01 พฤษภาคม 2562

statin กับอาการปวดเมื่อย

สองวันนี้ได้รับปรึกษาผู้ป่วยที่ได้รับยา statin แล้วมีปัญหาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อถึงสามราย ในการให้ยาเพื่อป้องกันก่อนเกิดโรค ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่งได้รับยา ,ได้รับยาในขนาด moderate intensity ,ไม่มีปฏิกิริยาระหว่างยา, กินยาถูกต้องครบถ้วน ตรวจร่ายกายปรกติ ทบทวนประวัติไม่มีโรคตับโรคไต
ตรวจเลือดพบ ALT ขึ้นเล็กน้อย ปริ่ม ๆ ขอบบน และตรวจเอนไซม์การทำงานของกล้ามเนื้อ creatine phosphate kinase ได้ประมาณ 100 กว่า ๆ ทุกคน (อันนี้คือไม่สูงนะครับ)
ทั้งสามคนได้รับคำแนะนำจากหมอว่า ถ้ากินยาแล้วปวดเมื่อยกล้ามเนื้อให้รับมาตรวจ เรียกว่าคุณหมอแนะนำดีมากและคนไข้ก็ทำตามดีมาก ปัญหาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเจอประปรายนะครับ ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ที่รู้เพราะแนะนำก่อน รู้มาก่อน ดังนั้นคำแนะนำก่อนให้ยาจึงสำคัญ
เมื่อประเมินแล้ว เรียกว่า ไม่หนักหนา เทียบกับประโยชน์ของยาแล้ว ข้อเสียนี้แทบไม่มีน้ำหนักเลย
แต่ข้อเสียในมุมมองของหมอ กับข้อเสียในมุมมองคนไข้ มันต่างกันครับ
ผู้ป่วยทั้งสามรายมีมุมมองที่แย่มากกับยา statin หลังจากที่เกิดปัญหา ถึงกับขอไม่ใช้ยา ... การตัดสินใจจะไม่ใช้เป็นสิทธิของคนไข้นะครับ แต่หน้าที่ในการชี้แจงเป็นของหมอ ผมก็ขอชี้แจงก่อน
ผู้ป่วยทั้งสามราย ไม่ว่าจะใช้ thai CV risk หรือ ASCVD risk ก็เสี่ยงสูงทั้งนั้น การให้ยาจึงประโยชน์มากกว่าโทษแน่ ๆ เมื่ออธิบายถึงอันตรายจากยาที่ไม่มาก ติดตามได้ ปรับแต่งได้ เปลี่ยนยาดูก็ได้ เพราะยาแต่ละตัวมีข้อมูลผลเสียที่ไม่เท่ากัน
สำหรับผม ความยากของการเริ่มยา statin การจัดการยา statin เพื่อรักษาก่อนเกิดโรคมันไม่ได้อยู่ที่มีหลักฐานสนับสนุนหรือไม่ มันอยู่ที่จะให้คำปรึกษาอย่างไร จะจัดการ mind set หากผู้ป่วยเกิดปัญหาอย่างไร จะดูแลการใช้ยาอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ประสิทธิผลอย่างไร รวมทั้งวิธีสื่อสารที่ดี การรับมือกับปัญหาที่จะเกิด
สรุปหลังจากเจรจา สองรายขอติดตามผลก่อนและยังกินยาต่อเนื่อง อีกหนึ่งรายขอเปลี่ยนตัวยา ..เรื่องการจัดการผมว่าไม่มีถูกผิด เพราะต้องหาจุดพอดีลงตัวระหว่างคนไข้กับหมอ คนไข้ต้องฟังข้อมูล และหมอต้องไม่มีความยึดมั่นถือมั่น มันถึงจะไปได้ครับ
บางปัญหาทางการแพทย์ แก้ได้ด้วย "ลิ้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น