28 ตุลาคม 2561

ย้อนอดีต คอมพิวเตอร์

ก่อนนอนคืนนี้ผมมาเล่าบ่นประสบการณ์ที่ผมเชื่อว่าทุกคนก็เคย ... ใครอ่านแล้ว มาเล่าต่อ ๆ กันได้ครับ
แอดมินเป็นคนที่สนใจเครื่องคอมพิวเตอร์มานานแล้วนะครับ เริ่มตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ตอนนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี จอโค้ง ๆ ตัวอักษรสีขาวหรือสีเขียว วางบนเครื่องซีพียู ต้องเสียบแผ่นดิสก์ครับ เด็ก ๆ ยุคนี้อาจไม่รู้จักแผ่นดิสก์ ขนาด 5.25 นิ้วบาง ๆ หรือขนาด 3.5 นิ้วที่แข็ง ๆ เครื่องที่ทันสมัยสมัยนั้นราคาไม่น้อยกว่า 25,000 บาท แพงมากนะครับ ผมต้องไปอาศัยใช้ตามโรงเรียน
สมัยนั้นระบบปฏิบัติการยอดฮิตคือ MS-DOS ของไมโครซอฟต์นี่แหละ ใส่แผ่นดิสก์เข้าไปเพื่อบูตเปิดเครื่อง พิมพ์คำสั่งเพื่อใช้งาน ใครจำได้บ้าง cls, dir, md, copy, format
โปรแกรมต่าง ๆ บรรจุในแผ่นดิสก์ เซฟก็ต้องเซฟลงดิสก์ อีกสักพักจึงมีฮาร์ดดิสก์ออกมาระดับความจุอย่างหรู 40-60 เมกะไบต์ เล็กกว่าแฟลชไดรว์ที่เราใช้หลายเท่า
สมัยนั้นผมโชคดีที่ได้คอมพิวเตอร์มือสองมาเครื่องหนึ่ง เอามาเรียนเอง DOS และขยับไปเรียนรู้โปรแกรมสำเร็จรูปสมัยนั้น cu word, wordperfect, dBase, lotus 123 มีใครทันไหมเนี่ย เหมือนเดิมเลยคือไปซื้อหนังสือมือสองที่จตุจักร มาเปิดเล่นโปรแกรมเหล่านี้ที่ท่านผู้ใจดีส่งมาให้พร้อมเครื่องคอม
เคยไปลงเรียนคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นฮิตมาก เพราะเป็นของใหม่ในบ้านเรา ผมเรียนภาษาคอมพิวเตอร์สองภาษาคือ ภาษาเบสิก และภาษาปาสคาล ตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะเราสามารถสั่งคอมพิวเตอร์ได้ ส่วนภาษาอื่น ๆ ความสามารถไม่ถึง
แถว ๆ มัธยมปลาย โปรแกรมต่าง ๆออกมาวางขายและมีของเถื่อนออกมาขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมออกแบบ AutoCAD หรือแนวคิดเรื่อง AI ในสมัยนั้นเพิ่งเริ่มจุติ
ระยะนี้เครื่องคอมพิวเตอร์พัฒนาไปเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ตัวแรกที่ผมใช้คือ windows 3.1 ใข้เม้าส์คลิก ๆ นี่แหละ เกม minesweeper กับ solitire ที่แถมมาคือสุดยอดเกม โปรแกรมออฟฟิศเริ่มออกมาขาย ไม่ว่าจะเป็นค่ายไมโครซอฟต์ออฟฟิศ ค่ายโลตัสสูท
เกมบนวินโดวส์เริ่มเข้ามาสมัยนั้นสุดฮิตคือ wolf3D เริ่มมีระบบอินเตอร์เน็ตสายโทรศัพท์ ต้องใช้โมเด็ม เริ่มรู้จัก www. และการส่งไฟล์แบบ FTP การสื่อสารแบบอักษร telnet จนถึงเรื่องสุดท้ายในเรื่องราวคอมสมัยมัธยมคือ อีเมล์ (และยังเป็นการสื่อสารหลักมาถึงทุกวันนี้)
