31 พฤษภาคม 2562

ผักผลไม้แช่แข็ง..ก็โอเคนะ

ผักผลไม้แช่แข็ง..ก็โอเคนะ
หลายครั้งที่ผมกล่าวถึงการได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยเฉพาะเกลือแร่และวิตามินจากอาหาร หลายคนจะมีข้อจำกัดด้านไม่มีเวลาไปซื้อ หรือบางคนอยากซื้อกินไม่มาก เมื่อดูราคาที่แบ่งขายถึงกับเมินหน้า เพราะราคาแพงกว่าจะซื้อเป็นลูกหรือเป็นกิโลกรัม ยิ่งคนที่ต้องควบคุมน้ำตาลซื้อมาก ๆ เกิดเสียดายต้องกินหมด น้ำตาลขึ้นอีก
เมื่อวานนั่งอ่านข่าว CNN เห็นรายงานชิ้นนี้น่าสนใจจึงหยิบมาเล่า เป็นการศึกษาวิจัยทางเคมีถึงปริมาณสารอาหารและความคงตัวของสารอาหารที่อยู่ในผักผลไม้แช่แข็ง เทียบกับผักผลไม้สดที่เก็บมาในเวลาเท่า ๆ กัน
ต่างประเทศเขาไม่มีผลไม้และผักทั้งปีเหมือนบ้านเราครับ และผลไม่ผักแช่แข็งเป็นที่นิยมมาก มามองประเทศเราตอนนี้เราก็มีผักผลไม้แช่แข็งจำหน่ายตามตู้แช่ของร้านต่าง ๆ แล้วเราเอามาใช้ได้ไหม
งานวิจัยได้ทดสอบเบต้าแคโรทีน แหล่งกำเนิดวิตามินเอในพืช ไรโบฟลาวินหรือวิตามินบีสอง แอสคอร์บิกหรือวิตามินซี แอลฟาโทโคฟีรอลหรือวิตามินอี เป็นตัวแทนของวิตามินที่ละลายในไขมันและในน้ำ วิตามินที่สลายง่ายด้วยความร้อน ทำการศึกษาในผักและผลไม้แช่แข็งตัวอย่างแปดชนิด เทียบกับผักผลไม้ที่ไม่แช่แข็ง ความสุกเท่า ๆ กัน ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวจนถึงทดลองพอ ๆ กัน
ผลออกมาว่า ปริมาณวิตามินต่าง ๆ ไม่ได้ลดด้อยถอยไปกว่าผักผลไม้สด ส่วนใหญ่เก็บรักษาปริมาณวิตามินได้มากกว่าด้วย ยกเว้นแต่เบต้าแคโรทีน ที่จะลดถอยไปบ้างเล็กน้อย (เราไม่ได้คาดหวังวิตามินเอจากเบต้าแคโรทีนมากนัก เราคาดหวังวิตามินเอจากสัตว์มากกว่าเช่น ไข่ นม)
ผมจึงอยากบอกว่าถ้าท่านไม่มีเวลาไปหาซื้อผักผลไม้สด (ผมว่ามันอร่อยกว่า) ท่านสามารถไปซื้อผักผลไม้แช่แข็งมากิน มาประกอบอาหาร และเก็บไว้ในช่องแช่แข็งก็พอได้เช่นกัน ดีกว่าไม่กิน และเป็นตัวเลือกก่อนการใช้ยาเม็ดวิตามินเสริมอาหารครับ
โดยต้องเลือกถุงที่ปิดสนิท ผลไม้ไม่นิ่ม ไม่เกาะเป็นก้อน ไม่มีน้ำเหลว ๆ ออกมา เก็บให้ดีในช่องแช่ และเวลาจะกินก็แค่ละลายน้ำแข็งเล็กน้อย อาจจะอุ่นด้วยไอน้ำหรือไมโครเวฟที่ไม่แรงมากก็พอ อย่าลืมว่าวิตามินซีจะสลายง่ายด้วยความร้อน ถ้าปรุงสุกร้อนมากอาจต้องบีบบักนาวจั๊กหน่วย เพิ่มวิตามินซี
ที่มา
1.https://edition.cnn.com/…/frozen-fruit-vegetabl…/index.html…
2.Agric Food Chem. 2015 Jan 28;63(3):957-62.

