17 กันยายน 2560

ตระหนักในหน้าที่ของตัว

ณ โรงพยาบาลต่างจังหวัดอันไกลโพ้น
เวลา 13.00 น. คุณหมอธราธร เงยหน้าจากบัตรตรวจคนไข้คนสุดท้าย คอแห้งผาก คุณพยาบาลเคาะประตูบอกว่า มีสุภาพบุรุษผู้หนึ่งมารออยู่หนึ่งชั่วโมงแล้ว ธราธรบอกพยาบาลหน้าห้องว่าเขาจะไปกินข้าวสักชั่วโมงนะ เขาทราบถึงการมาของเพื่อนเขามาตั้งแต่เมื่อวาน เขาออกมาก็พบเพื่อนรัก "ไปกินข้าวกัน เราสั่งไว้แล้ว ไป ปวรรุจ"
ที่ร้านป้าพจมานข้างโรงพยาบาล กับข้าววางไว้เรียบร้อย สองหนุ่มหิวมาก อาหารก็อร่อย กินไปสักพัก ปวรรุจก็ยิ้ม บอกว่า
"ฉันเข้าใจแล้ว ว่าทำไมแกถึงไม่ไปเรียนต่อ ตอนนั้นทุกคนเป็นห่วงและประหลาดใจมากที่แกเลือกจะอยู่ที่นี่ คนไข้ที่นี่ยังต้องพึ่งแกอีกมาก"
ธราธรเงยหน้าขึ้น ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วบอกว่า
"เราหน้าที่ต่างกัน เราเป็นหมอชุมชน หมอทั่วไป โรคที่รักษาก็เป็นโรคพวกนี้แหละ ที่พบบ่อยๆ โรคไม่ยาก แต่ว่ามันเยอะมากจริงๆ คนไข้เขาก็ไม่ได้อยากไปไกลนะ ถ้าอยู่ใกล้บ้านได้เขาก็ชอบ ไม่เสียเวลาทำมาหากิน โรคที่ดูไม่ไหว ก็ส่ง ไม่ฝืนตัวเอง ไม่ฝืนคนไข้"
ปวรรุจมองตาเพื่อน "ดูแกก็มีความสุขดีนะ ขนาดคนไข้ล้นโรงพยาบาลแบบนี้ ยังยิ้มและดูสนุก เป็นฉันล่ะก็ไม่ไหวแน่ๆ"
ธราธรหัวเราะ "บทบาทหน้าที่เราต่างกัน เราก็ดูแลคนไข้ดีที่สุดเท่าที่กำลังจะทำได้ งานด่านหน้า มันกว้าง ไม่ได้ลึกมากๆอย่างที่นายทำ อย่างนายทำ เราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน"
ธราธรเรียกป้าพจมานมาเก็บเงิน บอกว่า "คนเรามีเป้าหมายชีวิตไม่เหมือนกัน เราน่ะ มีความสุขกับการดูแลคนไข้แบบใกล้ชิด เหมือนญาติ แม้จะเหนื่อย คนไข้มาก แต่ก็เหมือนคุยกับญาติ อีกอย่าง เรากับครอบครัวก็ชอบวิถีชีวิตแบบนี้"
และแซวปวรรุจกลับ "ว่าแต่นายเถอะ เมื่อไรจะเป็นหลักเป็นฐานเสียทีครึ่งชีวิตแล้วนะ พลาดมาหมดตระกูลสระอา อารยา ไปรยา ดาวิกา หมอแล็บแพนด้า เห็นว่าล่าสุดก็ไปคุยกับ นิษฐา"
ปวรรุจยิ้ม..เอาล่ะๆๆ เรื่องนี้ขอบาย ยังไงฝากความคิดถึงไปถึงคุณคำแก้วและหนูแฮรรี่ด้วยนะ ไปล่ะนายจะได้ไปทำงานต่อ
ลับหลังปวรรุจไปแล้ว ธราธรกลับไปนั่งพักสักครู่ สายตาของเขามองจับจ้องไปยังภาพหนึ่ง แล้วยิ้มได้ พร้อมๆกับคุณพยาบาลมารายงาน มีผู้ป่วยไข้เลือดออกอาการหนักที่ห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน เขารีบไปดูรีบรักษา จะได้ไม่รุนแรงไม่ต้องส่งไปที่อื่น
...
