลลิกรัมมาเรื่อย ๆ เพราะดื้อยา
อเมริการายงานว่า ตอนนี้ ceftriaxone 500 มิลลิกรัม คู่กับ กิน azithromycin 1 กรัม เริ่มดื้อมากขึ้นแล้ว สูงสุดที่ 30%
มีรายงานต้องใช้ carbapenem จึงรักษาได้
ล่าสุดกำลังทดสอบยาใหม่ zoliflodacin ในการรักษาหนองใน
อยากบอกว่า ทุกวันนี้เจอหนองในมากขึ้น เกือบทุกคนไม่ได้ให้ยากับคู่นอน เพราะ เจอกันครั้งเดียว หรือ คงไม่เจอกันอีก ส่วนจะให้ยาไปให้สามีหรือภรรยาที่บ้านก็ไม่ได้อีก ..บ้านแตก น่ากลัวกว่าเชื้อดื้อยา
อย่าลืม สวมถุงยางอนามัยกันนะครับ
Landhuis EW. Multidrug-Resistant “Super Gonorrhea” Rallies Multipronged Effort. JAMA. Published online May 03, 2024. doi:10.1001/jama.2023.15355

03 พฤษภาคม 2567

วัคซีนโควิดของแอสตร้าซีเนก้า กับ ลิ่มเลือด

 วัคซีนโควิดของแอสตร้าซีเนก้า กับ ลิ่มเลือด

เป็นข่าวดังครึกโครม และในที่สุดก็มาถึงประตูบ้าน
ผู้ป่วยของผม เธอป่วยเป็น immune thrombocytopenia ได้รับยากดภูมิจนโรคสงบแล้ว (เคยกำเริบมาแล้ว) ตอนนั้นเธอได้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ของแอสตร้า ก็ไม่แปลกที่จะหวั่นใจ ก็เลยถามเข้ามา
ผมคิดว่าหลายคนคงเคยได้รับวัคซีนและมีคำถาม ผมขอสรุปภาษาชาวบ้านนะครับ อ้างอิงจากแหล่งเชื่อถือได้และตัวเองก็เคยรายงาน VITT และทำการบ้านทบทวนมาพอควรด้วย
1. กังวลไหมว่าจะเกิดตอนนี้ ... ไม่กังวล เพราะอาการเกือบทั้งหมดมักเกิดในเดือนแรกของการรับวัคซีน ประเทศเราไม่ใข้ viral vector มานานแล้ว ถ้าเกิดคงต้องหาเหตุอื่นที่สมเหตุสมผลกว่า
2. มันเกิดบ่อยขนาดนั้นไหม ... ไม่เลยครับ ตัวเลขเราเริ่มเห็นตั้งแต่ใช้วัคซีนแล้ว ตอนที่ใช้วัคซีนกันอยู่ ก็ประมาณ หนึ่งต่อสองสามแสน ตอนนี้รวบรวมข้อมูลเบ็ดเสร็จทั่วโลก อยู่ที่ หนึ่งราย ต่อ สิบล้านคนฉีดครับ
3.แล้วทำไมเพิ่งมาบอก ... ข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ ครับ แต่การจะออกแถลงการณ์ทางวิทยาศาสตร์คงต้องให้ข้อมูลครบก่อน
4. คนไทยเกิดไหม ... มีรายงานครับ ทางสภากาชาดและจุฬา เก็บรวบรวมไว้ มีไม่มาก และไม่รุนแรง ตอนนี้ไม่มีแล้ว
5.ก็มีรายงานตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมยังใช้อีก ... มองย้อนกลับไป ช่วงเวลานั้นโควิดโหดมากนะครับ คงต้องเอาอาวุธที่มีมาถล่มให้เรียบก่อน ไม่งั้นเราอาจไม่สบายแบบตอนนี้
6.วัคซีนอื่นก็มีนี่ ... ใช่ วัคซีนอื่นก็มี แต่ทุกตัวก็มีผลข้างเคียงประมาณ หนึ่งต่อสิบล้านพอกันนี่แหละ
7.แบบนี้ ไม่ฉีดวัคซีนซะดีกว่าไหม ... ไม่ดีครับ เพราะเจ้าอาการลิ่มเลือดอุดตัน เกล็ดเลือดต่ำนี่นะ เกิดจากโควิดมากกว่าเกิดจากวัคซีนประมาณ 5-10 เท่าตัวเลย ยังไม่นับอันตรายอื่นจากโควิดที่คุมไม่ได้อีก
สรุปว่า...คือรายงานการศึกษาทางการจากบริษัทผู้ผลิต ที่เรารู้กันหมดแล้ว ออกมาเพื่อเป็นการศึกษาต่อไป ไม่ต้องกลัวเพราะเราไม่ได้ใช้วัคซีนนี้มานานแล้ว และคงไม่ได้ใช้ตลอดไป (บางทีถ้าปรับปรุงจนดีแล้ว ก็ค่อยว่ากัน)
จบข่าว..แยกย้ายไปนอน

02 พฤษภาคม 2567

กรดยูริกในเลือด

 สั้น ๆ ก่อนนอนกับกรดยูริกในเลือด

กรดยูริกในเลือดที่สูง มากกว่า 6 mg/dL ในสุภาพสตรีและมากกว่า 7 ในสุภาพบุรุษ เรามักจะคิดว่าเป็นเกาต์ จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะครับ แต่หากใครที่เป็นเกาต์แล้ว การปล่อยกรดยูริกในเลือดสูง จะเพิ่มโอกาสเกิดเกาต์ซ้ำใหม่ และเมื่อลดกรดยูริกในเลือดต่ำลง โอกาสเป็นเกาต์ซ้ำจะลดลง
กรดยูริกในเลือดที่สูง สัมพันธ์กับโอกาสการเกิดโรคหัวใจล้มเหลว สัมพันธ์กับโอกาสการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ AF สัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ สัมพันธ์กับโอกาสการเกิดไตเสื่อม
แต่การลดกรดยูริกลง ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะไปช่วยลดโรคหัวใจ ส่วนโรคไตมีข้อมูลว่าช่วยชะลอความเสื่อมในคนที่เป็นโรคไตเสื่อม
หมายความว่า ถ้าคุณไม่มีอาการ แล้วไปตรวจเจอยูริกสูง
1.หาสาเหตุว่าทำไมสูง ส่วนมากเกิดจากการกินอาหารยูริกและพิวรีนสูง แล้วแก้ไขเสีย
2.ถ้าไม่มีอาการ ไม่มีโรค ไม่มีข้อบ่งชี้ ก็ไม่ต้องใช้ยาลดกรดยูริก
3.ติดตามอาการและระดับกรดยูริก
4.ให้ระวังว่าคุณเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจและโรคไต หากมีปัจจัยเสี่ยงใดอยู่ ให้รีบลดปัจจัยที่ลดได้
5.หยุดดื่มแอลกอฮอล์