03 ตุลาคม 2564

มาอ่านประสบการณ์ 'เข้าผับ' ของลุงเชย เอ้ย ลุงหมอ กันนะครับ ตอนที่สอง

 มาอ่านประสบการณ์ 'เข้าผับ' ของลุงเชย เอ้ย ลุงหมอ กันนะครับ ตอนที่สอง

หลังจากที่โดนเพื่อนกล่อมเข้าร้านรู้ทเรียบร้อยตั้งแต่หัวค่ำ นั่งฟัง นั่งดู จนดึก ถามว่าเมาไหม คำตอบคือไม่เมาครับ รู้ตัวดีว่าถ้าดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปก็จะมึนและหลับ แก้วเบียร์ที่เพื่อนรินให้ตั้งแต่แรกจนเลิก หมดไปประมาณ 10 ซีซีได้ ที่เหลือคือซดน้ำเปล่า (มารู้ทีหลังว่า น้ำแข็ง น้ำเปล่า โซดา แพงมาก) และกับแกล้มที่เพื่อน ๆ รุมประนามว่า เปลืองอิ๊บอ๋าย

แค่นั่งดูสาว ๆ เฉย ๆ ผมก็เรียกว่าวูบวาบแล้ว มาถึงตอนที่เพื่อนสองคนบอกว่าไป 'ทัวร์' กันยิ่งวูบวาบไปใหญ่

ทัวร์ คือ เดินไปทั่ว ๆ ร้านนี่แหละครับทั้งชั้นหนึ่ง ชั้นสอง หน้าร้าน วัตถุประสงค์คือไปส่องสาว ๆ นี่แหละครับ แต่ด้วยความที่ร้านมันแน่นมาก การเดินก็ต้องเบียดกันไปเหมือนเราเบียดจะลงรถเมล์ตอนรถแน่น ไปได้ทีละคืบทีละศอก ร่างกายมันก็ต้องสัมผัสกันเป็นธรรมดา แต่ที่มากไปกว่าบนรถเมล์คือ ผิวสัมผัสที่นี่ออกจะเรียบเนียนกว่า เพราะเสื้อผ้ามันหดสั้นนั่นเอง

มันก็คงมีทั้งเจตนาและไม่เจตนาเสียดสี เจตนาและไม่เจตนาชมความงาม ก็เดินไปทั่วร้านแหละครับ วนออกด้านหน้า (ต้องปั๊มมือก่อนออกด้วย ก็ไม่รู้จะปั๊มทำไม ไม่เห็นมีใครดู) มาเที่ยวกันเป็นกลุ่มหนุ่มล้วน สาวล้วน คู่ผสม แต่ละคนดูสนุกเต็มที่ คนแน่นกระทั่งบนบันไดก็มีคนจับจองที่ยืนกัน

ส่วนตัวผมไม่กล้า 'โดน' คนอื่นมากนักครับ กลัวถูกด่า กลัวถูกตบ ร้ายกว่านั้นคือถ้าเขามาเป็นกลุ่มอาจโดนตื้บได้ เดี๋ยวเจอไอ้ปื้ดและพรรคพวกจะแย่ เพราะผมไม่รู้จักพ่อเขา ชอบมาถาม "รู้ไหมกูลูกใคร"

ด้านนอกจะไฟสว่างกว่า สิ่งที่สังเกตได้คือ จำนวนขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละโต๊ะเยอะมาก บุหรี่ ควันบุหรี่อบอวล มีทั้งนั่งดื่ม และยืนเต้นท่ามกลางคนรุมล้อม ผมเข้าใจว่าหากใครต้องการมา 'โชว์ของ' น่าจะอยู่ด้านหน้ามเพราะคนเดินผ่านมากและไฟสว่างกว่า

ทัวร์เสร็จก็มานั่งที่โต๊ะ ปรากฏว่าเก้าอี้หายไปหนึ่งตัว แต่ก็ไม่มีใครโวยวายอะไร ทุกคนก็ยืนเต้นอย่างสนุก ส่วนผมเต้นไหม กรึ่มไหม มันจะไปกรึ่มได้อย่างไร ดมแอลกอฮอล์ทั้งคืนมันก็ไม่เมาไม่กรึ่มครับ แต่ก็มีขยับร่างกายตามเพลงนั่นแหละ

สมัยนั้นผมพอฟังเพลงที่สมัยนิยมอยู่บ้าง ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังฟังเพลงเหล่านั้นอยู่ ต้องขอยอมรับว่าเจ้าพนักงานเปิดเพลง สามารถเปิดเพลงได้อารมณ์อย่างต่อเนื่องและเร้าอารมณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ดีจริงครับ แถมยังชวนลูกค้าในร้านสนุกสนานได้มากเลย เลือกเพลงได้เหมาะสมกับจังหวะการเล่นกับลูกค้าอีกด้วย ประโยคที่ได้ยินบ่อยมากคือ "ไหนใครโสดยกมือขึ้น" ยกมือกันพรึ่บทั้งร้าน ทั้ง ๆ ที่มากับแฟนทั้งนั้น แล้วก็ขึ้นเพลงเกี่ยวกับคนโสด คนโดนทิ้ง ขึ้นมาเลย

