07 ตุลาคม 2561

แนวโน้มการรักษาในอนาคต

นาน ๆ ทีจะเขียนวิเคราะห์ทิศทางในอนาคตสักที : แนวโน้มการรักษาในอนาคต
หากใครติดตามแนวทางการรักษาโรคเรื้อรังและโรคอันตรายต่าง ๆ เราจะพบการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงห้าหกปีมานี้ คือการรักษาโรคเรื้อรังจะเน้นไปที่การควบคุมโรคในปัจจุบันและการป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ส่วนโรคร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นเอดส์ มะเร็ง จะเน้นการป้องกันและรักษาเร็วขึ้น
1. การรักษาโรคเรื้อรังในปัจจุบันจะมีการคิดคำนวณความเสี่ยงมาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ และการรักษานั้นจะครอบคลุมไปถึงการลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในอนาคตด้ว...ย เพราะเราศึกษาจนทราบว่าการควบคุมแค่ปัจจุบันให้ดี ไม่พอแล้ว เช่นการควบคุมหอบหืด ไม่ให่แค่รักษาอาการให้ดี โรคสงบ แต่ต้องรักษาเพื่อลดอาการอักเสบเรื้อรังที่จะทำให้หลอดลมเปลี่ยนสภาพถาวรด้วย
2. การรักษาในอนาคตจะมีการควบคุมที่ยาวนานขึ้น เพราะเราอายุยืนขึ้น เทคโนโลยีการรักษาทำให้ตายน้อยลง เราจึงต้องให้การรักษาเพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดในภายภาคหน้าแบบยาวนานขึ้น เช่น การให้ยาลดไขมัน เราจะให้กินไปตลอดเมื่อถึงเกณฑ์ที่จำเป็นต้องกิน
3. การรักษาในอนาคตจะออกแบบเฉพาะแบบมากขึ้น ตามแต่สภาพโรคที่เป็น โรคร่วมที่พบ การรักษาหนึ่งอย่างจะครอบคลุมมากขึ้น เช่นการให้ยารักษาเบาหวานในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจแล้ว ข้อมูลจะบ่งชี้ไปยาตัวใดตัวหนึ่ง จากเดิมที่เป็นเบาหวานเราก็ให้ยาแบบเดียวกันทุกคนเพียงเพื่อลดน้ำตาลเท่านั้น
4. การรักษาในอนาคตจะมุ่งเป้าที่จุดก่อโรคมากขึ้น จะมีการใช้ลักษณะเฉพาะแต่ละบุคคล พันธุกรรมและยีน เข้ามาในทุก ๆ การรักษา เช่นการให้ยาลดกรดยูริกที่จะต้องดูความเสี่ยงแพ้ยาในแต่ละคน หรือ การรักษามะเร็งจะมุ่งเป้าไปที่เซลล์ที่เกิดเรื่องเท่านั้น
จากข้อหนึ่งถึงสี่ ทำให้เราต้องพัฒนายาและวิธีรักษามากขึ้น แม้ว่าข้อมูลแห่งการศึกษาจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิต อัตราความพิการจากโรคได้มาก และผลข้างเคียงน้อยมาก แต่มาด้วยราคาค่ารักษาที่สูงมาก
5. เราจะตรวจโรคก่อนมีอาการได้มากขึ้น เพราะแก้ไขตั้งแต่ต้นจะดีกว่า ง่ายกว่า ตัวอย่างที่ดีคือการคัดกรองมะเร็งที่แม่นยำขึ้น ทำให้เราเจอมะเร็งระยะต้น ๆ ได้มากขึ้นจัดการได้เร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายในการตรวจป้องกันน้อยกว่าค่ารักษาข้างบนมาก ๆ
6. เราจะทำการรักษาเชิงรุกมากขึ้น เพื่อลดการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะมันสายเกินไป เช่นเราจะลงไปตรวจการติดเชื้อเอชไอวีในชุมชนเพื่อหาคนติดเชื้อแล้วให้ยาเพื่อลดอันตรายให้คนนั้นและลดคนที่จะติดเชื้อเพิ่มเนื่องจากคน ๆ นั้นไม่รู้ตัวและแพร่เชื้อต่อไป
ข้อห้าและหก ทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง การลงทุนเพื่อป้องกันแม้ผลจะไม่ชัดเจนเท่าการรักษา แต่ว่าคุ้มค่ากว่าทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสาธารณสุขและด้านจิตใจ
7. การรักษาแบบผู้ป่วยนอกจะมากขึ้น เพราะง่ายกว่าสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก ไม่เสียเวลาและการงาน อนาคตจะมีการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะโรครุนแรงหรือการรักษาแบบที่ต้องทำหัตถการเท่านั้น
8. เทคโนโลยีต่าง ๆ artificial intelligence, big data, telecommunications, mobile technology จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์และชีวิตประจำวัน
ข้อเจ็ดและแปด ทำให้เราจัดการโรคต่าง ๆ ได้แม่นยำ เร็ว สะดวกและใช้ทรัพยากรคนน้อยลง
ตอนนี้แนวโน้มต่าง ๆกำลังเกิดขึ้น ในอีกไม่เกิน 5 ปี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะชัดเจนเป็นรูปธรรม ใครตามไม่ทันจะตกยุคทั้งหมอและคนไข้
สงสัยต้องลงเล่นการเมืองเสียแล้วสิเรา ตอนนี้มีลุง... อนาคตอาจมีลุงหมอ สังกัด พรรคผ่อนนอนหลับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น