01 กันยายน 2562

ย้อนอดีต ศิริราช สามารถเติมพลังใจ

ย้อนกลับไปไม่กี่สิบปีก่อน ณ ที่ท่าน้ำศึริราชแห่งนี้ มือท่านผู้บริหารสูงสุดและแพทย์รุ่นพี่ของคณะแพทย์ได้ดึงมือชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นมาจากเรือ มือที่อบอุ่นและอ่อนโยน และเมื่อก้าวขึ้นมาที่ท่าศิริราชแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นได้เข้าสู่ความเป็นพี่น้องแห่งสถาบันเก่าแก่ดังคำกล่าว "เมื่อเจ้าก้าวขึ้นท่า เจ้ากับข้าพี่น้องกัน"
ผู้คนยังหนาแน่น แออัดทั่วทุกบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลายพื้นที่ของโรงพยาบาลปิดปรับปรุงพื้นที่ ตึกสูงและอาคารทันสมัยมากมายเป็นภาพที่แตกต่างจากที่เขาเข้ามาสู่รั้วสถาบันแห่งนี้ครั้งแรก ตึกเรียนเก่าแก่หลายตึกได้รับการปรับปรุงบูรณะให้เหมาะสมกับกาลเวลา ตึกสูติกรรมที่เขาถือกำเนิดและวันเวลาได้สร้างความมหัศจรรย์ โดยให้มาฝึกทำคลอดที่ตึกแห่งนี้ในอีกยี่สิบกว่าปีให้หลังตึกนั้นได้เปลี่ยนเป็นอาคารเรียนอันทันสมัย โอ่อ่า
แต่กลิ่นอายแห่งบ้าน แห่งโรงเรียน มนต์ขลังที่เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปยังเหมือนเดิมตลอดมา
ชายหนุ่มคนเดิมคนนั้นเดินช้า ๆ ไปตามทางเดินอันงามสง่าใจกลางโรงพยาบาล สถานที่ตั้งศูนย์รวมใจโรงพยาบาล พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ยามเช้าที่แสงแดดไม่ร้อนจัด ชายหนุ่มคนนั้นนั่งคุกเข่า ยกมือขึ้นประนม เป็นภาพเดิมที่เขาเคยถวายบังคมเมื่อครั้งรับน้องข้ามฟาก ใจอันสงบเยือกเย็น พลังกายและใจได้กลับคืนสู่ร่างกายชายหนุ่มอีกครั้ง
เลยขึ้นไปนั้นบนศาลาศิริราช 100 ปี พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ชายหนุ่มได้ขึ้นไปถวายสักการะ และนั่งนิ่งอยู่เกือบสิบนาที
จากลานพระบิดามาจนถึงที่ศาลา 100 ปี เหมือนมีพลังงานมหาศาลที่ไหลเข้ามาในร่างกายชายหนุ่ม เข้ามาเติมพลังใจให้สู้ต่อ ให้ทำประโยชน์กับผู้คนต่อไป เป็นวงเวียนที่เมื่อหลายสิบปีก่อน ผลประกาศสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ได้มาติดประกาศที่นี่ วันนั้นชายหนุ่มมาถึงเป็นเวลาค่ำมากแทบไม่มีใครอยู่ที่ศาลานั้น ภาพเด็กนักเรียนมัธยมที่เดินมาจากท่าพระจันทร์เข้ามาเงียบ ๆ คนเดียว เพื่อแวะมาตรวจสอบความ "ฟลุ๊ค" ที่อาจเกิดขึ้น และโชคก็มีอยู่จริง
การกลับมาจุดเริ่มต้น ย้อนกลับมาสถานที่ที่ปลูกฝังความตั้งใจและเจตนารมย์อันแรงกล้า จะช่วยคืนความรู้สึกอ่อนล้าได้อย่างน่ามหัศจรรย์ และด้วยวัยกับประสบการณ์ที่ผ่านมาคุณจะได้พลังมหาศาลที่พลุ่งพล่าร้อนแรงเช่นเปลวเพลิงแต่สงบนิ่งลุ่มลึกดังขุนเขา
ชายหนุ่มเดินลาจากไป ออกจากอาคารเก่าแก่แล้วเลี้ยวขวา ผ่านคณะพยาบาล วันนี้หรือวันไหนรถราก็พลุกพล่าน มุ่งหน้าสู่ประตูใหญ่ ท่าน้ำวังหลังและตลาดวังหลัง สภาพตลาดเปลี่ยนไปมาก ร้านรวงต่าง ๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ร้านกาแฟและร้านไอศกรีมขนาดใหญ่ตั้งหน้าโรงพยาบาล แผงลอยร้านค้าได้ถูกยกและรื้อออกไปหลายส่วน แต่ไม่ได้ทำให้ความคึกคักของตลาดลดลงเลย
ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของ สินค้าราคาถูกและหลากหลายเช่นเดิม คนที่เดินทางผ่านไปมา บรรดาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่รายได้น้อยเมื่อเทียบกับงานที่หนักหนา อาศัยตลาดแห่งนี้หล่อเลี้ยงชีวิตได้เสมอมา ร้านอาหารเก่าที่เขาเคยมานั่งกินนั้น หลายร้านปิดตัวลงไป หลายร้านยังอยู่ ชายหนุ่มนั่งกินข้าวที่ร้านบะหมี่หมูแดงเจ้าเดิม เดินผ่านร้านขนมปังเจ้าเดิม ที่กลิ่นยังหอมหวนชวนซื้อเหมือนเดิม ขนมต้มแดงหนึ่งถุงราคา 15 บาทจากเดิมที่เขาเคยซื้อถุงละ 10 บาท ชายหนุ่มเปิดถุงที่มัดด้วยยาง ใช้มือบีบก้อนแป้งกลม มะพร้าวขูดที่อาบไส้น้ำตาลแดงหวานกลมกล่อม ส่งเข้าปากทั้ง ๆ ที่ยังเดินเที่ยว เคี้ยวตุ้ย ๆ คำแล้วคำเล่าจนหมดถุง เขาเดินกินเหมือนเด็กเหมือนกับที่เขาเคยทำเป็นประจำครั้งยังใข้ชีวิตอยู่ที่นี่
การกลับมาย้อนเวลามันช่างคืนหัวใจได้ดีจริง ๆ แต่เวลาที่ผ่านไป ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งหอมหวานเท่านั้น เรื่องราวในอดีตหลายเรื่องพร่างพรูออกมาจากความคิดเมื่อเห็นสถานที่เดิม สถานที่จริง
ท่าน้ำพรานนก ชายหนุ่มยืนรอเรือด่วนเจ้าพระยา ผู้คนมากมายยืนรอเช่นกัน สายตาแต่ละคนกระวนกระวายและเร่งรีบ หลายคนทอดสายตาไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งตรงข้าม สายน้ำเจ้าพระยาได้เป็นเส้นทางการเดินทางตลอดที่เขาเรียนหนังสือที่นี่ ทั้งข้ามฝั่งและล่องตามลำน้ำ รวมทั้งความทรงจำอันเลวร้ายของท่าน้ำนี้ที่ครั้งหนึ่ง เหตุการณ์โศกนาฏกรรมโป๊ะเรือท่าน้ำพรานนกล่ม มีผู้เสียชีวิตมากมายใต้ผืนน้ำที่ตำแหน่งนี้
เส้นทางเรือด่วนจากท่าพรานนกถึงท่าสาทร ในวันนี้เปลี่ยนไปมาก อาคารตึกรามที่อยู่ริมน้ำแสดงตัวอวดความงามมากมายตลอดสองฟากฝั่ง กองทัพเรือที่สวยงามและยิ่งใหญ่ เมื่อชายหนุ่มหลับตาลง เรื่องราวของการก่อกบฏเหนือสายน้ำ การแย่งชิงอำนาจการเมือง เครื่องบินรบของไทยที่พุ่งมากระหน่ำยิงทิ้งระเบิดเรือรบไทยด้วยกันเอง ที่หน้ากรมอู่ทหารเรือแห่งนี้
ผ่านท่าเตียนที่ปัจจุบันเป็นอาคารสวย เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาและจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ แต่พอหลับตาลง ภาพที่ผุดขึ้นคือพระเพลิงที่โหมกระหน่ำบริเวณนั้นจนราบเตียน ตามชื่อของท่า
เมื่อเรือมาถึงฝั่ง ชายหนุ่มก้าวขึ้นท่า ก้าวที่ขึ้นจากเรือเป็นสิ่งที่สอนเราว่า ทุกขณะจิตที่เราหายใจ ที่เราดำเนินชีวิต หากเราหลับตาและคิดแต่ถึงอดีตที่แก้ไขไม่ได้ ชีวิตเราจะหม่นหมองเพียงใด แต่ถ้าเราเก็บอดีตเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ หยิบเอาข้อคิดที่ปรับปรุงเราได้ แล้วลืมตา
เราจะเห็นหนทางใหม่ เราจะเห็นปัจจุบัน เราจะเห็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ เมิ่อเราก้าวขึ้นจากแม่น้ำแห่งอดีต เราจะก้าวทางข้างหน้า ทางที่เราจะเลือกได้ว่าจะให้มันเป็นสายน้ำแห่งความเศร้าหมอง หรือจะเดินขึ้นรถไฟฟ้า สลัดตัวเราคนเก่าและเปลี่ยนตัวเราให้เป็นคนใหม่ที่ทรงพลัง เฉียบคม รอบคอบ และก้าวไกล
คุณเลือกได้ คุณรำลึกอดีตเพื่อก้าวไปข้างหน้าได้ ผมทำได้คุณก็ทำได้เช่นกัน
รัก
ชายชราหน้าหนุ่ม ที่หนุ่มขึ้นและสดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น