เวลาเดียวกัน ที่โรงพยาบาลจังหวัด พุฒิภัทรราวด์วอร์ดเพิ่งเสร็จ 10.00น กับคนไข้มากมาย เขาต้องรับหน้าที่ไปออกตรวจผู้ป่วยนอกเวลา 09.30 น. เขาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงทั้งๆที่มาราวด์แต่เช้าตรู่ คนไข้แต่ละคนหนักมาก บางคนก็ต้องติดตามอาการใกล้ชิด บางคนต้องทำหัตถการ
คุณหมอพุฒิภัทรเป็นอายุรแพทย์คนที่สองของจังหวัดนี้ เขาเลือกมาอยู่ที่นี่เพื่อจะได้มาดูแลแม่ ทั้งๆที่มีโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดใกล้เคียงชักชวนเขาไปอยู่ด้วยเงินเดือนสูงมาก แต่เขากลับเลือกมาอนู่ที่นี่
"แม่ไปอยู่กับลูกที่นั่นก็ได้นะ ที่นี่หมอสาขาของลูกไม่มาก ลูกจะเหนื่อยนะ" แม่ของพุฒิภัทรเคยบอกไว้
"มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับแม่ ที่นี่ ผมอยู่มาตั้งแต่เกิด อยากจะทำประโยชน์คืนบ้าง หมอที่นี่ก็รักกันดี มีความรับผิดชอบ ถ้าเราได้มาทำงานและพัฒนา ที่นี่จะเจริญขึ้น ชาวบ้านก็ได้ไม่ต้องไปหาหมออายุรกรรมที่อื่น ที่สำคัญ แม่ก็จะได้ทอผ้าไหม เลี้ยงหม่อน อย่างที่แม่ชอบด้วยไงครับ"
บทสนทนาระหว่าพุฒิภัทรกับแม่เมื่อวันนั้น แม้ว่าวันนี้แม่ของพุฒิภัทรจะจากไปแล้ว แต่คุณหมอพุฒิภัทรก็ยังขยันทำงานที่เดิมต่อไป ด้วยความผูกพันและอยากพัฒนา
จนหมดผู้ป่วยใน เขาถามพยาบาลว่ามีอะไรอีกไหม และเขาจะไปออกตรวจผู้ป่วยนอก มีอะไรให้ตามเขาที่นั่น ...คุณพยาบาลยิ้มให้บอกว่า "ค่ะหมอ ดีนะคะหมดแล้ว ถ้ามีไข้เลือดออกมาอีกคน หมอคงไปออกตรวจช้าลง คนไข้คงรอนาน วันนี้คนไข้เบาหวานคงเยอะมากสินะคะ"
พุฒิภัทรยิ้ม ไม่ตอบแต่พยักหน้าเห็นด้วย เขายกขวดน้ำขึ้นดื่ม สายตามองไปที่ภาพหนึ่งแล้วยิ้ม
....
เวลาเดียวกัน ที่โรงพยาบาลศูนย์ คุณหมอรัชชานนท์ แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคไต กำลังให้คำแนะนำผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาฟอกเลือดทางหน้าท้อง ขณะนี้เป็นเวลา 16.00 น ผู้ป่วยรายนี้ คุณอภัยมณี เป็นผู้ป่วยรายสุดท้าย คุณอภัยมณีเป็นคนดื้อแพ่ง กว่าจะแนะนำจนยอมให้ฟอกเลือดได้นั้นเหนื่อยไม่น้อย
หลังเลิกงาน รัชชานนท์ขับรถไปที่ศูนย์การค้าใกล้ๆ เขานัดละอองดาวแฟนสาวเอาไว้ นานแล้วที่เขาผลัดเธอเรื่องนัดเจอพ่อแม่ของเธอ วันนี้ต้องไม่พลาด
"รัชช์คะ ดาวเข้าใจรัชช์นะ รัชช์ไม่ต้องห่วง แต่งานนี้รัชช์อย่าพลาดนะคะ" ละอองดาวนั้นคบหากับรัชชานนท์มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เธอรอเขามาตลอดจนเขาเรียนจบแพทย์เฉพาะทางอนุสาขา เพราะเข้าใจในวิถีชีวิตแพทย์ดี และรัชชานนท์เองก็ต้องการจะเป็นแพทย์โรคไตด้วย
"ผมขอบคุณดาวมาก แต่งานนี้ไม่พลาดแน่ๆ สองสามเดือนมานี้ คนไข้ที่ต้องมารับการฟอกเลือดไม่มาก คนไข้เบาหวานได้รับการดูแลอย่างดี จากคุณหมอจังหวัดอื่นๆ ทำให้ผมมีเวลาดูคนไข้ที่ยากๆซับซ้อน ต้องใช้เวลากับเขานานๆอย่างคุณอภัยมณีวันนี้ ถ้ามีคนไข้เบาหวานที่ดูแลไม่ดีมาตั้งแต่ต้น ผมคงเหนื่อยกว่านี้มาก"
ถึงแม้รัชชานนท์จะเชี่ยวชาญเรื่องฟอกไตทางหน้าท้องมาก เขากลับไม่ต้องการฟอกไต เขาจัดตั้งเครือข่ายดูแลคนไข้เบาหวานเพื่อชลอไตเสื่อม เพราะเขาทราบดีว่ามันสิ้นเปลืองงบ ยอมไปคุย ไปแจ้งว่าถ้ามีแนวโน้มไตเสื่อมให้ส่งมาได้เลยเมื่อซับซ้อน จะได้ไม่ต้องไปถึงขั้นฟอกเลือด
หลายคนมองเขาในแง่ร้ายว่า ต้องการลดงานตัวเอง เพื่อจะไปแต่งงาน แต่เขาไม่สนใจ เขาทราบดีว่าคนไข้ได้ประโยชน์จากโครงการนี้มาก
รัชชานนท์ จอดรถที่ศูนย์การค้าเสร็จ เหลือบไปเห็นรูปภาพรูปหนึ่งที่ติดไว้ที่บังแดดรถ เขายิ้ม
...