30 พฤษภาคม 2562

ถ้าอยากบุหรี่จะปรับความคิด ปรับ mindset อย่างไร

ถ้าอยากบุหรี่จะปรับความคิด ปรับ mindset อย่างไร
1. การเลิกบุหรี่ทำได้จริง มีคนทำสำเร็จมากมาย ความเชื่อที่ว่าหยุดสูบแล้วเกิดผลเสียไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
2. ความสำคัญที่สุด key of success คือ เจตนาที่ตั้งมั่นที่จะเลิกบุหรี่ เจตนาที่ตั้งมั่นได้มาจากจุดหมายที่ชัดเจน เช่น เลิกเพิ่อสุขภาพ เพื่อคนใกล้ชิด เลิกเพื่อลูก ดังนั้นคุณควรตั้งเป้าหมายเสมอ
3. พลังในการเลิกเกือบ 100% มาจากพลังใจที่มุ่งมั่นและเป้าหมายที่ชัดเจน การหักดิบทำได้จริง หากมั่นคงเพียงพอ
4. แรงเสริมและตัวช่วยที่คอยหนุนกำลังใจคือ คนรอบข้างที่คอยช่วย การเลิกบุหรี่จึงไม่ใช่บทบาทของผู้สูบคนเดียว คนในครอบครัว เพื่อนฝูง คุณก็เป็นคนสำคัญในการเลิก คอยให้กำลังใจ คอยกระตุ้น อย่าดูแคลน อย่าเย้ยหยัน เมื่อผู้สูบตั้งมั่นและตั้งเป้า เราต้องช่วย
5. วิธีการเลิก ต้องตั้งใจที่จะไม่สูบ และทำอย่างอื่น เราต้องเชื่อว่าช่วยได้จริง ไม่ว่าการหลีกหนีสิ่งแวดล้อมสูบบุหรี่ การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเวลาที่คุ้นเคยกับการสูบ ข่มใจทำอย่างอื่นเวลาอยากบุหรี่ไม่ว่าจะอมลูกอม เคี้ยวหมากฝรั่ง สวดมนต์ ทั้งหมดนอกจากช่วยพฤติกรรม ยังช่วยย้ำความตั้งใจและเจตนาของเราด้วย
6. จากข้อสี่ เพื่อน ครอบครัว ต้องปรับความคิด และถ้าหากเขาเกิดความอยากบุหรี่ หรือล้มเหลวในข้อห้า เพื่อนและคนรอบข้างต้องช่วยประคอง (ด้วยเหตุนี้ผมมักจะนำครอบครัวมาทำความเข้าใจร่วมกันเวลารักษา)
7. ยาอดบุหรี่ สารชดเชยนิโคติน เป็นเพียงตัวช่วยให้ประสบความสำเร็จ การศึกษาที่ว่าดีที่ว่าได้ผล เกิดมาจากความคิด mindset ของผู้สูบที่ตั้งใจมุ่งมั่น เป้าหมายชัดเจน และได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ...ย้ำ สิ่งแวดล้อม คนแวดล้อมสำคัญมาก...
8. ความล้มเหลวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เมื่อล้มเหลวเพราะแพ้ใจตัวเอง เพราะคนรอบข้างไม่ให้ความสำคัญ หรือทนภาวะติดทางกาย ทางพฤติกรรมไม่ไหว ให้มาคุยสาเหตุแล้วปรับแก้ไข การเลิกบุหรี่เป็นเรื่องซับซ้อน ทั้งทางกาย ทางพฤติกรรม ทางสังคม ไม่ได้เกิดจากผู้สูบอย่างเดียว เมื่อมีหลายปัจจัยโอกาสพลาดก็มีเช่นกัน ...อย่างที่ผมบอก เรื่องเลิกบุหรี่เป็นเรื่องของทุกคน...
9. เริ่มใหม่ถ้าล้มเหลว ผู้คนที่เลิกบุหรี่ได้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องสู้รบกับตัวเองมากมาย คุณล้มเหลวเรื่องอื่นคุณยังสู้ได้ เมื่อคุณล้มเหลวเริ่องเลิกบุหรี่ คุณก็สู้ใหม่ได้ เพื่อเป้าหมายในข้อสอง
10. สุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง จะเสื่อมลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เรียกว่า "อายุ" ทุกวันที่ยังไม่เลิก หรือทุกวันหลังจากล้มเหลวแต่ไม่เริ่มใหม่ จะกัดกร่อนสุขภาพตัวเองและคนรอบข้างต่อไป การเลิกบุหรี่ ไม่ต้องรอ เลิกได้เลย
..ผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่จะเลิกทุกคนให้ผ่านพ้นช่วงอดทนสูงสุดให้ได้
..ผมขอเป็นแรงใจให้คนที่เลิกได้ ไม่หวนกลับไปสูบอีก
..ผมขอเชิญชวนผู้ที่สูบอยู่ ให้ตั้งใจเลิกอย่างจริงจัง
..ผมขอแนะนำให่ผู้ที่จะลองบุหรี่ เยาวชน ให้หยุดความคิดนั้น การเลิกยากกว่าการเริ่มมากมาย
สุดท้าย ผมขอเชิญชวนทุกคนให้มีส่วนร่วมกับการเลิกบุหรี่ ชักชวน ให้กำลังใจ คอยสนับสนุน อย่าเห็นผู้สูบเป็นผู้ร้าย หากเรายังคิดเหมือนเดิม เราไม่มีทางหยุดภัยบุหรี่ได้แน่นอน
your mind, your life...your design

ข้อคิดบางประการ เกี่ยวกับการตรวจแล็บที่คาดหวังว่ามันคือการตรวจสุขภาพ

ข้อคิดบางประการ เกี่ยวกับการตรวจแล็บที่คาดหวังว่ามันคือการตรวจสุขภาพ
ผลแล็บหลายอย่าง หากไม่มีอาการ อาการแสดง และความต้องสงสัยโรค ก็ไม่สามารถแปลผลได้ถูกต้อง
ผิดจากค่าปรกติ ... ไม่อยากใช้คำว่า ผิดปรกติ ... ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นโรค
อยู่ในค่าปรกติ ... ไม่อยากใช้คำว่า ปรกติ ... ไม่ได้บอกว่าไม่เป็นโรคหรือฉันสุขภาพดี
ผิดจากค่าปรกติ ... บางคนกังวลมาก ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้บ่งชี้อะไร นำไปสู่การตรวจอื่น ๆ ที่แพง อันตราย และไม่เกิดประโยชน์
อยู่ในค่าปรกติ ... หลายคนประมาทคิดว่าการใช้ชีวิตที่ผ่านมาดีแล้วเหมาะแล้ว (เพราะบางอย่างมันก็ยังไม่ดีต่อสุขภาพ) และคิดว่าฉันไม่เป็นอะไรจึงไม่ดูแลตัวเอง
ที่ตรวจแล้วเจอโรค ... มันก็มีจริง แต่น้อยมาก ไม่สามารถนำมาคิดตรวจกับทุกคนเป็น มีแค่บางโรคเท่านั้นที่ต้องคัดกรองจึงเจอเร็ว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ ที่น่ากังวลคือโรคพวกนี้ไม่มีอาการ พอตรวจเจอแล้วกลับเฉย ๆ เสียอย่างนั้น
ถ้าไม่ใช่การตรวจเพื่อคัดกรอง การตรวจที่สามารถแยกผู้ป่วยจากผู้ปรกติได้จริง ๆ ให้คิดอีกครั้งก่อนจะตรวจโดยที่ไม่มีข้อบ่งชี้ และหากจะตรวจต้องมีคำตอบด้วยว่า ผลออกมาเป็นบวกจะทำอะไร เป็นลบจะทำอะไร
หลายคนต้องตรวจตามข้อบังคับ แต่กลับไม่ใส่ใจผลนั้น พบบ่อยมากกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เมื่อตับแข็งแล้วมองย้อนหลัง พบว่าเจอไวรัสมาเป็นสิบปี หรือความดันโลหิตสูง วัดสูงก็ไม่ทำอะไรต่อไป จะติดตามหรือรักษาก็ต้องใส่ใจ
ให้ใช้ "Fact" อย่าใช้ "Fear"

