26 พฤศจิกายน 2560

ยาระงับกลิ่นกาย

เหงื่อที่ออกมาก บางครั้งก็มีกลิ่นตามมา ว่างๆวันนี้เรามาดูประวัติของ ผู้พิชิตกลิ่นเต่า
กลิ่นจากเหงื่อของคนเรามักจะออกมาจากต่อมเหงื่อประเภท apocrine ที่อยู่ที่บริเวณรักแร้ ซอกขา ไหนใครไปพิสูจน์ซอกขาคนข้างๆตัวซิ ส่วนมากกลิ่นพวกนี้ไม่ต้องการการพิสูจน์ เพราะมันเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ส่วนต่อมเหงื่อประเภท eccrine มักจะหลั่งเหงื่อแบบน้ำใสๆ เช่นตามแขน ขา
นอกเหนือจากชนิดของต่อมเหงื่อที่ต่างกัน กลิ่นยังเกิดจากแบคทีเรียที่ผิวหนังอีกด้วย เช่น staphylococcus hominis, micrococcus ยิ่งแบคทีเรียมากก็เกิดกลิ่นมาก
ตั้งแต่ยุคกรีก โรมัน การใช้อโรมา สารหอมระเหยต่างๆ ก็ได้รับความนิยมมาตลอดรวมถึงน้ำหอมสารพัดชนิดที่มีต้นกำเนิดจากฝั่งอาหรับ ส่วนตัวผมนั้น Chanel NO. 5 คือราชินีแห่งน้ำหอมเลยนะ ก่อนปี 1888 ชาวโลกทั้งหลายก็ใช้น้ำหอมและน้ำมันหอมระเหยเป็นหลักในการสยบกลิ่น
..จนกระทั่ง..
ที่เมืองฟิลาเดเฟีย อเมริกา ได้มีความเข้าใจเรื่องทฤษฎีการเกิดกลิ่นตัวว่ามักจะเกิดที่ใต้วงแขนและจากแบคทีเรีย Ednar Murphey ได้ประดิษฐ์ครีมลดกลิ่นที่มีสารสังกะสีออกไซด์ ที่เป็นตัวยับยั้งแบคทีเรีย เรียกชื่อครีมนี้ว่า "มัม" ถือเป็น ผู้พิชิตเต่ารายแรก แต่ว่าหลังจากนั้นก็หายไปจากตลาด ไม่ปรากฏเหตุผล หรือว่าสารซิงค์ออกไซค์ ฟอร์มาลดีไฮด์ต่างๆที่อยู่ในมัม ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็ง แต่นั่นก็มาจัดทีหลังที่มัมออกวางจำหน่ายนะ ???
หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาครีมทาออกมาอีก คือ Everdry คราวนี้ใส่สาร อลูมิเนียมคลอไรด์ ที่มีคุณสมบัติ antiperspirants คือลดการหลั่งเหงื่อด้วย ลดกลิ่นด้วย ทำให้เกิดความแห้งสบาย ไม่เหนอะหนะ ดังชื่อ everdry แต่ยี่ห้อ Odorono เขาก็อ้างว่าเป็น antiperspirants ยี่ห้อแรกเช่นกัน โดยสารที่อ้างว่าได้ผลคือตัวเดียวกัน aluminium chloride
หลังจากผู้บุกเบิกสองรายนี้ก็เริ่มมีพัฒนาธุรกิจใต้วงแขนออกมามากมาย สารลดการหลั่งเหงื่อแบบต่างๆ กลิ่นต่างๆ สารฆ่าเชื้อ บางอย่างก็ใช้ได้ บางอย่างก็ถูกองค์การอาหารและยาถอดออกเนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็งผิวหนัง แต่ว่าทุกอย่างก็ยังเป็นครีม เหนอะหนะ ใช้ยาก ไม่เป็นที่นิยม
น่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ขายไม่ดี ในปี 1940 Helen Barnette Diserens ได้พัฒนารูปแบบของสารพิชิตต.เต่านี้ให้ออกมาอยู่ในรูป ..โรลออน..ตามแบบปากกาลูกลื่น เท่านั้นแหละครับ ดังเป็นพลุแตก ใข้ง่าย ดับกลิ่น เหงื่อออกน้อย แห้งสบาย ไม่เหนอะหนะ พกพาง่าย ทำให้ตลาดและอุตสาหกรรมสารระงับกลิ่นกายใต้วงแขนโด่งดังมากขึ้น ภายใต้ชื่อ "Ban"
หลายๆท่านน่าจะเคยคุ้นหูกับ มัม,แบน พอสมควร แน่นอนายยี่ห้อก็ออกมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษมากมาย เย็นราวน้ำแข็ง แห้งราวทะเลทราย อยู่ทนนานทั้งวัน ใช้แล้วขาว (เอาไปทาหน้าเหอะ) ผิวนุ่มใส กลิ่นดึงดูด กลิ่นช็อกโกแลต วานิลลาอะไรก็ว่าไป นั่นคือโรลออน
แต่หลังจากโรลออนออกมาได้ประมาณสิบปี บริษัทยิลเลตต์ก็ทำการตลาดกับผลิตภัณฑ์ใหม่ สารระงับกลิ่นกายแบบสเปรย์ ภายใต้ชื่อ " Gillette Right Guard" ซึ่งหลังจากนั้นก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาเพราะองค์การอาหารและยาห่วงเรื่องสาร อลูมิเนียมที่จะฟุ้งกระจายเข้าปอด สาร propylene glycol ต้องมีการควบคุมและลดสารซีเอฟซี ระยะหลังแบบสเปรย์จึงลดความนิยมลงไป
ยุคนี้ได้ปรับเป็นสารประกอบอลูมิเนียมที่ปลอดภัยมากขึ้น ไม่มีสารก่อมะเร็งและมีสารจากธรรมชาติอื่นๆที่ปลอดภัย และใช้สารธรรมชาติที่ชื่อว่า natural deodurant crystal หรือ potassium alum ที่เรารู้จักในนาม สารส้ม แต่ผิวหนังจะอักเสบง่ายจึงได้พัฒนาต่อไปเป็นสารส้มแบบ ammonium alum ที่ปลอดภัยกว่าแทน
แต่ Aluminium zirconium tetrachlorohydrex gly ที่เป็นสารลดเชื้อโรค ลดเหงื่อนั้นก็ก่อให้เกิดปัญหาคราบเหลืองบนเสื้อผ้าได้เช่นกัน
สนุกๆนะ กับผู้พิชิตเต่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น