เวลาเดียวกัน รณพีร์ กำลังนำเสนอผลงานวิจัยเรื่องการจัดการโรคไม่ติดต่อแบบองค์รวม ที่งานประชุมองค์การอนามัยโลก เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ รณพีร์ทุ่มเทความรู้ทั้งหมดเพื่อพัฒนาและวิจัยงานรักษาโรคไม่ติดต่อในระดับประเทศ
เขายอมสละงานรักษาคนไข้ที่เขารัก จากที่เคยตรวจคนไข้มากมายไม่รู้จบสิ้น มาอยู่ในสถาบันการแพทย์แห่งนี้ เพื่อจะพัฒนาและวิจัยให้การรักษามีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจะได้ไม่มีผลข้างเคียง รักษาทันเวลาโดยสหสาขาในท้องถิ่น แพทย์และเจ้าหน้าที่จะได้ไม่ทำงานซ้ำซ้อน ไม่เหนื่อยจนเกินไป
งานวิจัยของรณพีร์เข้าชิง งานวิจัยยอดเยี่ยม สิ่งที่รณพีร์คิดไม่ใช่ชื่อเสียง เกียรติยศส่วนตัว แต่สิ่งที่รณพีร์คิดคือ หากเขาทำสำเร็จทั้งโลกและทั้งประเทศจะได้เห็นคุณค่า คนเจ็บป่วยจะได้ประโยชน์อีกมาก เขาจะได้ไปเป็นผู้นำทางการพัฒนาของประเทศต่อไป
"รณพีร์ ไหวนะ พวกเราฝากอนาคตไว้กับคุณ" ท่านรัฐมนตรีผู้ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของรณพีร์มาก่อน ตบไหล่ให้กำลังใจรณพีร์เบาๆ
"ครับอาจารย์ เราต้องสำเร็จ ผมยอมสละงานรักษาที่รัก ยอมสละเวลา ชีวิตส่วนตัว ทั้งหมดเพื่อสิ่งนี้ เราจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี" รณพีร์ตอบ
พีธีกรประกาศ...ต่อไปเป็นการนำเสนอผลงานวิจัยชนะเลิศ ..รณพีร์จากประเทศไทย รณพีร์สูดลมหายใจลึกๆ มองภาพหนึ่งในมือ แล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อด้านซ้าย เขายิ้ม
...
ภาพสุดท้ายที่ธราธร พุฒิภัทร รัชชานนท์ รณพีร์ เห็นและยิ้ม พร้อมแรงใจเพื่อสู้ต่อไป ในบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนที่ต่างกัน แต่ต้องมีซึ่งกันและกัน จึงจะสำเร็จ คือภาพพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ขณะที่พระองค์เดินลุยน้ำไปกับคณะทำงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาในใจของทุกคน "เพราะท่านทำเพื่อคนไทย ด้วยธรรมะของพระราชา หวังให้เราชาวประชาอยู่ดีกินดี ท่านต้องเหนื่อย เพราะงานหนัก ไม่เคยพักจวบจนวันนี้ ช่างโชคดี ที่แผ่นดินนี้ ..มีราชาผู้ทรงธรรม"
บทส่งท้าย ..
ตู๊ดๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกดัง เป็นเวลา 06.00น ปลุกให้ปวรรุจสะดุ้ง เขานอนหลับไปหน้าคอมพิวเตอร์ มือและขาชาไปหมด เมื่อคืนเขาเขียนเรื่องราวของเพื่อนๆทั้งสี่คนของเขาเป็นเรื่องสั้น เพื่อให้ทุกคนให้ตระหนักในหน้าที่ของตัว และทำให้ดีที่สุด ตามแบบอย่างจากพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง
เขาเปลี่ยนเสื้อเพื่อจะไปจ๊อกกิ้ง เขามองเสื้อเก่าๆตัวนั้น ใส่มานานมาก และไม่เคยคิดจะเปลี่ยน เสื้อยืดสีขาว กลางอกสีลายสกรีนสีน้ำเงินเป็นข้อความว่า
"อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว"
ขอบคุณภาพจาก prachachat.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น