29 พฤษภาคม 2562

vaperizer หรือ electronic cigarette กับโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือด

vaperizer หรือ electronic cigarette กับโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือด
ข้อมูลเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เริ่มมีออกมามากขึ้น สำหรับข้อมูลเรื่องสารพิษในควันบุหรี่ไฟฟ้าแม้จะปลอดภัยกว่าบุหรี่เผาไหม้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าปลอดภัยทั้งหมดและยังมีสารอื่นที่ไม่เหมือนบุหรี่เผาไหม้ที่เราต้องติดตามต่อไป การศึกษาที่ผ่านมามุ่งประเด็นที่ลดความเสี่ยงและอันตรายจากมะเร็งปอด แล้วส่วนอื่นของร่างกายล่ะ
เป็นที่รู้กันและพิสูจน์ชัดว่าควันบุหรี่มีผลต่อการทำงานของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดอักเสบและเกิดหลอดเลือดตัน อันตรายที่สำคัญต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด แล้วบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดหรือไม่ การศึกษานี้เป็นหนึ่งในการศึกษาที่สนใจเรื่องนี้
ผู้วิจัยใช้เซลล์เพาะเลี้ยง (pluripotent stem cell) บีบบังคับเซลล์ให้เจริญเติบโตใกล้เคียงเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดที่สุดจะได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์และสารอักเสบต่าง ๆ ได้ และสังเกตการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสารต่าง ๆ ที่บ่งชี้การอักเสบที่วัดได้
ผู้วิจัยเลือกใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจากหกตัวอย่าง ที่ต่างรสชาติ สัดส่วน propylene glycol และ vegetable glycerine ที่ต่างกัน และสัดส่วนนิโคตินที่แตกต่างกัน ดูว่าปัจจัยใดที่ทำให้เกิดความผิดปกติ
** ผู้วิจัยเลือกผสมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในเซลล์เพาะเลี้ยง ไม่ได้ผ่านการทำควันหรือความร้อนนะครับ **
แล้วเขาก็แบ่งกลุ่มคนที่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่เผาไหม้ ใช้ทั้งคู่ และไม่เคยใช้ มาให้ทดสอบสูบบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เผาไหม้ แล้วไปเจาะเลือดดูระดับนิโคติน เพราะต้องการพิสูจน์ทางอ้อมว่า หากใช้การสูบผ่านทางปอดแล้วสามารถส่งสารต่าง ๆ เข้าสู่กระแสเลือด เสมือนว่าผสมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าความเข้มข้นระดับพอ ๆ กันในเซลล์เพาะเลี้ยง บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เผาไหม้สามารถส่งนิโคตินและเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีพอกัน "น่าจะ"ส่งผลต่อเซลล์แบบเดียวกันกับการทดลอง
*** ข้อสังเกตที่ต้องพิจารณามาก ๆ คือเป็นการทดลองในหลอดทดลองด้วยการใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอีกรูปแบบที่ไม่ได้ใช้กันปรกติ ในเซลล์เพาะเลี้ยงในหลอดทดลอง เพื่อพยายามหาความสัมพันธ์กับการสูบปรกติ ตรงนี้อาจแปรปรวนได้มากครับ (เพราะนี่คือการทดลองระยะแรกเท่านั้นว่าสารประกอบในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีพิษหรือไม่ และอะไรที่มีอันตราย ยังต้องมีการศึกษาขั้นต่อไปอีกมากมาย) ***
ผลออกมาปรากฏว่าเซลล์หลอดเลือดที่สัมผัสน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ว่าจะความเข้มข้นนิโคตินเท่าใด หรือรสชาติใด จะมีความเสื่อมของเซลล์มากขึ้น การซ่อมแซมของเซลล์ลดลง และสารอักเสบสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น แต่สารเคมีที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุดคือ **รสชาติอบเชย** ที่มีการทำลายเซลล์มากกว่ารสชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจะนิโคตินเท่าใด หรือสัดส่วน VG PG เท่าใด
คำอธิบายคือ แม้สารเคมีที่เป็นกลิ่นและรสจะได้การรับรองว่าใช้ผสมอาหารได้ก็จริง แต่ยังไม่ได้รับรองว่าการใช้แบบเผาไหม้และมีตัวนำพาเข้าปอดคือ Propylene Glycol นี้จะปลอดภัย และจากการทดลองนี้พบว่ามันก็ไม่ได้ปลอดภัยนัก
ก่อนหน้านี้มีการศึกษาในเซลล์ปอด เซลล์ตับ เซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ ที่ใช้การทดลองเสมือนการใช้งานจริงพบว่าเสียหายระดับเซลล์จริง การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่ามีผลเสียหายจริง ตอนนี้คือเซลล์หลอดเลือด แม้การศึกษาของเซลล์หลอดเลือดจะยังไม่ได้ออกแบบเสมือนการใช้งานจริง แต่พอบอกได้ว่า แม้มันอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนเผาไหม้ แต่ยังไม่ได้ปลอดภัยไปเสียทั้งหมดครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำยาผสมรสชาติที่องค์การอาหารและยายังไม่สนับสนุนครับ

ที่มา
1.JACC Volume 73, Issue 21, 4 June 2019, Pages 2722-2737
2.https://edition.cnn.com/…/vaping-heart-cells-stu…/index.html
3.Association Between Electronic Cigarette Use and Myocardial Infarction
Alzahrani, Talal et al. American Journal of Preventive Medicine , Volume 55 , Issue 4 , 455 - 461

dolutegravir+lamivudine

ข่าวสั้น ทันสมัย ง่ายนิดเดียว
องค์การอาหารและยาสหรัฐอนุมัติใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีแบบเม็ดรวมตัวยาสองชนิดแล้ว dolutegravir+lamivudine
อดีตเราใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีวันละหลายเม็ด ห้าถึงหกเม็ดต่อวัน เป็นอุปสรรคมากกับการกินยาต่อเนื่อง ต่อมาเราได้พัฒนาจนเหลือวันละสองเม็ด ต่อมาลดเหลือวันละหนึ่งเม็ด แต่เป็นเม็ดรวมที่ไม่ตีกัน ออกฤทธิ์ยาว ประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงต่ำ
ตอนนี้ dolutegravir + lamivudine ได้ออกวางจำหน่ายในการรักษา HIV เรียบร้อย และต้องพึงระวังในกรณีติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีร่วมด้วย เพราะเจ้ายา lamivudine ที่เราใช้รักษาไวรัสตับอักเสบบีนั่น เราพบมันดื้อยาบ่อยครับ
เมื่อปีที่แล้วมีการศึกษา GEMINI ออกมาเปรียบเทียบการรักษาด้วยยาสามตัวและสองตัว คือ tenofovir+emticitabine+dolutegravir เทียบกับ dolutegravir+lamivudine ผลปรากฏว่า ประสิทธิภาพการรักษาไม่ต่างกัน ผลข้างเคียงก็ไม่ต่างกัน เป็นที่มาของการอนุมัติครั้งนี้ เคยนำเสนอ GEMINI ไปเมื่อปีที่แล้วครับ
การรักษาเอชไอวีพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำไมอัตราการติดเชื้อเพิ่มกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
อ่านฉบับเต็มได้ที่
Sancar F. Two-Drug Regimen for HIV. JAMA. 2019;321(19):1862.