สมัยนั้นกระแสเพลง อัลเทอร์เนทีฟร็อค มาแรงครับ โมเดิร์นด๊อกนี่ตัวพ่อเลย มันมากกับ..บุษบา

และแล้วก็มาถึงการ..เข้าห้องน้ำ ได้ยินคำร่ำลือมานานแล้วว่า จะได้จะต่อกันก็หน้าห้องน้ำ ดักรอก็หน้าห้องน้ำ จะไปดูสักหน่อย และที่สำคัญนวดคอสับคอมันมีจริงไหม

ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านเขาไม่เก็บสถิติคนมาใช้บริการหรือไง ห้องน้ำถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนคน ท่านชายคงไม่ยาก รูดหยิบปล่อยสะบัดเก็บ แต่สุภาพสตรีนี่ยืนคอยกันเลยทีเดียว และนี่น่าจะเป็นโอกาสทองของบรรดาหนุ่ม ๆ ที่สาวเจ้าจะแยกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน จะขอเบอร์ก็ตอนนี้ ตอนนั้นไม่มีไลน์ ไม่มีเฟซ ไม่มีไอจีนะครับ โทรศัพท์มือถือก็หรูมากแล้ว ผมยังใช้เพจเจอร์อยู่เลย แต่ผมก็ไม่เห็นใครมาขอเบอร์กันหรือมาเจรจากันที่นี่ มีแต่คนตั้งใจจะมาปล่อยทุกข์ทั้งนั้น

กลิ่นประจำห้องน้ำ ไม่ใช่กลิ่นของเสีย แต่เป็นกลิ่นบุหรี่ครับ แรงจนกลบกลิ่นฉี่ได้เลย หน้าห้องน้ำก็อย่างกับหนังฮ่องกง ในสถานีตำรวจฮ่องกงในหนัง ควันคลุ้งแบบนั้นเลย

จังหวะที่ผมเข้าห้องน้ำ คนเยอะครับ โถฉี่ยังต้องต่อคิว และไม่เห็นการนวดคอสับคออย่างที่อยากไปดู ไม่รู้ว่ามันไม่มี หรือ ผมไปไม่ตรงจังหวะ แต่จริง ๆ ถือเป็นไอเดียที่เด็ดนะครับ คนดื่มเครื่องดื่มตลอดสี่ห้าชั่วโมง ก็ต้องมารวมกันจุดนี้แหละ จะขายตรง จะนวด จะสับ จะบีบ ตรงนี้แหละการจราจรหนาแน่น

อ้อ...ไม่ทราบในห้องน้ำสุภาพสตรีเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะให้อีเจ๊ซูซี่ไปสืบมาให้นะครับ

สมัยนั้นผับบาร์คาราโอเกะปิดเวลา 02.00 ครับ ตอนที่พวกเรากลับน่าจะเป็นช่วงพีคสุด ประมาณห้าทุ่ม สาเหตุที่กลับก็เพราะผมนี่แหละ ..ง่วง อีกอย่างทุกคนก็มีธุระในตอนเช้าอีกด้วย

แต่กว่าจะหาแท็กซี่กลับได้ ก็นานพอสมควร โชคดีที่เราทั้งห้าคนไม่มีใครเมาจนต้องหาม ไม่มีใครคายแก้ว จริง ๆ แล้วพวกผมห้าคนนี้ไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์กันครับ สาเหตุตอนนั้นคือเปลือง ก่อนจะแยกย้ายกลับ เราไปแวะที่เยาวราชเพื่อกินข้าวต้ม (อีกแล้ว) ขอบอกว่าจับฉ่ายต้มและยำไข่เค็มอร่อยมาก

เพื่อน ๆ ก็ถามว่า รู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไร สาว ๆ สวยไหม (ต้องเข้าใจ บทสนทนาในหมู่ชายล้วนนิดนึง) ผมก็บอกไปตามตรงว่า ก็ไม่ได้ต่างจากที่เคยรู้เคยฟังมา ยินดีที่ได้ไปเห็น บรรยากาศสนุก แต่ก็ไม่ได้ชอบ มันวุ่นวาย ก็คงไม่ไปอีก หลังจากนั้นก็หันหลังให้วงการ เข้าแต่ร้านลาบ ฟังเพลงเพื่อชีวิต และเช่นเคย จิบเบียร์ปริมาณรวมปีละ 2 กระป๋อง แต่ตอนนี้เลิกแอลกอฮอล์ทุกชนิดมา 4 ปีแล้ว

ถ้าเห็นผู้ชายใส่เสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้านันยาง นั่งร้านลาบ เปิดเพลงคาราบาว สั่งลาบเป็ด ตับย่าง และกระดกจับเลี้ยง ... รับรอง ไม่ผิดตัวครับ

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น