16 กรกฎาคม 2560

สุขภาพ

อ่านและเห็น จึงนำมาบอกกล่าวกัน จริงเท็จประการใด เห็นด้วยเห็นต่าง ช่วยกันคิดครับ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งคนไข้ ทั้งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
1. ทุกวันนี้คนเราก็ยังทุพโภชนาการอยู่ดี แม้จะอาการการกินสมบูรณ์จนอ้วนตุ้ยนุ้ย เพราะกินอาหารผิดสัดส่วน ที่เราเคยคิดว่าเรากินดี มันแค่หมายถึงเรากินอร่อยหรือไม่ ไม่ใช่กินดี สภาพของอาหารทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เราต้องรู้จักเลือกกิน อาหารคลีนอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
2. วัคซีนเป็นการลงทุนที่ไม่แพง แต่ผลที่ได้มันมากกว่าป้องกันโรคของคุณ มันป้องกันโรคให้กับโลก ให้กับคนใกล้ชิด เพราะถ้าคิดว่าโรคนั้นคุมไม่ได้ก็ไม่มีวัคซีนออกมาหรอกครับ ตัวไหนฉีดฟรีและไม่มีข้อห้ามฉีดไปเถอะ ตัวไหนจ่ายตัง จำเป็น ควรฉีดและไม่มีข้อห้ามก็ฉีดไปเถอะ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
3. โรคบางโรคอาการดี ไม่ได้หมายความว่าโรคสงบเพราะการดำเนินโรคอาจดำเนินแบบไม่มีอาการได้ เรามีการประเมินโรคที่มากกว่าอาการ ดังนั้นท่านไม่ควรยุติการรักษาเองเพียงแค่อาการดีขึ้นเพียงเท่านั้น อาทิเช่นการสูดยาสูดสเตียรอยด์ในโรคหอบหืด การกินยาวัณโรคให้ครบกำหนด การใช้ยาควบคุมรูมาตอยด์ ควรเข้ารับการประเมินโรคตามกำหนด ถ้าไม่สะดวกให้ต่อรองกับแพทย์ อย่าหยุดหายไป
4. เวลามีปัญหาสุขภาพ ให้พบแพทย์เพื่อซักประวัติและตรวจร่างกาย ประเมินความเสี่ยงโรค กรุณาอย่าไป "ตรวจสุขภาพ" เพราะอาจไม่พบอะไร หรือพบสิ่งใดจากการตรวจสุขภาพก็ไม่ได้อธิบายโรคที่เป็นเลยก็ได้ การตรวจสุขภาพที่ปรากฏอยู่ทุกวันไม่ได้ออกแบบมา วินิจฉัยโรค ส่วนการตรวจทางอายุรกรรมเราใช้การซักประวัติและการตรวจร่างกายเป็นหลักครับ
5. ข้อมูลการวินิจฉัยโรคทางสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเชื่อถือได้เพียงใด เรามีความโน้มเอียงที่จะตีความเข้าข้างตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ การวินิจฉัยโรคนอกเหนือจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือต้อง..validation.. สิ่งต่างๆให้เป็น ดังนั้นควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขดีกว่า
5. การคัดกรองมะเร็ง มันบอกความจริง ณ ปัจจุบันว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่จะเป็นมะเร็งในขณะนี้ ไม่สามารถคาดเดาผลในอนาคตได้ 100% การตรวจไม่พบก็ห้ามหลงระเริง ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองตามเวลาที่กำหนดเพราะการคัดกรองมะเร็งหวังผลพบโรคในระยะต้นมากกว่าทำเพื่อสบายใจ (จริงๆก็การคัดกรองทุกอย่างนั่นแหละ)