หนึ่งตัวอย่างความสำเร็จการเลิกบุหรี่

หนึ่งตัวอย่างความสำเร็จการเลิกบุหรี่
ขอเชิญทุกคนที่เลิกได้
ขอเชิญทุกคนที่อยากเลิก
ขอเชิญคนที่ยังไม่ทราบเรื่องการเลิก
ขอเชิญคนที่มีประสบการณ์ในการเลิกบุหรี่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ไม่ว่าจะเห็นอย่างไร มาร่วมแสดงความคิดเห็นได้ครับ
เรื่องบุหรี่ ไม่ใช่เรื่องของผู้สูบ คลินิกเลิกบุหรี่ รัฐบาล เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมาช่วยกันรณรงค์ มีรวมพลังกัน ทุกวันไม่ใช่แค่วันที่ 31 พฤษภาคม เท่านั้น
เพื่อช่วยผู้สูบบุหรี่ เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของผู้ไม่สูบบุหรี่ และเพิ่อโลกของเราครับ

28 พฤษภาคม 2562

ถามตอบ การเลิกบุหรี่

ถามตอบ
ถาม : บุหรี่มีมาตั้งนานแล้ว ทำไมจะมาเลิกตอนนี้
ตอบ : เพราะเพิ่งพิสูจน์ชัดว่ามีโทษชัดเจนในช่วง 60 ปีหลังมานี้
ถาม : แต่ก่อนคนสูบบุหรี่ตั้งมากมาย ไม่เห็นเป็นอะไร
ตอบ : เป็นเยอะมาก แต่ก่อนเราคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ มาทบทวนย้อนหลังพบว่าเกี่ยวข้องกันมาก
ถาม : ในบุหรี่อะไรที่อันตราย
ตอบ : ทุกส่วน แต่ที่พิสูจน์ชัดมาก ๆ คือควันและสารพิษในควัน
ถาม : รณรงค์กันมาตั้งหลายปี ก็เห็นยังตายจากบุหรี่ทุกปี
ตอบ : ถ้าไม่รณรงค์และควบคุมจะตายมากกว่านี้อีกมาก
ถาม : นิโคตินอันตรายไหม
ตอบ : อันตรายน้อยกว่าควัน แต่มันคือตัวสำคัญที่ทำให้ติด
ถาม : บุหรี่มวนเอง กับ บุหรี่ซอง อะไรอันตรายกว่ากัน
ตอบ : พอ ๆ กัน ไม่ดีทั้งคู่
ถาม : แล้วคนที่สูบ ๆ อยู่นี่เขาไม่รู้เหรอว่าอันตราย
ตอบ : รู้ทั้งนั้น แต่ไม่รู้วิธีเลิก และประมาทเห็นว่าขณะนี้ยังแข็งแรงดี
ถาม : อะไรสำคัญที่สุดในการเลิกบุหรี่
ตอบ : ความคิดตั้งต้นของผู้สูบเองที่อยากจะเลิก และความตั้งใจไม่ย่อท้อ
ถาม : ยาช่วยได้มากไหม
ตอบ : ช่วยได้มาก ในคนที่ "ปรารถนา" จะเลิกบุหรี่
ถาม : ทำไมคนที่เลิกกลับมาสูบอีก
ตอบ : เพราะคิดว่าบุหรี่จะแก้ไขปัญหาของเขาได้ และ ใจไม่เข้มแข็งพอ
ถาม : สูบมานานแล้ว เลิกตอนนี้จะช่วยหรือ
ตอบ : ช่วยตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เลิกสูบ และได้ประโยชน์สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถาม : แล้วที่สูบมาก่อนจะเลิก มันลบล้างได้ไหม
ตอบ : ไม่ได้ จึงต้องป้องกันนักสูบหน้าใหม่และเยาวชนอย่างเต็มที่
ถาม : ควันบุหรี่ ทำให้เกิดบุหรี่มือสองจริงหรือ
ตอบ : จริง โดยเฉพาะการสูบในบ้านและในรถ
ถาม : อยากเลิกทำอย่างไร
ตอบ : แนะนำให้เข้ารับบริการอย่างเต็มรูปแบบที่สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง สถานบริการเอกชนที่มีการบริการเลิกบุหรี่ โทรศัพท์สายตรง 1600
ถาม : ถ้าไม่สำเร็จล่ะ
ตอบ : ค้นหาเหตุที่ยังค้างคา จัดการเหตุนั้น เข้าสู่กระบวนการเลิกซ้ำอีก อย่าย่อท้อ
ถาม : หมอทำรณรงค์เรื่องเลิกบุหรี่มานาน ไม่ท้อหรือ
ตอบ : ท้อ ท้อทุกวัน แต่ก็จะทำต่อไป
"แสงเทียนเพียงหนึ่งแสง สาดส่องทางในใจคนได้หลายคน ถ้าเทียนนั้นดับ จะมีหลายคนหลงทาง และถ้ามีคนช่วยจุดเทียนต่อไป แสงเทียนจะสว่างไสว ส่องทางสว่างในใจ ชั่วนิจนิรันดร์"

ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะในยากลุ่ม SGLT2i

วันนี้ได้รับปรึกษาคนไข้ "ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ"
ผู้ป่วยไปตรวจปัสสาวะในโปรแกรมตรวจสุขภาพ ณ ที่แห่งหนึ่งแล้วพบค่าน้ำตาลในปัสสาวะ 4+ คือตรวจด้วยแผ่นตรวจแล้วพบขึ้นสูงมากเลยล่ะ มีแน่ ๆ ชัวร์ ๆ มีคำแนะนำว่าน่าจะต้องไปตรวจเลือดเพื่อหาโรคเบาหวาน
สรุปว่า ผู้ป่วยเป็นเบาหวานอยู่แล้ว ตอนนี้ควบคุมได้ดีด้วย น้ำหนักตัว ความดันโลหิตดี HbA1c ได้ 6.9% ได้รับยากิน metformin และ ยากลุ่ม SGLT2i ตัวหนึ่ง (ที่ลงท้ายด้วย gliflozin) ครับ ได้รับคำแนะนำเรื่องการรักษาอนามัยท่อปัสสาวะอย่างดี
ผู้ป่วยที่รับประทานยากลุ่มนี้จะตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะได้ ไม่ใช่ว่าคุมเบาหวานไม่ดีนะครับ แต่เพราะกลไกของยามันลดการดูดกลับน้ำตาลที่ท่อไต ร่างกายจึงปล่อยน้ำตาลออกมาได้ ปรกติไม่มียอมให้ออกมาง่าย ๆ นะครับ แต่นี่คุณน้ำตาลคงให้ใต้โต๊ะท่อไต ท่อไตเลยปล่อยผ่านออกมา
ใครรับประทานยากลุ่มนี้อยู่จะได้ไม่ต้องตกใจ (แต่ต้องควบคุมดีด้วยนะ ไม่ใช่น้ำตาลในปัสสาวะสูงเพราะควบคุมไม่ดี)
หรือลองตรวจปัสสาวะดี ๆ อาจพบ "งูเห่า" อยู่ในนั้นก็ได้

