10 ตุลาคม 2567

บันทึกประสบการณ์ : เมื่อข้าพเจ้าเป็นนิวมอเนีย ... บทที่ 2

 บันทึกประสบการณ์ : เมื่อข้าพเจ้าเป็นนิวมอเนีย ... บทที่ 2

ย้อนอ่านบทที่ 1 ได้ที่นี่
กลางดึกคืนนั้น หนึ่งวันก่อนการวินิจฉัย
ผมรู้สึกตัวกลางดึก ไม่ใช่ว่ามีอะไรมาสะกิดหรอกครับ แต่รู้สึกแน่นจมูกและมีน้ำมูกไหล จนหายใจติดขัดและรู้สึกเปียกชื้นที่ริมฝีปาก เมื่อตื่นขึ้นมาก็เจ็บคอมาก ถึงตอนนี้ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่า ตัวเองน่าจะเป็นโรคติดเชื้อ เรียกว่าปฏิกิริยาของการอักเสบมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ผมรู้สึกไปเองว่าตัวอุ่น คราวนี้ไปวัดไข้ครับ 37.8 องศาเซลเซียส คราวนี้ยอมรับตัวเองแล้ว ไข้ เจ็บคอ น้ำมูก ปวดเมื่อยครั่นเนื้อครั่นตัว อาการเฉียบพลันในสองวัน ผมน่าจะติดเชื้อเข้าแล้ว
อ้าปากดูคอตัวเอง ส่องไฟฉาย พบว่าในปากและหลังคอบวมแดงเพียงเล็กน้อย ไม่มีจุดหนอง พยายามคลำต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอตัวเอง ต้องบอกว่าเพื่อน ๆ หมออย่าทำเลย จะเข้าข้างตัวเองว่าต่อมไม่โต แต่ผมก็คลำไม่พบ
ใช่แล้วผมกำลังหาหลักฐานตัวเองมาดูว่า ที่เราป่วย เป็นการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียทางเดินหายใจส่วนบนกันแน่ จะได้พิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ตามเกณฑ์การวินิจฉัยติดเชื้อแบคทีเรียในลำคอแบบง่ายที่เรียกว่า Modified CENTOR criteria แต่ปรากฏว่าน่าจะเอียงไปทางเชื้อไวรัส
คืนนั้นผมล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ กินยาเม็ดพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม หนึ่งเม็ด (ผมจะใช้ยาพาราเซตามอลขนาดต่ำก่อน ถ้าไม่ได้ผลจึงปรับตามน้ำหนักตัว) ปรับเอาหมอนมากองรวมกันที่หัวนอน แล้วนอนยกหัวเอียงสูงระดับ 40-45 องศาเลย เวลานอนหัวสูงมันหายใจโล่งขึ้น น่าจะเกิดจากสารคัดหลั่งไหลลงตามแรงโน้มถ่วงโลก และผ่านพ้นคืนนั้นไปได้อย่างกระสับกระส่ายและง่วงซึม
หนึ่งวันก่อนการวินิจฉัย : สงครามเริ่มกำเนิด
นับเวลามาประมาณชั่วโมงที่ 48 หลังจากเริ่มผิดปกติ ตื่นเช้ามาก็ตรวจสอบอาการตัวเองก่อน วัดอุณหภูมิกายได้ 37.6 องศาเซลเซียส ยังมีอาการเจ็บคอ หายใจขัด คัดจมูก และที่เริ่มมากขึ้นคือ เสมหะ .. สารคัดหลั่งที่เหนียวข้น สีเหลือง ออกมามากทีเดียว เรียกว่าไอแต่ละครั้ง เสมหะก็ออกมาโดยไม่ต้องออกแรงขาก ไม่ต้องสั่งน้ำมูก
ผมเริ่มมั่นใจว่าเราป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจแน่นอน การที่ไอมีเสมหะมาก โรคอาจจะเกิดที่ไซนัส โรคอาจจะเกิดที่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่างก็ได้ และสีเสมหะก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะติดเชื้ออะไร
เราควรตรวจแล้วล่ะ
