ผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ไม่ได้เกิดจากตัวโรคเบาหวานเท่านั้น !
ภาวะเลือดเป็นกรด (metabolic acidosis) มีเหตุได้มากมายและหากเราโฟกัสลงมาที่ผู้ป่วยเบาหวาน เราก็จะคิดถึงว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนเร่งด่วนของโรคเบาหวานคือ Diabetic KetoAcidosis (DKA) ซึ่งน้ำตาลในเลือดจะสูงมาก ยังมีสาเหตุเลือดเป็นกรดที่มักจะพบได้ในผู้ป่วยเบาหวานอีกอย่างคือ ยาเบาหวานนี่แหละที่ทำให้เลือดเป็นกรด และเป็นยาเบาหวานที่เราใช้กันบ่อยด้วย
เม็ตฟอร์มิน (metformin) ยาเบาหวานสามัญประจำบ้าน ยานี้สามารถทำให้เกิดเลือดเป็นกรดจากกรดแล็กติกที่คั่งในเลือด มักจะพบในผู้ป่วยที่ไตไม่ค่อยดี ผู้ป่วยสูงอายุผู้ป่วยที่มีภาวะขาดสารน้ำในตัวขณะนั้น ยาเม็ตฟอร์มินสามารถทำให้เกิดเลือดเป็นกรดได้ในทุกขนาดการใช้ยา แต่มักพบในขนาดสูงมากกว่าขนาดต่ำ อุบัติการณ์ไม่มากนัก แต่รุนแรง ต้องเข้ารับการฟอกเลือดจึงจะดีขึ้น
แอสไพริน (aspirin) แม้ไม่ใช่ยาเบาหวานโดยตรง เป็นยาต้านเกล็ดเลือด ใช้ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพาต ซึ่งก็มักจะเกิดในผู้ป่วยเบาหวาน ยานี้จะเกิดเลือดเป็นกรดหากได้รับในขนาดสูง ส่วนมากก็กินผิดหรือเจตนากินเยอะเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ลักษณะสำคัญคือ เลือดเป็นกรดผสมกับภาวะเป็นด่างจากการหายใจ (high anion gap metabolic acidosis and respiratory alkalosis) การรักษาคือประคับประคองให้กำจัดออกได้จนหมด และอย่าใช้ยาเกินขนาด
กลิโฟซิน (-gliflozin) เป็นยาเบาหวานกลุ่ม SGLT2 inhibitors ยับยั้งการดูดกลับน้ำตาลที่ท่อไต นอกจากลดน้ำตาลแล้ว ยังลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย เป็นยาที่พลิกศตวรรษการรักษาเบาหวานในปัจจุบัน ยาอาจเกิดกรดคีโตนคั่ง โดยที่น้ำตาลในเลือดอาจจะสูงหรือไม่ก็ได้ (euglycemic diabetic ketoacidosis : EDKA) อาการที่มักพบบ่อยคือ ปวดท้องจนสงสัยว่าเป็นโรคทางศัลยกรรม การรักษาคือหยุดยา รักษา DKA ตามปกติครับ
วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ไม่ได้อยู่ในถุงยาเบาหวาน แต่ก็ทำให้เกิดพิษเฉียบพลันได้เช่นกัน ตอนนี้ยังไม่ทราบแนวทางการรักษา ต้องติดตามแนวทางที่กำลังศึกษาอยู่ในเวลานี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น