27 พฤษภาคม 2562

"คำยินยอมหลังบอกกล่าว informed consent"

หนังสือเล่มนี้น่าอ่านยิ่ง โดยเฉพาะน้อง ๆ หมอที่กำลังจะออกไปทำงาน หนังสือ "คำยินยอมหลังบอกกล่าว informed consent"
แม้ว่าน้อง ๆ จะบอกว่า นี่มันหนังสือกฎหมายนี่หว่าพี่ ก็ใช่นะครับน้อง แต่เป็นกฎหมายทางการแพทย์ที่เราต้องทราบ ที่คนไข้ก็ควรรู้ในการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ความเข้าใจของเรากับข้อเท็จจริงทางกฎหมายอาจไม่เหมือนกัน
หนังสือจากสำนักพิมพ์นิติธรรม แต่งโดย นพ.วิฑูรย์ ตรีสุนทรรัตน์และ ธนสร สุทธิบดี ราคาเล่มละ 150 บาท เป็นหนังสือขนาดเอสี่บาง ๆ แถมพรบ.สุขภาพปี 2550 มาด้วย
ตัวอย่างที่ยกมานะครับ ปี 1914 มีคดีระหว่างสมาคมแพทย์นิวยอร์กกับคนไข้ เพราะคนไข้ยินยอมให้แพทย์ทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (biopsy) แต่เมื่อแพทย์เห็นก้อนแล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จึงตัดออกทั้งก้อน โดยที่ผู้ป่วยไม่ได้ยินยอมให้ทำแบบนั้น คดีนี้ศาลสูงสหรัฐตัดสินใจว่าแพทย์ทำละเมิดนะครับ
ตามกฎหมายของไทยการที่หมอตรวจร่างกายคนไข้ พยาบาลฉีดยา หมอผ่าตัด เป็นการทำร้ายร่างกายเป็นการละเมิด โดยเจตนาด้วยนะครับ เพียงแต่มีบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญายกเว้นโทษเอาไว้ตามหลัก Volenti Non fit Injuria ความยินยอมทำให้ไม่เป็นการละเมิด หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น
พรบ. สุขภาพได้กำหนดให้มีการลงชื่อยินยอมหลังบอกกล่าว informed consent คือผู้ได้รับการรักษาหรือตัวแทน จะต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาอย่างเพียงพอ ด้วยภาษาที่เข้าใจ ก่อนจะยินยอมให้การรักษา นั่นคือเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการทางการแพทย์ ที่จะต้องทำโดยที่ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องถามก่อน หลังจากได้รับคำอธิบายเพียงพอ จึงตัดสินใจและลงชื่อ
หากไม่ยินยอม เราก็ไม่สามารถให้การรักษานั้นได้ ยกเว้นบางภาวะเช่น ภาวะฉุกเฉินอันตรายถึงแก่ชีวิต
และถึงแม้ผู้รับบริการเซ็นยินยอมก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ให้บริการนะครับ เขายังมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้หากผู้ให้บริการทำการด้วยความประมาทเลินเล่อ เพราะการทำข้อตกลงโดยยกเว้นความผิดที่จะต้องรับผิดเมื่อเป็นกลฉ้อฉลหรือประมาทเลินเล่อ ข้อตกลงนั้นจะเป็นโมฆะ
ที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ในหนังสือเล่มนี้ยังกล่าวถึงข้อตกลงข้อกฎหมายที่หมอกับคนไข้มีปฏิสัมพันธ์กันทุกวัน แต่เราอาจไม่รู้ข้อกฎหมาย ทำให้เมื่อเกิดปัญหาจะวุ่นวายยุ่งยากมาก แนะนำให้ทั้งคนไข้และหมอ หรือผู้สนใจทุกท่านควรอ่านครับ

