21 พฤศจิกายน 2564

Mary Ann acromegaly

 คือหัตถาครองพิภพ

ความรักของแม่นั้น สุดแสนยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ และเปี่ยมพลัง เราลองมาอ่านเรื่องราวของคุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า  ugliest woman

Mary Ann เป็นหญิงสาวชาวอังกฤษ เกิดเมื่อปี 1874 ในยุคสมัยที่ยังไม่มีความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชนมากนัก เธอเติบโตมาอย่างสมวัยและจัดว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว มีเสน่ห์และคนรุมรัก เธอก็ใฝ่ฝันอยากจะมีความสดสวย มีครอบครัวและสามีที่ดี เหมือนอย่างหญิงสาวในยุคนั้นทุกคน

แมรี่ แอนน์ เลือกเรียนพยาบาลและประกอบอาชีพพยาบาล เธอพบรักและแต่งงานกับชายหนุ่มแสนดีตอนที่เธออายุ 28 ปี ชีวิตครอบครัวดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ยากจน เธอมีลูก 4 คน

งานของคุณแม่นั้นแสนลำบาก เธอเริ่มปวดหัวเรื้อรัง สายตาเริ่มมีปัญหา ปวดเมื่อยตามตัวบ่อยมาก แต่หัวอกแม่ ก็อดทนทำงานเพื่อลูกอิ่มท้องและมีความสุข

แต่ไม่นาน ความสุขนั้นก็หายไป

11 ปีหลังจากรักกันและอยู่ด้วยกัน Thomas Bevan สามีที่แสนดีของเธอก็เสียชีวิต ทำให้ภาระอันหนักอึ้งในการรับผิดชอบครอบครัวตกอยู่กับเธอ เธอปากกัดตีนถีบ ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสุขสบาย โดยสุขภาพตัวเองเริ่มทรุดโทรมลง

หลังจากสามีจากไปไม่นาน สภาพร่างกายเธอเริ่มเปลี่ยนไป ใบหน้าเธอเริ่มใหญ่ขึ้น มือเท้าขยายขนาด เสียงเปลี่ยน กล้ามเนื้อโตขึ้น เธอป่วยเป็นโรค acromegaly มีฮอร์โมน growth จากต่อมใต้สมองหลั่งออกมามากเกินไป ฮอร์โมนที่สำคัญในการเติบโตนี้ หากมีมากเกินในช่วงเจริญเติบโต คนนั้นจะสูงผิดปกติ ร่างกายใหญ่ยักษ์เรียกว่า gigantism แต่ถ้ามาเกิดหลังจากที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ร่างกายจะขยายออกไม่สมส่วน เรียกว่า acromegaly

เปลี่ยนจากสาวสวยในวันนั้นกลายเป็นผู้หญิงที่รูปร่างไม่สวย สังคมยุคนั้นใช้คำว่า 'freak' กับเธอ ด้วยสภาพทางกายภาพที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงาน เพียงเพราะสิ่งที่เขามองเห็นด้วยตาเท่านั้น แมรี่ แอนน์ บีแฟ่น ยังสามารถทำงานได้ดี และต้องการเงินไปดูแลครอบครัวของเธอ แน่นอนเธอทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ จากการที่สังคมประนามเธอเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่นั่นไม่สามารถหยุดความพยายามของเธอได้

ทรัพย์สินที่ร่อยหรอลง แมรี่ แอนน์ ตัดสินใจเข้าประกวด 'สุภาพสตรีที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก' และได้รับรางวัลชนะ เงินรางวัลนั้นช่วยต่อชีวิตลูก ๆ ของเธอต่อไปได้ระยะหนึ่ง แลกมากับความทุกข์ใจที่ต้องฝืนทน กล้ำกลืนทุกวัน กับสื่อมวลชน กับการนำเสนอข่าว สุภาพสตรีที่ขี้เหร่ที่สุด ของเธอ แถมยังไม่มีงาน ไม่มีนายจ้างรับเธอเข้าทำงานมากขึ้นด้วย

แมรี่ ตัดสินใจต่อสู้เพื่อลูกโดยอาศัยรูปลักษณ์ที่ผิดปกติของตัวเองใช้ทำมาหาเลี้ยงชีพ โดยเข้าร่วมคณะโชว์ Coney Island Dreamland Show เพื่อให้ผู้คนเข้ามาดูเธอ และเธอต้องออกเดินทางไปรอบโลกเพื่อแสดงโชว์ อดทนเพื่อแลกกับชีวิตที่ดีกว่าของลูก

จากการทำงานที่ถือว่าเธอต้องทุกข์ตรมอย่างมาก แต่ก็ทำให้เธอสามารถส่งลูกเรียนและมีชีวิตที่ดีตามอัตภาพ ทำให้เธอได้เรียนรู้โลกของคนเช่นเธอ ที่ต้องอดทน ระทมทุกข์ เพราะร่างกายที่ผิดปกติแต่ต้องมาแสดงโชว์ร่างกายตัวเอง ไม่ว่า แฝดสยาม คนตัวเตี้ยผิดปกติ คนตัวใหญ่ คนที่อวัยวะเกิน มันทำให้เธอแกร่งขึ้น และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ เพื่อลูกของเธอ

สิบกว่าปีที่เธอไปโชว์ โลกเริ่มรู้จักโรค acromegaly และวิธีรักษา โลกเริ่มรู้ว่าผู้ป่วยโรคนี้มีความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ จึงเริ่มมีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน ให้เลิกล้อเลียน เลิกเรียกชื่อ ugliest ให้เลิกปฏิบัติแตกต่างเพียงแค่ใครที่รูปร่างผิดปกติไป และ แมรี่ แอนน์ บีแฟ่น ก็ยินดีเป็นกรณีศึกษาและนำรูปของเธอไปรณรงค์เพื่อลดการปฏิบัติอย่างแตกต่างของกลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มโรค acromegaly

ด้วยการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี หากไม่ได้รับการรักษา แมรี่ แอนน์ บีแฟ่น ได้ล้มป่วยหนักและกลับอังกฤษ เธอจากไปด้วยวัย 59 ปี เธอได้สั่งลูก ๆ ของเธอว่า ขอให้พาเธอกลับมาที่แผ่นดินแม่ หลังจากที่เธอตาย ปัจจุบันหลุมศพเธอตั้งอยู่ที่ Brockley Cemetary ที่อังกฤษ และยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการต่อสู้และความหวังของผู้ป่วย acromegaly ในปัจจุบัน

รวมถึงเป็นตำนานของแม่ผู้เสียสละ แม่ผู้ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา แม่ผู้อดทนยอมให้ลูกสบายบนความทุกข์ทนของร่างกายตัวเอง

Rest In Peace , Mary Ann Bevan , the Great

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ผู้คนกำลังยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น