17 มีนาคม 2565

ปัญหาหลายประการจากการให้เลือดเยอะ

 ให้เลือด คือ การรับเอาเม็ดเลือด น้ำเลือด สารต่าง ๆ ในเลือดจากผู้บริจาคเข้าสู่ตัวเรา ปัจจุบันเราลดความจำเป็นของการให้เลือดลงมาก เพราะมีการรักษาอื่น ๆ ที่ปลอดภัยกว่าและประสิทธิภาพสูงพอ ๆ กัน เช่น การให้สารแข็งตัวเลือดชนิดสังเคราะห์ การให้ยาฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง

แต่อย่างไรก็ตามการรักษาหลายชนิดยังต้องให้เลือดอยู่ โดยเฉพาะการเสียเลือดเฉียบพลัน และถ้าต้องให้ปริมาณมาก ๆ จะพบปัญหาหลายประการจากการให้เลือดได้ครับ

แล้วให้เยอะ มาก ๆ มันวัดเกณฑ์ที่ตรงไหน เราวัดเกณฑ์โดยใช้ปริมาณเลือดทั้งตัวครับ ถ้าต้องให้เลือดมากกว่าปริมาณเลือดทั้งตัวใน 24 ชั่วโมง หรือให้มากกว่า 50% ของปริมาณเลือดทั้งตัวใน 4 ชั่วโมง อันนี้ถือว่าให้เยอะ (massive blood transfusion) แล้วปริมาณเลือดทั้งตัวนี้ คิดอย่างไร

มีหลายสมการครับ แต่ที่ได้รับความนิยมเพราะความแม่นยำสูงและง่ายคือ สมการของ Lemmens-Bernstein-Brodsky คือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม คุณด้วย {70 / รากที่สองของ (BMI/22)} และถ้าเราประมาณง่าย ๆ ว่า BMI เราก็ประมาณ 21-24 (หลายคนมองบน นี่ฉันผอมขนาดนั้นเลยรึ) ค่า BMI/22 น่าจะประมาณ 1 ดังนั้นเราจึงท่องและใช้ค่า blood volume คือ 70 x body weight (kg) ไงครับ

ถ้าเราคิดว่าทั่วไปหนัก 60 กิโลกรัม ค่า blood volume เท่ากับ 70 x 60 = 4200 mL ให้เลือดสี่ลิตรครึ่งในหนึ่งวันหรือประมาณ 15 ถุงต่อวัน ต้องเยอะมากนะครับ แล้วจะอาจจะเกิดอะไรบ้าง มาดูกัน

1. สารน้ำเกิน เพราะปริมาณเลือดในตัวเป็นภาวะพลวัติ เฮ้อ..ขอเรียก dynamic แล้วกัน คือมันไม่คงที่เลย การที่เราคำนวณตัวเลขใดเป็นตัวตั้งก็อาจให้เกินได้ ส่งผลทำให้ไตและหัวใจทำงานหนักเกินไปได้ครับ

2. องค์ประกอบในเลือดเกิน ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเลือด เกล็ดเลือด สารการแข็งตัว เพราะในเลือดมีองค์ประกอบหลายประการ บางทีขาดอย่างหนึ่งแต่เราเติมหลายอย่าง ไอ้ส่วนที่เกินจึงอาจเป็นผลเสียได้ครับ

3. อุณหภูมิกายลดต่ำเกินไป เพราะเมื่อต้องให้เลือดปริมาณมากจะต้องให้เร็ว เวลาที่เราจะต้องนำเลือดมาอุ่นให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายจึงน้อยลง ให้หลายถุงอุณหภูมิกายก็ลดลง ส่งผลให้การทำงานของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายบกพร่องครับ

4. โปตัสเซียมในเลือดสูงเกิน มักจะเกิดกับเลือดที่เก็บไว้นาน ใกล้ถึงวันหมดอายุ เม็ดเลือดจะเริ่มเสื่อมและแตกออก โปตัสเซียมในเซลล์จะออกมาในน้ำเลือด สูงมาก ๆ อันตรายครับ หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ต้องตรวจสอบบ่อย ๆ

5. ซิเตรตในเลือดเกิน เพราะการเก็บรักษาเลือดในถุงต้องใช้โซเดียมซิเตรต เมื่อให้มาก ๆ ซิเตรตในเลือดเกิน จะทำให้เลือดเป็นด่าง และแคลเซียมในเลือดต่ำลง แคลเซียมในเลือดต่ำมากการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจและผิดปกติ อาจต้องให้แคลเซียมเสริมเข้าไปด้วยครับ

6. สารการแข็งตัวของเลือดลดลง (โดยสัดส่วน) หลายครั้งที่เราให้เม็ดเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดเข้มข้น จะไม่มีสารการแข็งตัวเลือด พอให้มากเข้า สัดส่วนสารแข็งตัวเลือดต่อปริมาณน้ำเลือดมันลดลง อันนี้ก็ทำให้เลือดหยุดยากได้ แก้ไขโดยการเติมสารแข็งตัวเลือดเข้าไปเพิ่มเมื่อจำเป็น

7. การบาดเจ็บต่อปอด (transfusion related acute lung injury ) เป็นปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันตัวเองต่อเม็ดเลือดขาวที่ให้เข้าไป เกิดเป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่ปอดได้ แม้ไม่ขึ้นกับปริมาณการให้เลือด แต่ถ้าให้ปริมาณมาก โอกาสเกิดจะสูงตามไปครับ

8. การติดเชื้อจากการให้เลือด แม้จะพบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก แต่ถ้าให้มากเข้ามันก็เพิ่มได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสซีเอ็มวี หรือไวริออนของโรคครูซเฟลด์-เจค็อบ (วัวบ้า)

"ให้เลือดเยอะต้องระวัง
ถ้าให้ตังค์เยอะคงจะดี"

อาจเป็นรูปภาพของ แว่นกันแดด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น