ทำไมการสูดพ่นยาโรคหืดหรือถุงลมโป่งพองต้องสูดแรงและกลั้นใจได้

ทำไมการสูดพ่นยาโรคหืดหรือถุงลมโป่งพองต้องสูดแรงและกลั้นใจได้ กับเคมีฟิสิกส์ของแรงสูด อนุภาคและยาหอบหืดรอบตัว
การสูดยาถือเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรคเพราะการรักษาเกือบทั้งหมดใช้ยาแบบนี้ คนไข้บางรายคุมไม่ได้ทั้งที่ใช้ยาทุกวัน เพราะว่าเทคนิคการใช้ยาไม่ถูกต้องนั่นเอง วันนี้เราจะมาเดินทางไปกับอนุภาคยาสูด เราจะได้เข้าใจว่าทำอย่างไร ยาจึงจะถึงเป้าหมายที่ต้องการ
ท่อระบบทางเดินหายใจของคนเรา (airways) เริ่มต้นตั้งแต่จมูก เรื่อยลงไปคอหอยและเข้าสู่กล่องเสียงและท่อลมใหญ่ (trachea) ตรงจุดต่อของคอและกล่องเสียงจะเชื่อมกับปากและลำคอ เราจึงหายใจทางปากและสำลักอาหารขึ้นไปทางจมูกได้ สำหรับกลไกการหายใจหรือการกลืน ร่างกายจะเลือกว่าจะหายใจหรือกลืนอย่างใดอย่างหนึ่งจะส่งลมไปปอดหรือส่งอาหารไปท้อง ถ้าเรากินไปคุยไป อาจมีบางจังหวะผิดพลาดจนสำลักได้ โบราณจึงห้ามร้องเพลงขณะกินข้าว เดี๋ยวจะได้คู่แต่งงานแก่ครับ
ช่องปากมีขนาดใหญ่กว่าและกว้างกว่าช่องจมูก เราจึงใช้ช่องปากในการส่งยาเข้าสู่ปอด ท่านลองไปออกกำลังกายจนเหนื่อยมากแล้วลองหายใจลึก ๆ ทางจมูกอย่างเดียวสิครับ รับรองไม่ทัน เพราะช่องจมูกแคบเกินกว่าจะหายใจเกินปรกติ เราใช้ยาทางปากจะไม่มีข้อจำกัดเรื่องแรงสูดและปริมาณลม ทางผู้ผลิตยาจะออกแบบอนุภาคยาให้เล็กกว่า 5 ไมครอน เรียกว่า fine particle เพราะถ้าใหญ่กว่า 5 ไมครอน อนุภาคจะหนักเกินไปที่จะใช้แรงสูดลมพาไปได้ และขนาดใหญ่เกินจะไปถึงหลอดเล็ก ๆ จุดเป้าหมายด้านล่าง มันจะตกอยู่แถวนี้ซึ่งไม่ใช่เป้าหมาย
ตอนนี้เราเดินทางผ่านหลอดยาเข้ามาทางปาก คอหอย หลอดลม กล่องเสียง ผ่านเข้าสู่ท่อลมหลักเตรียมจะแยกเข้าปอดซ้ายขวา อะไรที่เป็นตัวส่งยามาถึงนี่ ต้องตอบว่าแรงสูดของเราครับ ใครจะใช้ยาสูดได้ต้องมีแรงพอที่จะให้ลมสูดนำพาอนุภาคด้วยแรงเฉื่อยอนุภาค เหมือนท่านขว้างบอลจากตึกสูง ระยะทางแรกมาจากแรงขว้างและแรงเฉื่อยของบอลนั่นเอง
เมื่ออนุภาคเดินทางมาถึงหลอดลม (bronchus) แยกซ้ายขวาไปปอดสองข้าง หลอดลมจะขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ เรียกว่า bronchiole ตั้งแต่หลอดลมนี่เองที่เป็นจุดที่ยาจะมาออกฤทธิ์ทั้งการขยายหลอดลม (กล้ามเนื้อหลอดลม) และลดการอักเสบของเยื่อบุ ตัวยาส่วนแรกนำพามาด้วยแรงเฉื่อยก็ตกตามคอ หลอดลมใหญ่ แต่เมื่อมาถึงหลอดลมเล็ก ตัวยาจะผ่านลงไปได้มีขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนแล้ว ถึงตรงนี้จะไม่ใช่แรงสูดและแรงเฉื่อยแล้วแต่จะเป็นการเคลื่อนที่ตามความเร่ง (ผลรวมแรงเท่ากับมวลคูณความเร่ง)
ท่านลองเป่าฝุ่นที่ฟุ้งกระจายหรือละอองเกสรดอกหญ้าสิครับ มันจะไปตามแรงเป่าของเราแค่ระยะเดียวหลังจากนั้นมันจะร่วงลงตามการทิศทางแนวแรงกระทำสุดท้ายคือตกลงพื้นดิน อนุภาคยาก็เช่นกัน เมื่อสิ้นสุดแรงสูด อนุภาคเล็ก ๆ จะเคลื่อนที่ตามทิศทางแรงที่มากที่สุดที่มากระทำ ไม่ใช่แรงโน้มถ่วงแต่คือ "แรงลม"
ใช่ครับลมหายใจเข้าออกนั่นเอง ถ้าเราสูดแล้วกลั้นใจได้ กระแสลมจะพาอนุภาคขนาดเล็กกว่า 5 ไมครอนนี้ ไปตามแรงลัพธ์ของการหายใจเข้า คือเข้าหาหลอดลมเล็กและถุงลม แต่ถ้าเราไม่กลั้นใจ เราหายใจออกทันที แรงลมลัพธ์จะพุ่งออกจากหลอดลมเล็กและถุงลมออกทางปาก อนุภาคเล็ก ๆ ก็เคลื่อนออกหรือหมุนวนในหลอดลม ไปไม่ถึงเป้าหมายเสียที จึงมีความจำเป็นต้องกลั้นใจได้นานพอควร 3-5 วินาที เพื่อบังคับทิศทางลมนั่นเอง
และยังมีแรงสุดท้ายอีก บางทีอนุภาคที่ออกมาจากหลอดยาสูดจะมีขนาดเล็กกว่า 2 ไมครอนที่เรียกว่า extra-fine particle อันนี้จะเคลื่อนที่ด้วยสาเหตุอื่นนอกจากแรงเฉื่อยจากการสูด และการเคลื่อนที่ตามแรงลมลัพธ์แล้ว คือการเคลื่อนที่ด้วยการฟุ้งกระจาย เรียกตามภาษาเคมีว่าการเคลื่อนที่แบบบราวเนี่ยน (Brownian's movement) คือ ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน สะเปะสะปะเพราะเบามาก เล็กมาก ชนกันเองสะท้อนไปมา แบบที่ท่านเห็นลูกสนุกเกอร์แตกออกจากกลุ่มนั่นแหละครับ และสามารถลงไปถึงถุงลมได้เลย
ด้วยกลไกสามอย่างคือ แรงเฉื่อยจากแรงสูดเราจึงต้องสูดแรง แรงลัพธ์ทิศทางลมเราจึงต้องกลั้นใจ และการแพร่ฟุ้งกระจายที่คอยเก็บตกสองกลไกและลงไปถึงถุงลม ผู้ผลิตจึงพยายามผลิตอนุภาคยาออกมาให้เล็กที่สุดครับ ก็อธิบายได้ว่าทำไมการใช้ยาสูดต้องสูดลึกพอแรงพอ และกลั้นใจได้นานพอ นั่นเอง

TK Square Korat

แหล่งอ่านหนังสือที่สุดยอดมาก TK Square Korat
หลายท่านคงรู้จัก TK park ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ชั้นบนมาแล้ว วันนี้ผมมาแนะนำที่จังหวัดนครราชสีมา เป้นแหล่งเรียนรู้ มีกิจกรรม นิทรรศการ ห้องสมุด อยู่ใจกลางเมืองเลย คือคูเมืองเลยครับ ใครไปไหว้ย่าโมต้องผ่านแน่นอน
ที่นี่มีหนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อ หนังสือเด็กและเยาวชนให้อ่าน อย่ามากมาย และให้บริการฟรี สามารถมาใช้บริการได้ทุกวัย แต่ถ้าใครอยากยืมหนังสือ ใช้อินเตอร์เน็ต ต้องสมัครสมาชิกที่ราคาถูกมาก อายุต่ำกว่า 6 ปีฟรี 6-25 ปีเสียปีละ 50บาทส่วนอายุมากกว่า 26 ปีเสียปีละ 100 บาท ได้บัตรสมาชิกสวย ๆ มีรูปสวย ๆ หนึ่งใบ ใช้ผ่านเข้าออกด้วย
คุณบรรณารักษ์ใจดีทุกคน มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอด เด็ก ๆ และเยาวชนมาใช้งานพอควร ผู้ใหญ่และผู้สูงวัยก็เข้ามาอ่านหนังสือกัน เป็นบรรยากาศชวนอ่านครับ น่าติดตามและหลงใหลมาก
ผมไปเยือน (ไปสิง) เลยนำเรื่องราวและภาพสถานที่มาเล่าให้ฟัง ต่อไปนี้คงมีที่อ่านหนังสือใหม่ ที่สิงสถิตย์ใหม่ และประหยัดค่าหนังสือไปได้หลายบาทเลย สามารถไปขอรายละเอียด และอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่
TK Square Korat
line : tk.korat
email : info@tksquarekorat.com
044-242558
www.tksquarekorat.com
เช่นเคยครับ ไม่ได้ส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ต้องการให้ทุกคนหันมาอ่านหนังสือครับ

