05 กุมภาพันธ์ 2560

นวลฉวี

คุณเคยไหม เมื่อเรื่องบางเรื่องที่เคยเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำมันกลับมาอีกครั้ง

  หลายสิบปีก่อน นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ได้ศึกษาเรื่องราวเรื่องหนึ่งอย่างสนใจ พาตัวเองไปดูหลักฐานของจริง พาตัวเองไปค้นเอกวารและไมโครฟิล์มที่หอสมุดแห่งชาติ เพื่อศึกษาเรื่องราวนั้นด้วยตัวเอง เวลาผ่านไปนับสิบๆปี จนกระทั่งวันหนึ่งรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกเก่าๆได้ย้อนกับมา แต่ในประสบการณ์ที่มากขึ้น อายุที่มากขึ้น..

  เกือบหกสิบปีมาแล้ว ที่เมืองไทยได้มีคดีโด่งดังเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ แม้กระทั่งท่านผู้นำประเทศในขณะนั้นก็ยังให้ความสำคัญกำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเร่งรัดและจัดการคดีนี้อย่างจริงจัง เป็นเรื่องราวของนายแพทย์หนุ่มเพิ่งจบใหม่ สมัยนั้นเป็นยุคสมัยที่เรียกว่า "เรามาหาความหมาย" ในมหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษาและปัญญาชนเป็นที่สนใจ นายแพทย์หนุ่มผู้นี้ก็เช่นกัน เขาจบมาไม่นานก็พบรักกับ นางพยาบาลสาวสวยวัยรุ่นที่เพิ่งจบ ด้วยความอิสระที่ออกจากรั้วโรงเรียน (ขอเรียกอย่างนี้เพราะชีวิตนักเรียนแพทย์นักเรียนพยาบาล ไม่ต่างจากอยู่โรงเรียนประจำเท่าไรนัก) ความเยาว์วัยต่อโลก ทำให้ความรักของทั้งสองเป็นไปในทางไม่ดีและจบลงในทางไม่ดี ครับผมพูดถึงชีวิตรักของคุณหมออธิป สุญาณเศรษฐกร และคุณนวลฉวี เพชรรุ่ง ต้นทางของคดีโด่งดังที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย

   เอาเป็นว่าผมจะไม่พูดถึงเรื่องราวต่างๆในรายละเอียดนะครับ ท่านคงทราบดีหมดแล้ว รวมทั้งภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยคุณสินจัย เปล่งพานิช และคุณอภิชาติ หาลำเจียก คุณชลประคัลภ์ จันทร์เรือง แสดงไว้ได้ดีมาก แต่ถ้าใครค้นคว้าความจริงก็จะทราบว่าความจริงแห่งคดีนั้น อาจจะไม่เหมือนความรู้สึกที่แสดงในหนัง
   ในฐานะที่เป็นแพทย์รุ่นพี่ และอีกไม่นานน้องๆในระบบของกระทรวงสาธารณสุขทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร นักวิชาชีพ ก็จะออกจากรั้วมหาวิทยาลัยออกไปสัมผัสของจริงที่เป็นบททดสอบตัวจริง คนไข้จริง ระบบการเมืองและการสาธารณสุขที่ล้มเหลว น้องๆจะต้องออกไปเผชิญทั้งๆที่ไม่มีอะไร คุ้มกาย เลย
  แม้ว่าโลกในยุคปัจจุบันจะไม่เหมือนสมัยนั้น หรือสมัยแอดมินยังเป็นหนุ่มจบใหม่ก็ตาม แต่เชื่อผมเถอะว่าเรื่องราวแบบนี้ยังเกิดในโรงพยาบาลตลอดเวลา เพราะว่าเราไม่มีเวลานัก ทุกคนก็รู้จักกัน เห็นใจกัน และอาจก่อเกิดเป็นความรักที่ดีหรือความรักที่โหดร้ายได้ จึงอยากให้น้องๆทุกคนได้ดูภาพยนตร์หรืออ่านเรื่องราวพวกนี้บ้าง เพื่อให้ทราบและ "รู้ทัน" ความรักที่ขาดสติและความยั้งคิดมากำกับตัวเอง

  ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่าที่ทั้งคู่ต้องจบลงแบบนี้เพราะว่า สายตาไม่ได้มองไกลมากนัก ชีวิตของบุคลากรทางสาธารณสุขมันเป็นชีวิตที่ไม่สำราญ ภาระงานหนักหนา ทำให้เรามองโลกไม่กว้าง ไม่มีเรื่องอย่างอื่นมาพัฒนาสมองและความคิด ระบบการเรียนก็มุ่งเน้นแต่ให้เก่ง แต่บางทีก็อยู่รอดได้ยากในสังคม เมื่อประสบปัญหาก็ไม่มีความกว้างที่จะมองปัญหาให้ครบ
   ผมอยากให้น้องๆที่เรียนอยู่หรือที่จบออกมาใหม่ๆ ได้เปิดโลกครับ อย่าเอาแต่ทำงานหรือหมกมุ่นอยู่แต่ตำราวิชาการ ให้ออกมาสัมผัสโลกบ้าง เรียนรู้ศาสตร์อื่น ศิลปะอื่นๆ รู้จักผู้คนนอกสาขางาน  ผมบอกตามตรงเราอาจจะเก่งในสายงานแต่อยู่ข้างนอกเรายัง "ไม่ทัน" และถูก "หลอก" อีกมากมาย ตอนผมเรียนกฎหมายนะครับ ตรงๆเลย ...ทำไมตรูโง่อย่างนี้..เพราะว่าวิถีโลกและศาสตร์อื่นๆเขาไม่ได้คิดแบบเราไงครับ หรือแม้แต่คนอื่นๆที่อาจจะยกย่องหรืออาจจะจ้องเราเป็นเหยื่อก็มี
   หรือแม้แต่ความรักที่สวยงาม แต่ถ้าไม่มีคุณธรรมและการใช้ชีวิตที่เหมาะสม ก็อาจพังได้ตลอด ถ้าเราได้รู้จักโลกมากพอ มุมมองกว้างอาจไม่แย่แบบนี้ จะไปท่องเที่ยว จะไปเรียนสาขาอื่นๆ จะไปเข้ากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่จัดอยู่มากมาย จะเลือกปฏิบัติธรรมหรือประกอบกิจทางศาสนาของตน อยากให้ใช้ชีวิตสมดุลบ้างนะครับ โลกนอกโรงพยาบาลมันน่าเรียนรู้อีกมาก

น้องๆหมอที่รักทั้งหญิงและชาย เมื่อคุณจบมา คุณจะเป็นเป้าทางสังคมไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อย่าใช้ความเป็นเป้าและสิ่งที่สังคมยกให้มาหาประโยชน์แก่ตน อย่าหลงระเริงกับความบิดเบี้ยวของสังคมที่อาจจะยกให้น้องๆดูเป็นที่หนึ่ง น้องๆผู้ชายอย่าใช้ความเป็นเป้านี้ทำแบบหมออธิป น้องๆผู้หญิงก็จงมีสติอย่าให้คนอื่นมาล่อหลอกเราได้ น้องๆพยาบาลทั้งหญิงและชาย ด้วยอาชีพที่ใกล้ชิดกัน ความสัมพันธ์ก็ก่อเกิดง่าย คุณหมอก็มีทั้งดีและไม่ดี อย่าให้ค่าทางสังคม มีค่าเหนือกว่าตัวตนที่แท้จริงของบุคคลนั้นๆนะครับ ... สรุปว่า ..อย่าให้ฐานะและสิ่งที่สังคมมองเรา  มันครอบงำเราจากตัวตนที่แท้จริงของเรา

  เอาละเล่ามานาน..พอดูหนังเรื่องนี้ทีไร ของขึ้นทุกที กลับไปที่นักศึกษาแพทย์คนเดิมเมื่อกี้ เขาได้ไปยืนอยู่หน้าตู้ที่เก็บเสื้อผ้า บันทึก และ อาวุธสังหาร ที่เกิดขึ้นในคดีฆาตกรรมคุณนวลฉวีหลายครั้ง จนเวลาผ่านพ้นไปหลายปี นักศึกษาแพทย์คนนี้ผ่านประสบการณ์ต่างๆมากมาย เห็นและถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ได้ย้อนกลับมาที่พิพิธภัณฑ์นั้นอีกครั้ง ที่ตู้เก็บหลักฐานนั้นอีกครั้ง ได้มองคดีนั้นแตกต่างออกไป ไม่ใช่แค่ความรักที่รุนแรงเท่านั้น แต่มันคือสิ่งที่อาจป้องกันได้ ถ้ามีสติและรู้เท่าทัน คุณหมอชราที่หน้าตาหนุ่มมากคนนั้นคิด จะปล่อยให้มันผ่านไปตามกระแสแห่งกาลเวลาและรอเรื่องราวแบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือจะถ่ายทอดความคิดนั้นสู่รุ่นน้องทั้งหมอ พยาบาล และเพื่อนร่วมอาชีพ เพื่อเป็นประโยชน์ให้เขาได้ฉุกใจคิดบ้าง
   แล้วคุณหมอก็เริ่มจรดปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์... คุณเคยไหม เมื่อเรื่องบางเรื่องที่เคยเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำมันกลับมาอีกครั้ง....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น