6. การรักษาทางอายุรกรรม ไม่ใช่ว่าใช้ยาเท่านั้น ยาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เรามีการรักษาที่เรียกว่าการรักษาแบบไม่ใช้ยาที่จำเป็นและสำคัญไม่แพ้การใช้ยา เช่นการออกกำลังกายเฉพาะแบบ การงดใช้งานกล้ามเนื้อที่อักเสบ การดื่มน้ำมากขึ้นในไข้หวัด การลดเค็มในผู้ป่วยไตเสื่อม
7. อาหารเสริมสารพัดชนิด ไม่มีบทพิสูจน์ที่ชัดเจนเท่าไร การเลือกใช้ต้องระวังอย่างยิ่ง ความจริงที่บอกว่าคนนั้นใช้แล้วดีคนนี้ใช้แล้วหาย ไม่สามารถแปลได้ว่าคนส่วนใหญ่ใช้แล้วดีหรือหาย ยังมีคนที่ใช้แล้วไม่เกิดผลหรือมีผลเสียอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ...ความจริงนี้รวมไปถึงยาแผนปัจจุบันต่างๆ แม้การทดสอบยาจะทดลองแบบมีรูปแบบกับกลุ่มตัวอย่างปริมาณมากๆ แต่การเลือกใช้ยาและปรับยาเป็นปัจเจกปัจจัยเฉพาะคน
8. หมอแต่ละคนมีแนวคิด มีความชำนาญไม่เท่ากันดังนั้นอาจเปรียบเทียบการรักษาในแต่ละรายได้ไม่ วิธีไปสู่การหายจากโรคและสุขภาพที่ดีมีได้หลายวิธี หมอและคนไข้ต้องคุยกัน หมอก็ไม่ควรยึดตามแนวคิดตัวเองลืมความจำเป็นแห่งคนไข้ คนไข้ก็ไม่ควรยึดตามตัวเองจนพ้นความจริงทางวิชาการ คนไข้มีสิทธิขอความเห็นที่สอง หมอก็มีสิทธิในการปรึกษาผู้ที่เชี่ยวชาญกว่า เราควรทราบสิทธิและหน้าที่ต่อกัน
9. โรคส่วนมากแล้วคนที่รักษาคือคุณๆเอง แพทย์เป็นเพียงผู้ชี้ทาง บอกกล่าวเล่าเรื่อง ให้การช่วยเมื่อจำเป็นและเกิดประโยชน์ เช่นเข้ารับการสวนสายสวนหลอดเลือดรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันใช้เวลา 30 นาที อยู่ไอซียู 2 วัน ติดตามการรักษากับหมอครั้งละ 15 นาที ทุกสองเดือน ถ้าคุณติดตามการรักษา 16 ปีรวมๆคุณพบแพทย์แค่ 24 ชั่วโมงเอง หมายความว่าเวลาที่เหลือ คุณต้องดูแลตัวเอง !!!
10. ไม่มีอะไร 100% ทางการแพทย์ เรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงของโรคอีกมาก และการดำเนินโรคก็มีปัจจัยต่างๆมากมาย สิ่งที่เรารู้จักคือความน่าจะเป็นและโอกาส ส่วนมากก็เป็นตัวเลขที่ 95% นั่นหมายความว่า สิ่งต่างๆแม้ในทางการแพทย์ก็ล้วนเป็นอนัตตา ยังมีข้อที่เป็นไปได้เหนือความคาดคิดอีกมาก สิ่งที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด คือ การสื่อสารที่ดีและการติดตามผู้ป่วยที่เหมาะสม (ใช้คำว่าการติดตาม "ผู้ป่วย" ไม่ใช่ติดตาม "โรค"นะครับ)
ถ้าเหนื่อยนัก ก็ให้พัก แต่ถ้าจะรัก ให้กดไลค์..ฮิ้ววววว
ปล. นานๆจะเอารูปตัวเองมาลงเพจ ตอนนั้นไปหากินฮ่องกง ขอขอบคุณแอดมินเพจ @เคมีฟิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ที่มาถ่ายภาพคู่กันครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น