25 พฤษภาคม 2562

หนังสือที่อยากแนะนำให้อินเทิร์น

ตอนนี้น้อง ๆ หมอจบใหม่ได้ออกไปทำหน้าที่อันหนักหนาสาหัส ดูแลรักษาประชาชนไทยในทุกส่วนทุกภูมิภาคของประเทศ พี่คนนี้ขอเป็นกำลังใจ ส่งพลังให้น้อง ๆ จากรุ่นสู่รุ่น สายลมแห่งรุ่นพี่ส่งต่อความหวังดีถึงน้อง ๆ ด้วย ... คัมภีร์กันตาย !!
หนังสือที่อยากแนะนำให้อินเทิร์น พี่เคยผ่านมาก่อน ความต้องการของอินเทิร์นคือ ขอแบบใช้ได้จริง ทำได้เลย ไม่ต้องเยอะ ที่เยอะ ๆ เดี๋ยวไปอ่านทีหลังได้ขอหน้างานก่อน เพราะเป็นด่านหน้า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะหรือแพทย์ประจำโรงพยาบาลชุมชน
หมวดแรก คู่มือ ..คู่มือคือใช้ได้ง่าย เปิดหาเร็ว บอกสิ่งที่ต้องทำ ใช้ในการทำงานได้ดี ใช้อ่านทบทวนก็ได้ เนื้อหาสั้นกระชับ เล่มไม่หนา พกพาได้
1.คู่มือแพทย์เวร จะเป็นของสำนักใดก็ได้ แต่ที่ผมอ่านและใช้มาตลอดตั้งแต่เรียน มีการปรับปรุงให้ทันสมัยและยังใช้ได้อยู่เสมอ ครอบคลุมเนื้อหาทั้งห้องฉุกเฉินและห้องตรวจผู้ป่วยนอก ในทุกสาขาวิชา คู่มือแพทย์เวรของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แต่ก่อนเราเรียกว่า "เล่มทอง" เพราะหนังสือพกพาได้ ปกสีทอง เดี๋ยวนี้พิมพ์สวย กระดาษดี ราคา 400 บาท หาซื้อได้ทั้งที่ศูนย์จุฬา พีบี
2.washington manual of medical therapeutic เล่มนี้ถือว่าขึ้นหิ้ง คลาสสิกและทันสมัย ใช้ได้ตั้งแต่ฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ไอซียู โรคและเนื้อหาคร่าว ๆ การส่งตรวจและการรักษา มีเล่มนี้สามารถรักษาคนไข้เบื้องต้นได้เกือบทุกโรคทางอายุรศาสตร์ และอ่านทวนความรู้ยันสอบวุฒิบัตรเลย ตอนนี้เข้ามาถึงพิมพ์ครั้งที่ 36 แล้วนะราคาผ่านอเมซอน 71.24 ดอลล่าร์ ถ้าซื้อแบบอีบุ๊กคินเดิล 67 ดอลล่าร์ ในเล่มพิมพ์ผมค้นได้ที่ศูนย์จุฬา ราคา 2680 บาท ส่งทางไปรษณีย์ได้
3.beat the osce จากภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬา ราคา 120 บาทเท่านั้น บอกขั้นตอนการทำหัตถการที่สำคัญทางการแพทย์เพื่อสอบ แน่นอนสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีมาก เจาะข้อ เจาะปอด ใส่สาย ท่อช่วยหายใจ ขั้นตอนละเอียด ข้อควรระวังครบถ้วน ถือว่าดีมาก มีคำแนะนำคนไข้ด้วยนะ การให้คำปรึกษาต่าง ๆ สมควรมีอย่างยิ่ง
4.Pocket Medicine เล่มนี้จะกระชับมาก บอกโรคหรือภาวะ สาเหตุ อาการ ตรวจอะไร ส่งอะไร แปลอย่างไร รักษาอย่างไร เนื้อหาประกอบจะน้อยต้องไปอ่านเพิ่ม แต่ในการปฏิบัติงานถือว่าใช้ได้ เอาตัวรอดและกันตายได้ดีมาก ตอนนี้พิมพ์ครั้งที่ 6 ราคาประมาณ 50 ดอลล่าร์
5.คู่มือยาแบบพกพา จะได้เปิดหาชื่อ ข้อบ่งใช้ ขนาดยา การปรับยา ข้อห้าม ข้อควรระวัง และปฏิกิริยาระหว่างยา ผมแนะนำที่เป็นแบบพกพาสองปกคือ Gomella Clinician Pocket Drug Reference ปี 2016 ราคาคินเดิล 9.99 ดอลล่าร์ ที่ศูนย์จุฬากับพีบีน่าจะมีและราคาไม่แรงแล้ว เพราะออกหลายปี ต้องลองถามนะครับ อันนี้จะใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ได้ดี
ส่วนอีกปกคือ Tarascon Pocket Pharmacopia เป็นคู่มือยาแบบพกพาเช่นกัน แบ่งเป็นเล่มหนาหน่อยพกใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์ได้ ราคา 25 ดอลล่าร์ ส่วนอีกแบบจะบางกว่าเนื้อหาน้อย คัดมาแต่ยาที่ใช้บ่อย คือแบบ shirt pocket ใส่กระเป๋าเสื้อเชิร์ตได้ ราคาแค่ 13.30 ดอลล่าร์
หมวดสอง ตำรา อันนี้ต่างคนก็มีที่นิยมต่างกัน ตำราที่ใช้ตอนเรียนก็นำมาใช้ได้ ที่ผมแนะนำมีสองปกครับ
1.Current Medical Diagnosis and Treatment (CMDT) ที่บอกอธิบายโรคต่าง ๆ ให้เข้าใจแบบกระชับและนำไปใช้ได้จริง ไม่ละเอียดเหมือน Harrison แต่เน้นเอาไปใข้จริงหรือ Practical management มีครบทุกสาขาอายุรศาสตร์ครับ เล่มเดียวใช้ไปได้ทั้งโรงพยาบาล ปัจจุบันเป็นพิมพ์ปี 2019 ราคาที่ 2915 บาท หรือซื้ออเมซอนราคา 61.69 ดอลล่าร์ คินเดิลที่ 54.21 ดอลล่าร์ หากซื้อของปี 2018 หรือ 2017 ราคาจะย่อมเยาลงครับ พอใช้ได้ แต่อย่าให้ย้อนหลังเกิน 5 ปีนะครับ
2.ภาวะฉุกเฉินทางอายุรศาสตร์ เล่มหนึ่งและสอง ราคาเล่มละ 950 บาท โดยราขวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ครบถ้วนทุกภาวะที่ต้องเอาตัวรอด ด้วยบริบทที่ใช้ได้จริงในไทย ราชวิทยาลัย ฯ ทำมาให้ทุกคนทั่วประเทศได้ใช้ได้จริง หนังสือกระดาษอาร์ตมัน ปกแข็งสีทอง สวยมาก ซื้อได้ที่ศูนย์จุฬา พีบี หรือที่เว็บราชวิทยาลัย หรือใครจะใช้หนังสือภาวะฉุกเฉินทางอายุรศาสตร์ของโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ ก็ได้ แต่อาจต้องซื้อหลายเล่มเพราะจะไม่ครอบคลุมหมดแบบของราชวิทยาลัย ฯ ครับ
แค่นี้แหละพอแล้ว อย่าลืมว่าหนังสือมีไว้เป็นเพียงแนวทาง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสติปัญญาและวิจารณญานของเรา ในการรักษาคนไข้ให้เหมาะสมกับสภาพสังคมและเศรษฐานะครับ

