31 มีนาคม 2561

Quality-Adjusted Life Year

การรักษาใดๆที่มีประโยชน์รายบุคคล กับการรักษาใดๆที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์กับคนหมู่มาก บางครั้งก็ต้องพิจารณาว่าจะเลือกสิ่งใด จึงจะได้ประโยชน์เชิงเศรษฐศาสตร์โดยรวมของประเทศ วันนี้เพจเรามาเรื่องที่ใหญ่ไปกว่าบุคคลแต่เป็นระบบสาธารณสุข
บางการรักษาอาจช่วยชีวิต ลดความพิการลงได้มากแต่ต้องใช้เงินทุนมากมาย หรือการรักษาบางอย่างไม่แพงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากขึ้นนัก มันจะหาจุดตรงกลางได้จากที่ใดที่จะบอกว่า .."คุ้ม"..
หนึ่งในสิ่งที่นิยมใช้กะเกณฑ์คร่าวๆ เวลาเลือกการรักษาเรียกว่า Quality-Adjusted Life Year อาจจะทำให้เราพอมองภาพออกบ้างว่าการลงทุนทางสาธารณสุขของประเทศบางครั้งก็ไม่สามารถนำการรักษาที่เยี่ยมที่สุดมาใช้ได้
คิดถึง Utility scale นับจาก 0.0-1.0 ในความหมาย 0.0 คือเสียชีวิต และ 1.0 คือภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตสมบูรณ์ คูณกับจำนวนปี เช่น ป่วยเป็นสารพัดโรค utility scale เท่ากับ 0.3 และอยู่ได้ 5 ปี คนคนนี้จะมี QALYs เท่ากับ 0.3 x 5 = 1.5
ในขณะที่คนที่สุขภาพดีที่มี utility scale เท่ากับ 1 ก็จะใช้เวลาแค่ปีครึ่งเท่านั้นก็จะมีคุณภาพชีวิตดีเทียบเท่ากับที่ผู้ป่วยสารพัดโรคต้องใช้เวลาถึง 5 ปี
และถ้ามีอายุยืนยาว 5 ปีเท่ากัน คนที่สุขภาพดีจะมี QALYs เท่ากับ 5 นั่นคือเขาจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเกือบ 4 เท่าของผู้ป่วยสารพัดโรค
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า QALYs คืออะไร เรามามองต่อไป สมมติว่าการรักษาโรคในคนที่ป่วยสารพัดโรคดังตัวอย่าง ใช้เงิน 15,000 บาทตลอด 5 ปีหรือปีละ 3,000 บาท สำหรับคุณภาพชีวิตที่ 1.5 สำหรับการรักษานี้คือ 3,000 บาทต่อ 1 QALYs แต่ถ้าต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น utility scale ที่เพิ่มขึ้น เราก็ต้องมองหาการรักษาที่จะขยับ
1. utility scale
2. life years
3. ขยับทั้งคู่
สมมติว่ามีการรักษา A ราคา 4,000 บาท และเพิ่มได้ 1 QALYs อาจเพิ่มคุณภาพชีวิตหรือเพิ่มเวลากับชีวิตอันใดอันหนึ่ง เทียบกับการรักษา B ราคา 50,000 บาทและเพิ่มได้ 1 QALYs เท่ากัน แบบนี้เรียกว่าการรักษา A ลงทุนน้อยกว่าแต่ผลลัพธ์เท่ากัน แนวโน้มจะเลือกใช้การรักษา A เป็นการรักษามาตรฐานหรือใช้ก่อนการรักษา B จึงมีสูงมาก
แต่ถ้าการรักษา B ราคา 50,000 บาท แต่เพิ่ม QALYs ได้ถึง 20 QALYs (อย่าลืมอาจเป็นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือเวลาที่ยาวนานขึ้น หรืออย่างไดอย่างหนึ่ง) การรักษา B จะมีประสิทธิภาพ 2,500 บาทต่อหนึ่ง QALYs ดูคุ้มค่ากว่าการรักษา A เลยทีเดียว
QALYs เป็นเพียงหนึ่งตัวแปรที่มาใช้เลือกการรักษาที่เหมาะสมกับประชาชนหมู่มากว่าคุ้มค่าหรือไม่ ยังต้องมีตัวแปรอีกหลายตัวในวิชาเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ยังต้องมีต้นทุน กำไร ส่วนลดสุขภาพ อีกมากมายในการเลือกการรักษาหรือนโยบายแต่ละอย่าง
อาจจะพอตอบคำถามได้ว่า ทำไมการรักษาบางอย่างที่เวลาดูรายละเอียดเฉพาะคนหรือแต่ละการศึกษาดูดี แต่ว่าอาจไม่คุ้มค่าในการวางนโยบายส่วนรวม การรักษาบางอย่างคุ้มทุนคุ้มค่ามากเหมาะสมที่จะทำในวงกว้าง แต่บางคนก็กังขาว่าไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ (เช่นการสนับสนุนการออกกำลังกาย ลงทุนน้อยมากแต่ได้ QALYs มาก)
การกำหนดว่าตัวเลขค่าการรักษาเท่าใดที่ได้ 1 QALYs ของแต่ละชาติจะต่างกันตามแต่ GDP ของแต่ละประเทศด้วย คร่าวๆตัวเลขหลายๆประเทศนับที่ 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
และถ้าใครไปอ่านการเปรียบเทียบแบบนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า การให้การป้องกันจะใช้เงินน้อยมาก บางครั้งมากกว่า 20 เท่า เมื่อเทียบกับเงินที่ใช้เพื่อการรักษา การออกแบบสุขภาพเชิงรุกเพื่อเน้นการป้องกันจึงมีคุณค่าสูงมาก และหากคนในประเทศมีสุขภาพที่ดี เราก็ไม่ต้องใช้เงินส่วนนี้มากนัก สามารถนำไปใช้พัฒนาด้านอื่นได้นั่นเอง
วิชาที่ยากมาก..เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น