หลังจากนั้นความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ก็หยุดชะงักไป เพราะการเรียนแพทย์อย่างหนัก มีโอกาสใช้บ้างคือ เวิร์ดเพื่อพิมพ์งาน แค่นั้นจริง ๆ หาข้อมูลยังเข้าห้องสมุด ทำสไลด์ยังเขียนแผ่นใสอยู่เลย
มาใช้คอมอีกครั้งคือต้องเขียน พิมพ์ นำเสนอและทำวิจัย กัดฟันซื้อโน้ตบุ๊คตัวแรกตั้งแต่เข้าเป็นแพทย์ประจำบ้าน เครื่องนั้นใช้ยาวนานถึง 6 ปีทีเดียว มาเรียนรู้วินโดวส์อีกครั้งคือ วินโดวส์ 95 ต้องมาซื้อหนังสืออ่าน word, excel, powerpoint, spss เรียกว่าเหมือนเพิ่งออกจากถ้ำ มันเปลี่ยนเร็วมาก ๆ
หลังจากนั้นก็ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานมาตลอด เก็บข้อมูล วิเคราะห์คลินิกบุหรี่ ใช้ excel เก็บสถิติ พิมพ์งาน พรีเซนต์ แต่งรูป ใช้หาข้อมูล แต่ในคอมของผม ไม่มีเกมเลยนะครับ ไม่ได้เล่นและเปลืองพื้นที่
แรก ๆ ก็ซื้อตามร้าน เขาจะลงซอฟต์แวร์เถื่อนมาให้ ก็ทะนงตัวมากว่าทำไมต้องใช้ของแท้ด้วย ตอนนั้นซื้อของเถื่อนใช้แหลก จุดเปลี่ยนคือ เครื่องผมติดไวรัส ข้อมูลหายเกลี้ยง
หลังจากนั้นก็ซื้อแอนตี้ไวรัสของแท้ใช้ เริ่มรู้ว่าการได้อัปเดต ใช้งานอย่างเต็มที่ มันไม่แพงเลย ยิ่งปัจจุบันราคาถูกลงมาก แต่ก็ยังไม่ได้มาใช้ของแท้นะ
ตามมาด้วยการอยากใช้ของแท้แต่ฟรี...จึงเรียนรู้การใช้ open source นำเครื่องมาลง linux ใช้และเรียนรู้มาเองทั้ง ubuntu, linux mint และมาใช้ลีนุกซ์มินต์ เพราะว่ามีครบถ้วนที่เราต้องการ คือมี libre office ใช้แทน MS office ช่วงสองปีก่อนจะทำเพจ ผมใช้แต่ open source
แต่ด้วยความที่ไม่ชิน และชอบลูกเล่นของ MS office มากกว่า อีกอย่างเวลาไปใช้งานที่อื่น ๆ ขี้เกียจพกโน้ตบุ๊คไป ชาวบ้านเขาใช้วินโดวส์ ใช้ mac กันหมด สามปีหลังมานี้จึงใช้ windows, office, antivirus, ใช้แค่นี้เท่านั้นครับในคอม ฯ ของผมทั้งโน้ตบุ๊คและเครื่องตั้งโต๊ะ
ซื้อของแท้ใช้ ก็รู้สึกปลอดภัยพอควรนะครับ อัพเดตตลอด ระวังเวลามีสิ่งแปลกปลอม ยังไม่มีปัญหาใด ๆ เลย ทุกอย่างลงเองทำเอง มีปัญหาก็พอแก้ไขได้ รู้สึกยุคนี้วิชาคอมพิวเตอร์มันเป็นมิตรกับผู้ใช้มาก ไม่ต้องเรียนรู้มากมาย ไม่ต้องมีชุดคำสั่งต้องจำเยอะ
ผมคิดว่าอนาคตข้างหน้า วิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ จะสำคัญไม่แพ้วิชาภาษาอังกฤษเลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น