พยาธิที่ถูกละเลย

พยาธิที่ถูกละเลย อ่านจาก update in infectious diseases 2019 ของสมาคมโรคติดเชื้อ โดย อ.ศิริลักษณ์ อนันต์ณัฐศิริ จากคณะแพทย์ มข. นำมาเล่าสู่กันฟังครับ
🐷🐷🐷พยาธิตืดหมู ยังเป็นพยาธิที่ซ่อนเร้นของจริง เกือบทั้งหมดไม่มีอาการครับ คนเราได้พยาธิจากการกินตัวอ่อนที่ฝังตัวในเนื้อหมู ถ้าโชคดีจะเห็นคล้ายเม็ดสาคู อีกทางคือกินไข่พยาธิที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ปนมากับผักสด น้ำไม่สะอาด หรือเราไม่ได้ล้างมือ เพราะพยาธิออกจากตัวหมูและคนทางอุจจาระมาปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
พยาธิอาจโตอยู่ในลำไส้ โตมาก ๆ หรือปริมาณมาก ๆ ก็อุดตันได้ แต่ที่อันตรายที่อาจไชผ่านลำไส้ไปเกิดโรคที่ต่าง ๆ เช่นที่ปอด ไปฝังตัวที่กล้ามเนื้อจุดต่าง ๆ หรือไปฝังตัวในสมองที่เรียกว่า neurocyticercosis เป็นสาเหตุอันหนึ่งของลมชัก เราสามารถตรวจพบการติดเชื้อได้จากการตรวจไข่พยาธิในอุจจาระหรือตัวพยาธิจากเนื้อเยื่อในร่างกาย
การป้องกันที่ดีคือทำสุก ล้างสะอาด ล้างมือ ถ่ายลงส้วม ส่วนการรักษาพยาธิในลำไส้ใช้ยา praziquantel หรือยา niclosamide แต่ในกล้ามเนื้อในสมองจะใช้ยา albendazole คู่กับยาต้นการอักเสบสเตียรอยด์ รวมทั้งยากันชักหากมีอาการชัก (จะกำจัดเมื่อมันยังไม่ตาย ยังไม่มีหินปูนมาเกาะ)
🌱🌱🌱 พยาธิใบไม้ เหมือนกันกับพยาธิตืดหมู ติดต่อจากการกินสัตว์น้ำไม่สุก โดยเฉพาะปลาน้ำจืดไม่สุกสำหรับพยาธิใบไม้ตับ ตัวสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งท่อน้ำดี และปูน้ำจืดไม่สุกสำหรับพยาธิใบไม้ปอด ควรกินส้มตำปูที่ใช้ปูสุกแล้ว การติดต่อบางส่วนมาจากพืชน้ำจืดที่ล้างไม่สะอาด การล้างอาหาร ล้างมือ กินสุก กินร้อน สำคัญมาก
ส่วนมากก็ไม่มีอาการอีกแล้ว หากพยาธิมากพออาจเกิดการอุดตันทางเดินน้ำดี ตัวเหลืองได้ หรืออาจลุกลามไปเป็นมะเร็งท่อน้ำดีได้ ส่วนพยาธิใบไม้ปอดก็จะมีอาการปอดอักเสบ ไอเป็นเลือด มีน้ำในเยื่อหุ้มปอดได้ การตรวจพบคือพบไข่หรือตัวในอุจจาระ จากเสมหะ หรือจากสิ่งส่งตรวจในจุดเกิดโรค ส่วนการรักษาพยาธิใบไม้ในตับและปอดใช้ยา praziquantel เป็นเวลาสามวัน อัตราการหายเกือบ ๆ 100% (สำหรับพยาธิ Fasciola ให้ใช้ยา triclabendazole)
การป้องกันที่ดีมากคือ การปรุงสุก ละเลิกความเชื่อเดิมที่ว่าใส่น้ำส้มสายชูหรือบีบมะนาวจะฆ่าเชื้อได้ ปูและสัตว์กระดองน้ำจืดต้องปรุงสุก พืชผักให้ล้างให้สะอาดครับ
 พยาธิปากขอ ต่างจากสองชนิดแรกอยู่สักหน่อยคือไม่ได้ติดต่อทางการกิน แต่พยาธิปากขอจะไชผ่านผิวหนังได้ ผิวหนังที่ถูกชอนไชเข้ามากสุดคือ เนื้อเยื่ออ่อน ๆ ระหว่างนิ้วเท้านั่นเอง เพราะเมื่อเชื้อออกจากไข่ที่ปนมากับอุจจาระจะอยู่ในสิ่งแวดล้อม รอคนเดินเท้าเปล่ามาถึงและชอนไชเข้าร่างกาย บางคนอาจเห็นรอยชอนไชได้ด้วย
พยาธิจะชอนไชผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปที่จุดที่ชอบที่สุดและก่อโรคในคนมากที่สุดคือ ลำไส้เล็ก การก่อโรคที่สำคัญคือใช้ปากตะขอของมันเกาะผนังลำไส้และดูดเลือดของเรา จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียเลือดทางเดินอาหาร ทำให้เกิดโรคโลหิตจากจากการขาดธาตุเหล็ก ปัญหาสำคัญของประเทศกำลังพัฒนา มีส่วนน้อยที่จะแพร่พันธุ์มากจนอุดตันลำไส้
เราสามารถตรวจพบไข่พยาธิในอุจจาระได้ ส่วนการรักษาจะง่ายกว่า เพราะเป็นพยาธิตัวกลมตายง่าย ใช้ยา albendazole หรือ mebendazole ครั้งเดียว สำหรับการป้องกันต้องสวมใส่รองเท้า ล้างมือให้สะอาด ลดการปนเปื้อน ล้างผักผลไม้ให้สะอาด
สุขอนามัยที่ดีจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้มากครับ
"ปัญหาที่ซ่อนเร้น แค่มองไม่เห็นไม่ใช่ไม่มี"