หากใครไม่มีทรัพยากรและความเข้าใจ ผมแนะนำให้ไปตรวจที่สถานพยาบาลนะครับ แต่เนื่องจากผมเปิดคลินิกส่วนตัว อุปกรณ์เหล่านี้จึงพร้อมใช้เสมอ ผมตัดสินใจที่จะตรวจไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ nasal swab เพราะมีอาการมาไม่เกิน 48 ชั่วโมง หากป่วยจริงน่าจะยังมีประโยชน์จากการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เพราะเราก็มีอาการพอควร อายุอานามก็ไม่น้อย
ระยะเวลาภายใน 48 ชั่วโมงและมีอาการแบบนี้ การตรวจ nasal swab พอเชื่อถือได้ คงไม่ต้องถึงขั้นตรวจนับสารพันธุกรรม ทุกคนคงเคยตรวจด้วยตัวเอง เป็นการตรวจที่เสียวไส้มากเลย แหย่-แยง-ทะลวง-ควง-หมุน เล่นเอาน้ำหูน้ำตาทะลัก เช่นเคย เมื่อหยอดตัวอย่างลงหลุมทดสอบ ผมก็ไปชงกาแฟดื่มรอ นึกในใจขอให้ไม่เป็น เพราะไม่อยากเก็บตัว อยากออกไปลั้นลาตามประสาชายชราหน้าหนุ่ม
ผลการตรวจออกมาว่าไม่พบเชื้อ คราวนี้ผยองมากเลย น่าจะเป็นไวรัสตัวใดตัวหนึ่ง ที่ไม่มียาเฉพาะเจาะจงต้องรักษา และแน่นอนว่าแค่ประคับประคองอาการมันก็หายเองได้
ผมขโมยน้ำเกลือล้างจมูกจากคลินิกไปหนึ่งขวด แล้วขับรถไปตลาด …ใช่แล้วตลาด ผู้ป่วยไปตลาด
ขิงแก่หนึ่งถุง น้ำตาลทรายแดงหนึ่งถุง มะนาวห้าลูก ชาจีนอีกหนึ่งกล่อง นี่คือโอสถวิเศษของผมเพื่อทำน้ำขิงต้ม ชาน้ำขิง จิบเพื่อชุ่มคอ ขับเสมหะ เป็นสูตรสมุนไพรที่ใช้ประจำ ทำแบบใจเย็นมาก ไม่ค่อยกังวลแล้วเพราะคิดว่าคงเป็นไวรัสหวัดที่หายเอง จนหลงลืม…อาการไอที่มีเสมหะปริมาณมากไปเสียสนิท
ในทางการแพทย์หากเราไม่รวบรวมปัญหาสำคัญ (probelm list) ให้ครบถ้วน เราอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้
แต่ผมก็ยังไม่ได้ต้มน้ำขิง กลับมาถึงบ้านก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย การที่ไอและคัดจมูกตลอดคืน ทำให้นอนไม่สนิท ส่งผลทำให้ง่วง เหนื่อย และมานึกย้อนหลัง สิ่งที่เกิดน่าจะเป็นเพราะเริ่มเหนื่อย ทำให้ทำกิจวัตรเดิม เท่าเดิม แต่ต้องออกแรงมากขึ้นจนอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ได้มานั่งนับว่าตัวเองหายใจกี่ครั้งต่อนาที หายใจเร็วไหม แรงไหม ใช้กล้ามเนื้อคอช่วยหายใจไหม แต่เอ ถ้าขนาดนั้นก็น่าจะเหนื่อยรุนแรง (dyspnea) เราน่าจะเหนื่อยจริงแต่ไม่รุนแรง
อาการเหนื่อยมาชัดมากขึ้นในช่วงบ่ายที่กำลังต้มขิง รู้สึกว่าทำงานเท่าเดิมแต่ทำไมเหนื่อยขึ้น บวกกับเสมหะก็ยังออกมาไม่หยุด วินาทีนี้เริ่มคิดรวบรวม ไข้สองวัน อ่อนเพลีย เหนื่อยมากขึ้น ไอมีเสมหะมาก อาการเหมือนปอดอักเสบติดเชื้อ (pneumonia)
ปอดอักเสบติดเชื้อจากชุมชน (community acquired pneumonia) นับเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างในผู้ใหญ่ที่พบมากสุด ผมเองรักษาโรคนี้มานับไม่ถ้วน ท่องเกณฑ์ต่าง ๆ และวิธีการรักษาจนอยู่ในระบบอัตโนมัติของกล้ามเนื้อและไขสันหลังแล้ว คิดอยู่เสมอว่าเป็นโรคของผู้สูงวัย เราคงไม่เป็นโรคนี้หรือเราสูงวัยไปแล้วนะ
คืนนั้นผ่านไปไม่ราบรื่น เพราะไอ ตื่นบ่อย ซึ่งผมก็ยังทำตัวแย่ โดยการเล่น the legend of zelda : echoes of wisdom จนดึกดื่น
วันวินิจฉัย : The Judgement Day
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น