17 กุมภาพันธ์ 2560

กระดูกสันหลังเคลื่อน...ในโรครูมาตอยด์

กระดูกสันหลังเคลื่อน...ในโรครูมาตอยด์

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่มีการทำลายเยื่อบุผิวข้ออย่างรุนแรงและกว้างขวาง มีการอักเสบเรื้อรัง ถ้ารักษาไม่ดีก็จะเกิดความพิการมือผิดรูปได้ การรักษาตั้งแต่ต้นโดยยาที่ใช้ปรับภูมิคุ้มกันนั้นมีความสำคัญมาก ส่วนใหญ่เราก็จะคำนึงถึงข้อที่เรามองเห็น ข้อมือ ข้อนิ้วเท้า ข้อนิ้วมือ แต่ว่ามีอีกหนึ่งข้อที่เรามองไม่เห็นและมักจะละเลย นั่นคือ...ข้อกระดูกสันหลังส่วนคอซี่ที่หนึ่งและสอง

โดยธรรมชาติ กระดูกสันหลังส่วนคอนั้นร่างกายจะมีระบบป้องกันที่ดีมาก เพราะถ้าเกิดอันตรายอาจหมายถึงพลาดไปทับไขสันหลังส่วนคอ ทำให้ขยับแขนและขาไม่ได้หรือหายใจไม่ได้ สำหรับกระดูกสันหลังส่วนคอซี่ที่หนึ่งและสองมีความสัมพันธ์กันอย่าลึกซึ้ง เพราะต้องรับหน้าที่หลักในการเป็นจุดหมุนของกระโหลกและกระดูกคอ ธรรมชาติจึงสรรค์สร้างอย่างลงตัวให้กระดูกสันหลังซี่ที่หนึ่งเป็นวง ส่วนซี่ที่สองจะมี "เดือย" กระดูกโผล่จากด้านบน เพื่อสอดรับเข้าไป ช่องพิเศษของซี่ที่หนึ่ง และมีเส้นเอ็นยึดไว้ รัดรึงไว้อย่างกระชับ ไม่หลุด ไม่เคลื่อน แม้จะเคลื่อนที่อย่างหนักหน่วงแต่ก็มั่นคง
แต่เมื่อเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์นานๆ ข้อต่อตรงนี้อาจจะหลวม ย่อหย่อน ส่งผลให้ "เดือย" อาจเคลื่อนเลื่อนหลุดได้ ก็จะมีอาการปวดต้นคอเรื้อรัง ในบางจังหวะเวลาที่เจ้า "เดือย" หรือตัวฐานกระดูก ไปกดเบียดไขสันหลังหรือก้านสมอง อาจมีอาการชา อ่อนแรง หรือมีอาการของก้านสมองถูกกด ไม่ว่าจะเป็นหมดสติ ความดันและชีพจรต่ำ หายใจลดลง วิงเวียนรุนแรง อันนี้ต้องรีบแก้ไขครับ แต่โชคดีที่ส่วนมากไม่ค่อยกดเส้นประสาท ปัญหาหลักคือ ปวดต้นคอมากๆ

จึงนับว่าเป็นอีกปัญหาและผลข้างเคียงแทรกซ้อนของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ครับ พบไม่บ่อยแต่ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ซ่อนอยู่ได้ ภาพที่ผมเอามาให้ดูเป็นภาพจริง ที่มีการเลื่อนของกระดูกต้นคอ เลื่อนขึ้นด้านบน เดือยกระดูกที่ว่าก็ไปกดที่ฐานกระโหลกตรงบริเวณก้านสมอง ทำให้เกิดอาการปวดต้นคอและวิงเวียนรุนแรงมากๆ ...ใช้ศัพท์ว่า basilar invagination of odontoid process.. อาจเป็นความผิดปกติของกระดูกตั้งแต่เกิดได้ แต่ในรายนี้คงคิดถึงการเลื่อนหลุด ของกระดูกสันหลังส่วนคอ ซี่ที่หนึ่งและสองครับ ..และการเลื่อนแบบนี้ศัพท์ทางการแพทย์เรียก atlato-axial subluxation (atlas คือ กระดูกสันหลังส่วนคอซี่ที่หนึ่ง ที่รองรับกระโหลก ..axis คือกระดูกสันหลังส่วนคอซี่ที่สอง ที่มีเดือยสอดใส่ใน atlas...subluxation ก็ข้อเคลื่อนครับ)

แถม.. เราเรียกกระดูกนี้ว่าแอตลาสเพราะรองรับกระโหลกตามชื่อ แอตลาส เทพในตระกูลไททันของกรีกโบราณ แอตลาสเป็นลูกชายของ Lapetus และ Clymene เป็นแม่ทัพของไททันในการทำสงครามกับเหล่าเทพบนเขาโอลิมปัส (แต่ไททันหลายคน ก็ไปอยู่ข้างเทพ เช่น โปรมีเธอุส น้องชายของแอตลาส ผู้ขโมยไฟจากสรวงสวรรค์มาให้มนุษย์ใช้) แน่นอน..เทพแต่งนิยาย ..เทพชนะสงคราม คุณซูส หัวหน้าเทพ ก็เลยลงโทษแอตลาส ให้แบก..ท้องฟ้า เอาไว้ชั่วนิรันดร์ แบกท้องฟ้านะครับ ไม่ได้แบกโลก แต่ศิลปินโบราณคงวาดท้องฟ้าและปั้นท้องฟ้ายาก จึงออกมาเป็นรูปแบกลูกกลมๆ คนรุ่นหลังคิดว่าแบกโลก จริงๆแบกท้องฟ้านะครับ

..แอตลาส ยืนแบกอยู่ทางทิศตะวันตก หันหน้าตะวันตก สมัยกรีก เขาคิดว่าโลกมีศูนย์กลางอยู่แถว อิตาลี และกว้างแค่ยุโรป ตะวันตกสุดของเขาก็คือ มหาสมุทรใหญ่ จึงเรียกว่า มหาสมุทรของแอตลาส..มหาสมุทรแอตแลนติก

...บางตำนานว่า เปอร์ซีอูส ได้ปราบแอตลาส โดยใช้หัวเมดูซ่าที่เป็นงู ใครเห็นจะกลายเป็นหิน แม้กระทั่งเทพ ..ตกลงคนกลัวเปอร์ซีอูส เพราะเขากลัวเมดูซ่าต่างหาก.. แอตลาสได้กลายเป็นหิน เป็นภูเขาที่ศูนย์กลางโลก คือ เทือกเขาแอตลาส ในโมร็อกโก ที่ท่องเที่ยวสุดฮิต

...แอตลาส เป็น อาจารย์สอนวิชาดาราศาสตร์และเดินเรือ สมัยนั้นเขาฮิตใช้เรือใบ และดูดาว เข็มท๊งเข็มทิศไม่ค่อยพกกัน หลายๆที่มาบอกว่า ก็เรียกแผนที่ (atlas) ตามชื่อคุณแอตลาสนี่แหละ

...แพทย์ยุคก่อน เห็นกระดูกคอซี่ที่หนึ่งต้องแบกรับกระโหลกไว้ตลอด ก็เลยตั้งชื่อว่า atlas ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น