วันอาทิตย์ อากาศเย็นสบาย วันนี้ไม่มีวิชาการหนึ่งวัน อยากจะเชิญชวนแฟนเพจทุกท่านย้อนรำลึกถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ เราจะมาดื่มด่ำอีกสักครั้ง...สะบายดี หลวงพระบาง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถ่ายทำทั้งหมดที่ประเทศลาว จึงได้เห็นสภาพแวดล้อมของประเทศลาวที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก วิถีชีวิตคล้ายของคนไทยในอดีต เรียบง่าย แม้แต่ในเมืองใหญ่ทางตอนใต้อย่างปากเซก็ยังเห็นภาพชาวชนบทที่วิถีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ ไม่รีบร้อน
สภาพธรรมชาติที่ใกล้เมือง สิ่งแวดล้อมที่ยังไม่เสียหายมากนัก คงสภาพเดิมๆทั้งอาคารบ้านเรือน วัดวาอาราม ป่าเขาลำเนาไพร
ดูถึงตอนนี้ก็จะคิดถึงภาพเราสะพายกล้อง เดินถ่ายรูปท่ามกลางสายหมอกจางๆของตลาดนัดตอนเช้า ที่มีของพื้นบ้านขาย หมูย่างกลิ่นหอมเตะจมูก ไก่ย่างควันฉุย ข้าวเหนียวร้อนๆ ดื่มกาแฟสักถ้วย แล้วเดินดูชาวบ้านที่ตื่นแต่เช้า แต่งตัวเรียบง่ายสวยงามตามแบบชาวลาว ทำบุญตักบาตร เลือกซื้อของในตลาด
ภาพที่คุณสอน พระเอกของเรื่อง ไปตามวัดวาอารามที่ยังบูรณะอย่างดี เงียบสงบ ไม่มีกลุ่มผู้แฝงการค้ามาขายบุญ พระอารามนิ่ง สงบท่ามกลางแสงแดดยามสาย ที่ทะลุเงาไม้ลงมาดูสวยงาม ใครชอบถ่ายภาพนี่คือสวรรค์จริงๆ อย่างที่พระเอกทำเลยครับ
แม้ว่าการขนส่งจะยังดูไม่ก้าวหน้า รถโดยสารเก่า เส้นทางขรุขระ เมื่อผ่านตลาดก็จะมีคนเอาของมาเร่ขาย สถานีขนส่งที่ยังเป็นศูนย์รวมการค้าดังเช่นประเทศไทยสมัยก่อน หรือการเดินทางที่จะต้องใช้รถสองแถวบุกบั่นเข้าไป รถมอเตอร์ไซค์สามล้อสกายแลป ก็เป็นรสชาติและสีสันของการเดินทางที่น่าประทับใจ เป็นอีกรูปแบบที่แตกต่างจากรถไฟฟ้าแอร์เย็นฉ่ำ พระนางคู่นี้ถ่ายทอดการเดินทางที่เรียบเรื่อยไม่รีบร้อน ไปตามสิ่งที่มีแต่ละท้องถิ่น
ตัดกลับมาที่เมืองหลวงของลาว ก็มีโรงแรมระดับหลายดาวและสถานบันเทิง ร้านอาหารที่บรรยากาศดี เหมือนกับหัวใจคุณเต้นช้าลง หายใจช้าลง สูดลมเต็มปอด เข้าสู่อารมณ์พักและเรียบง่าย ภาพการทำบุญตอนเช้าที่เราเห็นจากสารคดีจนติดตา แต่มุมกล้องและการวางภาพของผู้กำกับซึ่งเป็นคนลาว จัดภาพเหมือนเราเป็นคนใส่บาตร ไม่ใช่เป็นนักท่องเที่ยวที่ไปถ่ายภาพ
เมืองที่มีนักท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ได้เละเทะอย่างพัทยา ยังสามารถเดินเล่น ชมสินค้า ไหว้พระ พักเหนื่อยกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ร้านกาแฟเล็กๆอบอุ่น ยิ่งถ้าไปหน้าหนาว เดินเล่นในช่วงเย็นๆ อากาศสบายๆ แสงอาทิตย์กำลังลับฟ้า สีส้มอ่อนๆ แสนจะโรแมนติก ใครมีทักษะการถ่ายภาพ ริมไลท์ จัดแสงสวยๆฉากหลังดีๆ ก็จะได้ภาพสวยๆกลับไปอวดเพื่อนฝูงอย่างแน่นอน
ในฉากที่พระนางได้เข้าไปในบ้านของพระเอก เราก็ได้เห็นวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน การร่วมโต๊ะ การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยังงดงาม หรือแม้แต่ฉากที่พระเอกจะต้องไปค้างบ้านชาวบ้านแบบโฮมสเตย์ เราก็จะเห็นรูปแบบการทำงานแลกอาหาร ลักษณะอาหารท้องถิ่น ที่ประกอบง่ายๆ การเลี้ยงชีพของชาวบ้านในชนบทของเมืองลาวที่ยังมีมนต์เสน่ห์น่ารู้ น่าดูอีกมาก
เรียกได้ว่า ถ่ายทอดความงดงามแบบประเทศลาวแบบที่ผู้กำกับอยากให้เราได้เห็น เห็นแล้วก็จะไปจัดกระเป๋า หาทางไปเที่ยวลาว แบบแบ็กแพ็กเกอร์สักครั้ง พระเอกด้วยความที่เป็นคนลาวและช่างภาพมืออาชีพด้วยแล้ว สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่ซาบซึ้งกับสิ่งที่เมืองลาวมี ได้อย่างสนิทใจ และนางเอกก็เสนอภาพสาวลาวที่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อกับวัฒนธรรมตะวันตก เรียบง่าย แต่เฉลียวฉลาดไม่ตกเป็นเบี้ยล่างใคร รวมทั้งเห็นการนุ่งผ้าซิ่น เสื้อแขนกระบอก ที่งามตามากๆ หาได้ยากมากทุกวันนี้
อยากบอกว่าผมไปลาวมาเมื่อหลายปีก่อน ก็ยังเห็นภาพแบบนี้นะครับ ปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บันทึกความงาม ด้วยการแสดงของนักแสดงที่เดินเรื่องได้ดี มุมกล้องและภาพที่สวยเรียบง่าย เรื่องราวที่ไม่หนักเกินไป ทำให้เราได้เสพความสวยงามได้เต็มที่
เอาละ..ถึงเวลานั่งดู “สบายดี หลวงพระบาง” กันอีกรอบแล้วนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น